บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ความเสียใจ

"มะ หมายความว่ายังไงเหรอชนา…" ผู้เป็นมารดาคงดูตกใจในสิ่งที่ฉันพูดออกไป

"ก็หมายความว่าหนูกลับมาที่นี่ทุกปียังไงหล่ะคะ …กลับมาดูการใช้ชีวิตทุกคนว่าเป็นยังไง"

"……"

"มันก็ดีนะคะ ดูชีวิตของทุกคนไม่ต้องทำอะไรเลย!! ดูว่าง!! และแถมยังไปเที่ยวกันบ่อยด้วย…" ฉันพูดพลางลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะตั้งรูปถ่ายอีกครั้ง และหยิบรูปในกรอบอันนึงขึ้นมาดู

"รูปนี้ถ่ายเมื่อปีที่แล้ว เป็นช่วงกลางปี…ช่วงเดียวกับที่หนูถามแม่ว่าว่างหรือเปล่า อยากให้แม่ไปงานจบของหนู แต่แม่บอกว่าไงจำได้มั้ยคะ…" ฉันวางรูปนั้นลงแล้วหันมาจ้องหน้าผู้เป็นมารดาอย่างใส่อารมณ์ "แม่บอกว่างานที่นี่ยุ่งมาก!! ไม่มีเวลาออกไปไหนเลย!! หึ!! หนูก็บอกโอเคไม่เป็น เพราะหนูรู้ดีว่าพวกคุณไม่เคยคิดจะไปหาฉันเลยย!!!"

"แม่ขอโทษ!!" ภัสสิรายืนขึ้นขอโทษลูกสาวตัวเองทันทีเมื่อรู้ว่าชนาเริ่มโมโห

"ถ้าเป็นเมื่อก่อน…มันจะเป็นคำที่มีความหมายมาก แต่ตอนนี้ เก็บคำขอโทษแม่ไว้เถอะนะคะ เพราะหนูไม่ต้องการ…"

"ชนา…" พศินพูดดักขึ้นเมื่อชนากำลังจะเดินออกจากห้องโถง

"เรื่องที่พ่อคุยวันนี้ ไว้หนูขอกลับไปคิดก่อนนะคะ"

"ชนา…รีบๆนะ ถือว่าพ่อขอ"

"……"

ฉันหันไปส่งยิ้มเจือนๆให้กับท่าน พร้อมหมุนตัวเดินออกจากห้องโถงเพื่อมุ่งหน้าไปที่รถ

แต่ระหว่างที่ฉันเดินออกมาถึงบันไดกลางบ้าน ฉันถึงกับต้องหยุดชะงักเพื่อมองชายหนุ่มอีกคนที่กำลังเดินลงมาจากบันไดอย่างงัวเงีย

"……"

ฉันหยุดมองจนชายคนนั้นเดินมาหยุดบันไดขั้นสุดท้ายตรงหน้าฉันพอดี

"ชิน…" แม่เรียกชายหนุ่มเบาๆก่อนที่จะหยุดและหันสายตาจ้องมองตรงหน้าฉัน

"ว้าวววว นี่แขกที่บ้านเหรอครับสวยขนาดนี้…" ชายหนุ่มพูดพลางจ้องมองฉันด้วยสายตาที่ดูเจ้าเล่ห์ไม่เบา

ฉันก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองเพื่อดูเวลาแวบเดียว ก่อนจะเปรยสายตาหันมาจ้องชายหนุ่มตรงหน้า

"บ่ายสาม?? ดวงอาทิตย์จะเลื่อนลงลับขอบฟ้าแล้ว เพิ่งจะตื่นจากบรรทม…ไม่ยักรู้ว่าเปลี่ยนไทม์โซน หรือที่บ้านนี้ไม่มีใครสอนเด็กคนนี้กันแน่"

"ชนา!!!…" เสียงทุ่มต่ำของคนที่เป็นพ่อดังขึ้นมาเมื่อฉันพูดจบ

"ทำไมหรอคะ หรือว่าแตะต้องอะไรเขาไม่ได้เลย" ฉันหันไปมองหน้าพ่อด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ก่อนที่เด็กคนนั้นจะเดินลงมายืนมองฉันข้างๆพ่อกับแม่อย่างสนใจ

"เดี๋ยวนะครับ นี่คุณชื่อชนาหรอ…อ๋อออออ พี่สาว???" เตชินเรียกชื่อฉันพร้อมกับทวนความสัมพันธ์

แน่นอนผู้ชายคนนี้เขาคือน้องชายของฉันที่เกิดห่างจากฉันแค่สามปี ถูกเลี้ยงดูอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยความรักและความอบอุ่นจากพ่อแม่ และเราเคยเจอกันครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก่อนวันที่ฉันจะบินไปอยู่ที่บอสตัน และหลังจากนั้นเตชินก็ไม่เคยเจอฉันอีกเลยรวมถึงคนที่บ้านหลังนี้ด้วย มีแต่ฉันฝ่ายเดียวที่รับรู้เรื่องราวของทุกคน เห็นทุกคน และรู้ทุกการเคลื่อนไหวในทุกๆปีที่ฉันแอบบินมาที่นี่

เตชินดูตื่นเต้นที่ได้เห็นฉันในรูปแบบที่ฉันเติบโตเป็นสาวสวย และงดงาม เขาจ้องมองฉันเหมือนกับฉันเป็นเพียงผู้หญิงคนอื่นๆที่จะหว่านเสน่ห์ใส่ จนผู้เป็นมารดาต้องสะกิดเพื่อเรียกสติ

"ชิน!! ทักทายพี่ชนาดีๆสิ"

เตชินพยักหน้าพร้อมกับทำท่าจะเดินมากอดฉัน เหมือนกับจะเรียนแบบวัฒนธรรมของต่างชาติ

"ไม่จำเป็นค่ะ …หมดธุระแล้ว ขอตัวนะคะ"

"อ้าววว นี่พี่จะไม่มาอยู่ที่นี่หรอกเหรอ…" เตชินตะโกนถามฉันระหว่างที่ฉันเดินมาที่รถ

"เดี๋ยวๆๆๆ นี่รถพี่ชนาหรอ หู้วววววว สุดยอดอ่ะ สวยใช้ได้…"

ฉันยืนกอดอกขมวดคิ้วมองน้องชายตัวเอง ที่วิ่งหน้าตื่นออกมาลูบๆคลำๆรถสปอร์ตคันหรูของฉันอย่างสนอกสนใจ

"ทำไม?? ที่บ้านนี้เขาไม่ซื้อรถให้นายใช้หรอ" ฉันพูดจาเชิงประชดให้ท่านทั้งสองได้ยิน ก่อนจะเดินเบี่ยงมาขึ้นรถฝั่งคนขับ

"ถอยไปได้แล้ว…" ฉันดึงแขนของเตชินให้ออกห่างจากรถ และกำลังจะก้าวเท้าขึ้น

"ชนา!!!"

มือเรียวของแม่คว้าท่อนแขนของฉันไว้ จนฉันต้องหยุดชะงักและยืนฟังคำพูดของคนเป็นมารดา

"ถ้าไม่มีเงินให้ ชนาก็ขายบ้านสวนนั่นซะ เพื่อพวกเรา…นะลูก เพราะปล่อยทิ้งไว้แบบนั้นแม่ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรดีขึ้น สู้เอาเงินที่ขายนั้นมาช่วยพ่อกับแม่ เพื่อปากท้องของคนที่นี่จะดีกว่านะลูกก" ผู้เป็นมารดาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบปนออดอ้อนเหมือนให้ฉันตายใจ

หึ! ฉันสะบัดแขนของฉันออกจากมือของแม่อย่างแรง ก่อนจะกัดฟันกรอด ตั้งสติและพูด

"ขอบคุณนะคะ ที่แนะนำ!!! แต่ถึงแม้ว่าหนูใกล้อดตาย หนูก็ไม่มีวันขายบ้านสวนของคุณยายของหนูอย่างแน่นอน คุณเลิกคิดไปได้เลย!!!"

บรึ้นนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!!!

หลังจากที่ฉันเข้ามาในรถ ฉันก็พร้อมเหยียบคันเร่งออกมาทันที ระหว่างทางที่ฉันขับออกมา น้ำตาของฉันมันก็ไหลลงมาอาบแก้มของฉันทันทีโดยมันห้ามไม่อยู่

ฉันพยายามฝืนยิ้ม อดทนที่จะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้มันไหล ตอนที่ฉันอยู่ในบ้านหลังนั้น ฉันต้องทำให้ตัวเองดูเข้มแข็ง และห้ามอ่อนแอให้พวกเขาเห็น แต่เมื่อฉันออกมายังไม่พ้นประตูบ้าน น้ำตามันก็ไหลพรากออกมา คำพูดของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ฉันต้องการให้เขาพูดกับฉันแค่ไม่กี่คำ แต่มันไม่มีสักครั้งที่ดูเหมือนว่าเขาจะพูด แถมยังไม่เคยแสดงออกว่าเป็นห่วงฉันเลยด้วยซ้ำ

เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดด~

ฉันขับรถออกมาได้สักพัก และต้องเบรกเข้าข้างทางกระทันหันเมื่อน้ำตามันเอ่อล้นขอบตาจนทำให้ฉันแทบมองไม่เห็นทางข้างหน้า

ปึ่กกกกๆๆๆๆๆๆ

กำปั้นบางทุบลงตรงพวงมาลัยรถรัวๆด้วยความเจ็บใจ

"อึกก ฮือออออออออทำไม!!!!"

.

.

เมื่อฉันตั้งสติและควบคุมอารมณ์ตัวเองให้กลับมาเป็นปกติอยู่ในรถนั้นได้แล้ว ในเวลานี้สิ่งเดียวที่จะช่วยให้ฉันหายเครียดคือออกไปหาอะไรทำ

ฉันหยิบมือถือขึ้นมาเมื่อนึกถึงเพื่อนรักของฉัน ที่ก่อนหน้านี้ได้บินกลับมาที่นี่ก่อนแล้ว พร้อมกับกดเบอร์โทรออก

ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดดดด…

[ ว่าไงแก! ] เสียงของปลายสายรีบรับทันที

"มิรา!!! แกอยู่ไหนอ่ะ ตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว"

[ จริงดิ!! แต่ฉันไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพอ่าาาา ]

"อ่าวแล้วแกอยู่ไหน??"

[ คือฉันพาแฟนมาเที่ยวเชียงใหม่หน่ะ เพิ่งจะมาเมื่อวานเอง กลับก็คงอีกสี่ห้าวันเลยอ่ะ…]

"งั้นหรอ…ไม่เป็นไร ฉันแค่เหงาๆหน่ะ เที่ยวให้สนุกละกัน"

[ อื้อออ งั้นถ้ากลับแล้วเดี๋ยวฉันโทรหานะ เจอกัน…]

สิ้นการสนทนาฉันก็นั่งเหมือนหมาหงอยอยู่บนรถเพียงคนเดียว โดยไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ไหนดี จนนึกถึงเพื่อนอีกคน…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel