บทที่ 3
"นี่คุณเป็นประสาทหรือเปล่าเนี่ยคุณดา ผมกับคุณแม่เคยห้ามคุณมาหาเจ้าต่อด้วยหรอ คุณอยากมาก็มาสิ อย่ามายุแยงตะแคงรั่วให้ลูกเข้าใจผมกับคุณแม่ผิดจะได้ไหม" ปีติตำหนิเสียงแข็ง
"คุณติ! นี่คุณกล้าว่าฉันเป็นประสาทหรอ"
"กล้าสิ คุณไม่ได้หน้าเหมือนแม่ผมนี่"
ยลดากรีดร้องออกมาสุดเสียง แล้วกระทืบเท้าใส่อดีตสามี ทว่าอีกฝ่ายกลับจูงมือลูกชายออกไปจากร้าน และทิ้งเธอเอาไว้เบื้องหลังอย่างไร้เยื่อใย
... สิบปีต่อมา ...
ตรัยคุณเดินเข้ามาภายในงานเลี้ยงวันเกิดปีที่สี่สิบห้าของผู้เป็นพ่อ พร้อมกับของขวัญในมือที่เขาตั้งใจเลือกสรรมาเป็นอย่างดีด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
แต่เมื่อเห็นว่าข้างกายของท่านมีน้องชายต่างแม่ยืนประนมมือไหว้ผู้จัดการสาขาที่เข้ามาร่วมอวยพรวันเกิดให้กับปีติ ร่างสูงโปร่งก็หุนหันเดินออกไปจากบริเวณนั้นทันที
ชายหนุ่มเดินมานั่งหลบมุมที่โต๊ะทรงกลมข้างประตู เพื่อรอจังหวะเข้าไปทักทายคนรู้จักทีหลัง เนื่องจากมารดาคอยพร่ำสอนอยู่เสมอว่าหากที่ใดมีเตวินน์...
ที่นั่นต้องไม่มีเขา!
อันที่จริงงานนี้เขาต้องเป็นคนที่เดินเข้ามาในงานพร้อมผู้เป็นพ่อด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าการเดินทางจากหอพักมายังงานเลี้ยงเกิดอุบัติเหตุ ทำให้รถติดยาวเป็นหางว่าวเสียก่อน ป่านนี้คนที่ถูกให้ความสำคัญที่สุดในฐานะทายาทของตระกูลลียวัฒน์คนต่อไปก็คือเขา ไม่ใช่คนที่ชอบแย่งทุกสิ่งทุกอย่างของคนอื่นไปอย่างเตวินน์
"พี่ต่อ! "
เสียงเรียกของพริษาดังขึ้น ขณะที่ร่างอวบสาวเท้าเข้ามาหาเขาแบบไม่สนใจเลยสักนิดว่าชุดราตรีสีหวานที่ตนสวมอยู่จะไปเกี่ยวกับสิ่งใดรอบตัวบ้าง
"ฝ้ายคิดถึงพี่ต่อมากเลยค่ะ ทำไมช่วงนี้พี่ต่อถึงไม่ค่อยกลับมาที่บ้านเลยล่ะคะ เรียนหนักหรือเปล่า"
"อืม พี่เรียนหนักน่ะ" ตรัยคุณบอกปัด
"ถ้าอย่างนั้นให้ฝ้ายไปหาพี่ต่อแทนดีไหมคะ"
"อย่าเลย พี่ว่าฝ้ายตั้งใจเรียนหนังสือเถอะ"
พริษาหน้างอง้ำเมื่อถูกตอบกลับมาแบบนั้น แต่มีหรือที่เธอจะยอมแพ้ง่ายๆ
"แต่ฝ้ายอยากเอาขนมที่ฝ้ายทำไปให้พี่ต่อชิม"
"พี่ไม่ค่อยชอบกินขนม" ตรัยคุณบอก ทั้งที่เขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามันคือขนมอะไรกันแน่
"แต่ว่า..."
"พี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะฝ้าย"
"คะ? "
"พี่จะไปเข้าห้องน้ำ ฝ้ายคงไม่คิดจะตามไปเซ้าซี้พี่หรอกนะ"
"เซ้าซี้? " พริษาทวนคำ เมื่อถูกเขาต่อว่ามาแบบนั้น แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถามต่อ ร่างสูงก็ลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้และก้าวขายาวๆ เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ตรัยคุณไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำอย่างที่เขาบอกพริษา เพราะกลัวว่าคนเอาแต่ใจเกินแก้จะบ้าบิ่นเดินตามไปที่นั่นจริงๆ เขาจึงเลือกมาหลบมุมที่ระเบียง แล้วนำบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงออกมาสูบคลายเครียด
และหลังจากที่แอบสูบบุหรี่มาได้สักพัก เขาก็ได้ยินเสียงไอโคล่กๆ ของใครบางคนดังขึ้น ก่อนจะหันไปทางต้นเสียและสบตากับเธอเข้าพอดี
"สูบบุหรี่ตรงนี้ไม่ได้นะคะ"
หญิงสาวที่มานั่งหลบมุมอยู่ก่อนแล้วเอ่ยเสียงดุ พร้อมทั้งชี้นิ้วไปทางป้ายห้ามสูบที่ถูกติดเด่นหราอยู่บนผนัง ซึ่งก่อนหน้านี้เขาไม่ทันได้สังเกต