บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ชีวิตของชนา

สองสัปดาห์ถัดมา

หญิงสาวก้าวขาลงจากรถสปอร์ตคันหรู ที่เพิ่งจะเลี้ยวเข้ามาจอดตรงหน้าบันไดทางเข้าของบ้านหลังหนึ่ง แม่บ้านด้านในต่างพากันสงสัยว่าใครคือผู้ที่มาเยือน ต่างรีบพากันเดินออกมาเชิงเป็นการต้อนรับไปด้วย

หญิงสาวตัวเล็กก้าวเท้าลงมาหยุดอยู่ข้างรถ ท่ามกลางสายตาของแม่บ้านที่ยืนมองอย่างตะลึง การแต่งตัวของคนตัวเล็กสะกดทุกสายตาที่ได้มอง ใบหน้าใสขาวเนียนถูกบดบังด้วยแว่นตาแบรนด์หรู รวมไปถึงการแต่งตัวด้วยชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีดำรัดรูป เผยให้เห็นสัดส่วนที่เซ็กซี่อย่างชัดเจน

เธอแสยะยิ้มเป็นการทักทายให้กับแม่บ้าน ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปด้านในบ้านทันที

ในระหว่างนั้นบุคคลที่เสมือนเป็นเจ้าของบ้านก็เดินออกมาดูพอดี

"ใครมาเหรอ..." ยังไม่ทันที่หญิงสาววัยเกือบกลางคนได้พูดจบ สายตาก็ต้องหยุดชะงักตรงหน้าร่างบางที่เดินเข้ามา

"ไงคะคุณผู้หญิง" น้ำเสียงเล็กปนประชดเอ่ยออกมาจากปากของผู้ที่มาเยือน

"ชะ นา ชนาเหรอ"

คนตัวเล็กเมื่อได้ยินคนเป็นมารดาเอ่ยถึงชื่อ มือเรียวก็ยกขึ้นไปถอดแว่นตาออก พร้อมกับเอียงคอยักคิ้วเล็กน้อยและแสยะยิ้มใส่

"ชนาาาลูกกกกก" หญิงสาวโผล่เข้าไปกอดชนาทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของผู้ที่มาเยือนว่าคือลูกสาวของตัวเอง

.

.

.

"บอกให้กลับมาตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว ทำไมเพิ่งจะกลับมาเอาตอนนี้หล่ะ หื้อออ" หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อพาลูกสาวเข้ามายังห้องโถงใหญ่กลางบ้าน

"จะมาช้ามาเร็ว หนูก็มาแล้วไงคะ…" ร่างบางพูดพลางกวาดสายตามองไปรอบๆบ้าน เชิงมองหาใครอีกคน

"กลับมาถึงแล้วหรอ …ลูกพ่อออ"

ทันใดนั้นชายหนุ่มวัยกลางคนเดินเข้ามาทักทาย พร้อมกับอ้าแขนรอเข้ากอดผู้ที่ตนเรียกว่าลูกเมื่อสักครู่

"สวัสดีค่ะ คุณชายพศิน…" ฉันเอ่ยทักทายชื่อผู้ที่ขืึ้นชื่อว่าเป็นบิดาอย่างดูห่างเหิน

"เอ่อออ มาถึงเหนื่อยๆ ขึ้นไปพักผ่อนก่อนมั้ย จะได้…"

"มีอะไรก็รีบพูดมาเถอะค่ะ เสร็จธุระจะได้รีบกลับ" ยังไม่ทันที่ชายวัยกลางคนจะพูดจบ ชนาก็รีบพูดแทรกขึ้นมาเพื่อไม่ต้องการให้เสียเวลาไปมากกว่านี้

"รีบกลับ?? ลูกหมายถึงรีบกลับไปไหนเหรอ" ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามด้วยความสงสัย

"นั่นสิ นี่บ้านเราอยู่ที่นี่ จะกลับไปไหน"

เมื่อฟังทั้งสองคนถามเธอขึ้นมาด้วยความสงสัย คนตัวเล็กจึงยืนขึ้นพร้อมกับเดินมองรอบๆห้องโถง

"ครอบครัวดูมีความสุขจังเลยนะคะ ดูจากในรูป…"

ร่างบางเดินมาหยุดยืนมองโต๊ะที่ตั้งรูปภาพต่างๆของคนในครอบครัว แต่ทว่าในรูปพวกนั้นมีเพียงรูปของเธอที่ยังเป็นเด็กเพียงรูปเดียว ส่วนรูปอื่นๆต่างก็เป็นรูปภาพที่ถ่ายกันในปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีเธออยู่ร่วมเฟรมนั้นด้วย

"พวกเรารอหนูกลับมา แล้วค่อยถ่ายกันใหม่หน่ะ" ผู้เป็นมารดากลัวว่าลูกสาวของตัวเองจะน้อยใจ จึงพูดเพื่อเป็นการปลอบใจเธอไปก่อน

"หนูก็ไม่ได้ติดใจอะไรนี่คะ จะถ่ายกันร้อยรูป ติดรอบบ้านร้อยใบหนูก็ไม่ได้ว่าอะไร" ร่างบางยืนกรานทำหน้านิ่งใส่ทั้งคู่

"เอาหล่ะๆ เข้าเรื่องสำคัญกันดีกว่า..." ชายอาวุโสผู้เป็นบิดาของชนาเอ่ยขึ้น ก่อนที่เธอจะเดินกลับมานั่งโซฟานุ่มที่เดิม

"เชิญพูดค่ะ" พร้อมกับท่านั่งไขว้ห้างกอดอก ส่งสายตานิ่งเรียบให้ทั้งคู่

"คือ...พ่ออยากจะขอยืมเงินลูกสักก้อนหน่ะ เอ่ออ…"

"นี่หนูหูเพี้ยนไปหรือเปล่าคะ ได้ยินไม่ค่อยถนัด!"

"ลูกได้ยินถูกแล้วแหละ คือตอนนี้พ่อเขาลำบาก ลูกคนเดียวที่จะช่วยพ่อได้นะ…ชนา" ผู้เป็นมารดาเอ่ยเสริมเมื่อมองใบหน้าสามีของตัวเองที่ดูไม่กล้าพูดต่อ

"หึ! อะไรกันคะ ที่ทำให้คุณชายพศินกับคุณหญิงภัสสิรา สิริ…ผู้มีเงินและอำนาจมากมาย แต่มาขอยืมเงินลูกสาวของตัวเอง…" ร่างบางมองหน้าทั้งคู่ด้วยความสงสัย พร้อมกับพูดจาเชิงประชดประชันใส่บิดามารดาของตัวเอง

"……"

"ต้องมีเหตุผลอะไรมั้ยคะ ที่หนูจะต้องช่วยเหลือ…ทั้งๆที่ผ่านมา ทุกคนในบ้านหลังนี้ ไม่เคยมีใครเห็นหนูอยู่ในสายตา หรือว่าอยู่ในครอบครัวเลย สักคน!!!"

ฉันพูดด้วยถ้อยคำที่ดูตะคอกและรุนแรงใส่ทั้งสองคน เพราะอารมณ์ของฉันตอนนี้รู้สึกร้อนระอุอยู่ในอก พร้อมจะปะทุออกมาได้ทุกเมื่อ…

ฉันนั่งมองหน้าพ่อกับแม่อย่างไม่เข้าใจว่าเรื่องที่เขาเอ่ยขอร้องฉันขึ้นมาเมื่อสักครู่นี้ ฉันเข้าใจไม่ผิด เพราะก่อนหน้านี้ครอบครัวของฉันดูเป็นตระกูลที่มีฐานะออกไปทางร่ำรวย ครอบครัวของพ่อแต่งงานกับแม่ และแม่ก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ จนตั้งท้อง…แต่ด้วยความที่ตอนนั้นคุณย่ายังมีชีวิตอยู่ เขาเป็นคนงมงายและเชื่อสิ่งเหนือธรรมชาติ พอมีหมอดูทักว่าถ้าเกิดลูกสะใภ้มีลูกสาว จะต้องเป็นตัวกาลกิณี และนำความวิบัติมาให้ครอบครัว…พอแม่ของฉันคลอดฉันออกมา และรู้ว่าเป็นผู้หญิง ทุกคนต่างก็พากันไม่พอใจ ฉันเกิดมาได้สามเดือนจากนั้นคุณปู่ก็รถชนจนเสียชีวิตสาเหตุคือเมา แต่คุณย่าเชื่อที่หมอดูทักและคิดว่าฉันเป็นตัวกาลกิณีของบ้าน และทุกคนตัดสินใจเอาฉันกลับไปให้คุณยายเลี้ยงที่บ้านสวนแถวชานเมือง

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันเติบโตและได้รับความรักจากคุณยายเพียงคนเดียว ทั้งๆที่คนในบ้านหลังนี้ไม่เคยมีใครแยแสฉันเลย แค่รับรู้ว่าฉันคือลูกสาวแค่นั้น จนเวลาผ่านไป ฉันอายุครบ 11 ขวบ คุณยายท่านก็จากฉันไป เหลือเพียงมรดกที่มีอยู่มอบให้ฉันไว้เพียงคนเดียว

หลังจากจบงานของคุณยาย ทุกคนในบ้านหลังนี้ก็มารับฉัน แต่ไม่ได้มารับเพื่อที่จะได้เข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ทุกคนต่างเห็นด้วยว่าจะส่งฉันไปเรียนเมืองนอก ซึ่งตอนนั้นทุกคนไม่ได้บอกเหตุผลอะไรกับฉันเพียงแค่บอกว่าอยากให้ฉันออกไปหาประสบการณ์ในการใช้ชีวิตเท่านั้น…

ฉันนั่งจ้องท่านทั้งสองอยู่นิ่ง พร้อมกับคิดเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา

"พ่อกับแม่ขอโทษที่ไม่เคยไปเยี่ยมลูกสักครั้ง ลูกก็รู้ว่าที่นี่งานยุ่งแค่ไหน…"

"ขอบคุณพ่อนะคะที่พูดปลอบใจ…เมื่อก่อนหนูอาจจะเข้าใจนะคะว่าพวกคุณยุ่ง แต่สำหรับคนที่เป็นลูก แล้วยังต้องไปอาศัยไกลบ้าน มันก็ต้องมีคิดถึงกันบ้างสิคะ ขนาดหนูนึกถึงหนูยังแอบบินกลับมาหาเลย…"

ฉันพูดพร้อมแสยะยิ้มออกมา แน่นอนว่าทุกคนคงจะงงกับสิ่งที่ฉันพูดออกไป และทุกคนคงคิดว่าฉันไปอยู่ที่นั่นคือไม่เคยกลับมาเลย แต่ไม่ใช่…ฉันแอบบินกลับมาที่นี่ทุกปี เพราะต้องการอยากเจอพ่อแม่และครอบครัวที่เหลือของฉัน แต่เมื่อฉันบินกลับมาถึงโดยที่ไม่มีใครรู้ ฉันก็ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆภายในครอบครัวนี้ ว่าพวกเขามีความสุขกันมากแค่ไหน โดยที่ไม่มีฉัน เวลาติดต่อฉันทุกคนทำเป็นเหมือนกับว่าคิดถึงและเป็นห่วง แต่มันไม่ใช่ความจริง!!!…เพราะความจริงที่ฉันเจอคือทุกคนไม่มีใครนึกถึงฉัน ไม่เคยคิดแม้จะบินไปหาฉันเลยสักครั้งตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel