ตอนที่ 4 ระบายความเครียด
เราจึงเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่มันจัดวางไว้อย่างสวยงามในห้องน้ำเอาผมาคลุมตัวเองก่อนเพราะในนี้ไม่มีอะไรเลย เสื้อผ้าซักชิ้นก็ไม่มี นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ถึงเราจะมัวมาคิดมันก็ไม่ได้รู้อะไรสู้เดินออกไปนอกห้องดูมันให้เห็นกับตาไปเลยดีกว่า เราจึงตัดสินใจเปิดประตูห้องออกมา ข้างนอกดูสวยหรูสุดๆ เท่าที่เราดู ที่นี่น่าจะเป็นเพ้นเฮ้าส์นะ เพราะมันอยู่บนตึกสูงมองออกไปด้านนอกนี่เห็นวิวกรุงเทพที่สวยงามมากๆอ่ะ แล้วยังไงต่อเราควรทำยังไง เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“ตื่นแล้วเหนอครับคุณเมณิษา”มีคนเดินขึ้นบันไดมาพร้อมกับมองเรานิ่งเขาก็คือคนที่พูดดีกับเราและปฎิบัติดีกับเราคนนั้น ว่าแต่เขารู้จักชื่อเราด้วยงั้นเหรอ
“ค่ะ ว่าแต่พวกคุณเป็นใครกันแน่คะ”
“ผมชื่อโยชิครับ”
“แล้วคุณช่วยฉันมาเหรอ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ คุณช่วยฉันอีกแล้ว”
“ผมไม่ใช่คนที่ช่วยคุณหรอกครับ คนที่ช่วยคุณอยู่ด้านล่างต่างหาก”
เราพยายามมองลงไปด้านล่างแต่มันก็ยังไม่เห็นใครอยู่ดี
“เอ่อ คือว่า คุณช่วยเอาชุดมาให้ฉันหน่อยได้มั้ยคะ พอดี ฉันหาชุดไม่เจอ”
“ครับ เดี๋ยวผมเตรียมให้ แต่ตอนนี้ ผมคงต้องพาคุณไปพบกับเจ้านายของผมก่อน”
“เจ้านายของคุณ เขารอฉันอยู่ใช่มั้ยคะ แล้วฉันแต่งตัวแบบนี้มันจะสุภาพเหรอ”
“ไม่เป็นไรครับ ตามผมมาได้เลย”
เขาเดินนำเราลงบันไดไป คือที่นี่สวยมากจริงๆ ดูท่าคนๆนี้จะรวยสุดๆไปเลยนะ เผลอๆจะรวยกว่าตระกูลอนุธาพงษ์ของคุณวฤทซะอีก
เขาเดินนำเรามาที่สระว่ายน้ำที่นี่เป็นเพ้นเฮ้าส่วนตัวจริงๆด้วย มีสระว่ายน้ำส่วนตัวแบบนี้ไม่ผิดแน่ๆ เพราะคุณวฤทเคยพาเราไปอองานเปิดตัวคอนโดที่ได้รับเชิญมา เขาอยากได้นะ แต่เขาคุยกับพี่ธันว่าราคามันแรงเกินไปเขาซื้อไม่ไหว แต่คนๆนี้มีเพ้นเฮ้าทีหรูหราขนาดนี้ได้ยังไงก็มหาเศรษฐีแน่ๆ
“นายครับ คุณเมณิษามาแล้วครับ”
นายที่คุณโยชิพูดถึงตอนนี้เขากำลังว่ายน้ำอยู่ในสระอย่างกับปลาโลมาที่เริ่งร่าเขาดูดีจัง ขนาดใส่แว่นตาใส่หมวกเรายังดูออกเลยว่าเขาดูดีมากๆ แล้วเขาเป็นใครกันแน่ จนซักพักเขาก็มาถึงขอบสระเขากระโดดตัวขึ้นมาด้านบนอย่างง่ายดาย ราวกับว่ามันเป็นเรื่องง่าย แล้วเขาก็ถอดทั้งหมวกทั้งแว่นตาทำให้เราเห็นหน้าชัดๆของเขาอีกครั้งซะที
“ตื่นแล้วเหรอ”เราร้องทักเราทั้งๆที่ไม่ได้มองหน้าเรา น้ำเสียงห้าวๆและกระด้างของเขาทำให้เรารู้สึกได้วส่าเขาเป็นตัวอันตราย เขาสะบัดหัวเพื่อเอาน้ำออกและเดินไปหยิบไวน์ที่ตั้งอยู่ที่โต๊ะมายกดื่มกินอย่างช้าๆราวกับว่าโลกนี้จะหยุดหมุนให้เขาอย่างงั้นแหละ
“ค่ะ...ขอ...ขอบคุณนะคะที่คุณช่วยฉันไว้ฉันไม่มีอะไรตอบแทนคุณเอาไว้คราวหน้าฉันจะซื้อกระเช้ามาขอบคุณแล้วกันนะคะ” เราผงกหัวงกๆเพื่อขอบคุณเขา แต่เขากลับหันมาจ้องมองเราไม่วางตาเลยแต่สายตาที่มองมันไม่ใช่สายตาที่พิศวาส แต่เรากลับรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตของหมาป่าที่อยากจะฆ่าเหยื่อยังไงก็ไม่รู้ สายตาน่ากลัวจริงๆ ยิ่งนึกถึงเรื่องเมื่อคือนตอนที่ทั้งตัวเขามีแต่เลือดด้วยแล้วทำเราสั่นไปทั้งตัวเลย ทำไมเขาน่ากลัวขนาดนี้
“เมณิษา อนุธาพงษ์ ซินะ”
เขาค่อยๆเดินมาใกล้เราและใช้ปลายนิ้วเชยคางเราขึ้นมา เขาคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆเราไม่กล้าขืนตัวเองเลย
“เมื่อคืนเธอบอกให้ฉันฆ่าเธอไม่ใช่เหรอ แล้วไง ตอนนี้ยังอยากให้ฉันทำแบบนั้นอยู่อีกมั้ย”
“อะไร...อะไรนะคะ ฆ่าเหรอ ษายังไม่อยากตายค่ะ” เราพร่ำปฎิเสธเขาพัลวันเลย
“แต่เธอบอกว่าอยากตายนะ”
“ษาคง ..ษาคงเพี้ยนไปแล้ว คุณอย่าฆ่าษาเลยนะคะ”
เรารีบยกมือไหว้ขอชีวิตจากเขาทันที ใจเราตอนนี้สั่นไปหมดแล้ว หรือว่าเขาเก็บเรามาเพื่อเอามาฆ่าทีหลังกันนะ
แล้วเขาก็เดินไปก่อนจะเอาผ้าคลุมมาคลุมกายแล้วเดินหายไปเลย เราตอนนี้ได้กลับมาหายใจได้เต็มปอดอีกครั้ง เมื่อกี้กลั้นหายใจเกือบตายอ่ะ
“เดี๋ยวผมจะพาคุณเมณิษาไปรอนายที่ห้องรับรองนะครับ”
“ยังต้องเจอเขาอีกเหรอคะ ทำไมไม่ส่งษากลับบ้านเลย”
“นายยังมีเรื่องต้องคุยนะครับ”
“เหรอคะว่าแต่ แล้วเสื้อผ้าฉันละคะ ฉันขอใส่เสื้อผ้าก่อนได้มั้ย”
“นายบอกว่ายังไม่ให้คุณใส่อะไรครับ”
“ทำไมเหรอคะ ทำไมเพราะอะไรคะ”
“ผมไม่ทราบครับ รอนายคุยกับคุณเองดีกว่า”
แล้วเขาก็เดินนำเราไปคืออะไรเขาคิดจะทำอะไรเรากันแน่ แต่ถึงอยากจะร้องไห้จะกลัวมากแค่ไหน เราก็ต้องจำใจเดินตามคุณโยชิไป เพราะเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
เราเข้าอยู่ในห้องรับรองหรือเรียกว่าห้องทำงานของเขาจะดีกว่านะ เรานั่งรออย่างสงบเสงี่ยมเลย จนซักพักประตูอีกทางที่ไม่ใช่ทางที่เราเข้ามาก็เปิดแล้วเขาก็เดินเข้ามาด้านในนี้ เขาแต่งตัวหล่อมากๆรอยสักของเขาที่เราเห็นตอนแรกถูกปกปิดไปด้วยเสื้อผ้าแล้ว
“โยชิ”
“ครับนาย”
“ออกไปก่อน”
“ครับนาย”
แล้วคุณโยชิก็เดินออกไปตอนนี้เลยมีแค่เรากับเขาที่อยู่ในห้อง เราจะรอดมั้ยเขาจะทำอะไรเรารึเปล่า
“จะให้ฉันเรียกเธอว่าษาใช่มั้ย”
“ค่ะ ค่ะ”
“งั้นไหนเล่ามาซิ ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มีอะไรค่ะ ไม่มีอะไรจริงๆ”
เราจะบอกให้คนนอกรู้เรื่องที่คุณวฤทเป็นเกย์ไม่ได้ อย่างน้อยเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเรา เราต้องปกป้องเขา มันอาจจะดูโง่ แต่เราก็ไม่มีใครแล้วนอกจากเขาแล้ว
“งั้นเหรอ งั้นฉันจะเล่าอะไรให้ฟังนะ เมื่อคืนเธอคงเห็นสภาพฉันแล้วซินะ”
“ไม่เห็นค่ะ ไม่เห็นอะไรเลย มืดขนาดนั้นษาจะเห็นเลือดที่เสื้อคุณได้ยังไง”
“รู้ด้วยเหรอว่าเป็นเลือด”
ตายแล้วนี่เราเผลอพูดอะไรออกไป เราจะรอดมั้ยอ่ะ เราพยายามนั่งเกร็งจนขาเกือบจะเป็นตระคริวอยู่แล้วนะตอนนี้
“ที่สภาพฉันเป็นแบบนั้นเพราะฉันไปฆ่าคนมา ฉันเอาไอ้พวกเดนนรกไปฆ่า พอดีฉันชอบฆ่าคนนะ”เราเงยหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยความตกใจทำให้เห็นใบหน้าที่เย็นชาของเขา น่ากลัว น่ากลัวมากๆเลย
“ขอโทษค่ะ ไว้ชีวิตษาด้วยนะคะ ษายังไม่อยากตายค่ะ อย่าฆ่าษาเลยนะคะ”
“ฉันยังไม่ฆ่าเธอตอนนี้หรอก เพราะเธอคือสะใภ้ของอนุธาพงษ์ แต่เธอต้องมาอยู่กับฉันในฐานะ คนระบายความเครียดให้ฉัน”
“ระบายความเครียด ษาเหรอคะ”
“ใช่ เธออยู่ที่นี่ได้ตามสบายเลย แต่เธอห้ามใส่เสื้อผ้าเธอจะเป็นคนทำให้ฉันมีความสุขไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็ตาม และถ้าเธอทำไม่ได้ก็เท่ากับว่าเธอหมดประโยชน์ ฉันก็จะฆ่าเธอ”
ทำไงดี ทำไมเขาโหดร้ายขนาดนี้ เขากับเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแท้ๆทำไมเขาถึงได้เป็นคนโหดได้ขนาดนี้
“เริ่มงานเลยละกัน”เขาค่อยๆเดินมาทางเราก่อนจะกระชากผ้าขนหนูที่ห่มร่างกายเราเอาไว้ออก เราอายมากๆทั้งอายทั้งกลัวไปหมด
“อย่างแรก ก็ไปอาบน้ำซะ อาบน้ำให้ฉันดู”
“คุณจะบ้าเหรอคะ ฉันจะให้คุณดูฉันอาบน้ำทำไม ”
เราพูดได้เท่านั้นแหละเขาก็ใช้มือจับที่ปรายคางของเราให้เงย แรงเขาเยอะมากๆแต่ถึงมันจะไม่ได้เจ็บแต่เราก็คิดว่าถ้าเขาหักคอเราคงจะทีเดียวตายคาที่เลยหละ
“อย่าขึ้นเสียงกับฉัน เพราะฉันไม่ชอบ”
เขาสะบัดมือทำเอาเราหน้าหันไปด้วยเลย เขารุนแรงจริงๆ ทำให้เรากลัวหนักไปกว่าเดิม เราจึงจำใจเดินเขาไป เขาพาเรามาที่ห้องอาบน้ำบนชั้น 2 ชั้นที่เราตื่นมานี่แหละ จากนั้นเขาก็นั่งลงทีเก้าอี้พร้อมกับรินไวน์ขึ้นมาดื่ม