บทที่ 3 เจ้านายจอมเผด็จการ (2)
เผียะ !!
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่น เมื่อฝ่ามือของผู้เป็นมารดากระทบลงที่ข้างแก้มของบุตรสาวเต็มแรง
ใบหน้าเรียวสะบัดหันไปตามแรงตบ ก่อนที่รินลตาจะหันกลับมามองลินดาผู้เป็นแม่อย่างแสนเจ็บปวด
“แกพูดอีกทีซินังลิ้นจี่ เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ”
“ก็พี่ภัทรเขามีแฟนแล้วนี่นา ยืนจูบกันแบบนั้น คุณแม่จะให้ลิ้นจี่ไปแทรกกลางงั้นเหรอ” รินลตาพูดด้วยน้ำตาที่นองใบหน้า แต่ลินดาไม่ได้มีทีท่าว่าจะเห็นใจเลยแม้แต่น้อย
“ฉันเก็บแกมาเลี้ยง ใจคอแกจะไม่ทดแทนบุญคุณเม็ดข้าวของฉันบ้างเลยหรือไง แกก็รู้ว่าตอนนี้บริษัทของฉันมันกำลังจะเจ๊ง ถ้าแกจับคุณภัทรนัยมาเป็นของแกให้ได้ บริษัทของฉันก็จะกลับมามั่นคงเหมือนเก่า”
“แต่พี่ภัทรมีแฟนแล้วนะคะ” รินลตาพูดเสียงอ่อนลงมา ดวงตาทั้งคู่ตกลงที่พื้น เธอเป็นแค่เด็กกำพร้าทิ่ลินดาเก็บมาชุบเลี้ยง และเมื่อลินดาอ้างคำว่า'ทดแทนบุญคุณ' เธอจึงต้องยอมจำนนทุกครั้ง
“แฟนงั้นเหรอ? ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าคุณภัทรน่ะโสด สาวๆถึงได้จ้องกันตาเป็นมันซะขนาดนั้น นังคนที่แกคิดว่าเป็นแฟนคุณภัทร ก็อาจจะเป็นผู้หญิงอีกคนที่จ้องจะจับเขาอยู่ก็ได้” ลินดาพูดพลางเดินไปทรุดลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ แล้วยกพัดขึ้นมาคลี่พัด เพื่อให้อารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านเย็นลง
“แต่ถ้าพี่ภัทรมีแฟนแล้ว ลิ้นจี่ก็ไม่อยากเป็นมือที่สาม”
“เป็นคนดีจังนะแม่ลิ้นจี่ ถ้าคุณภัทรมีแฟนแล้ว แกก็พยายามรวบหัวรวบหางเอาคุณภัทรมาเป็นสามีซะเลยสิ”
“คุณแม่!!” รินลตาขึ้นเสียงสูงอย่างตกใจ ในขณะที่ลินดาคลี่ยิ้มออกมาอย่างหมายมาด
“แกต้องหาวิธีพิชิตคุณภัทรมาเป็นของแกให้ได้!!”
ร่างสูงนั่งเหยียดขาเอนหลังอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ ในมือถือหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง และตอนนี้ใบหน้าคมคายก็กำลังก้มลงอ่านเนื้อหาในหนังสือเล่มเล็กอย่างสนอกสนใจ โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนที่เห็นเขาเข้าโดยบังเอิญขนาดไหน
ดวงตาเข้มเริ่มจะปรือลงนิดๆเมื่ออ่านหนังสือผ่านไปได้2หน้า มือใหญ่ยกขึ้นมาปิดปากตัวเองเมื่อเริ่มหาวแสดงความง่วงงุนออกมา ก่อนจะเบิกตาค้าง มือที่ปิดปากตัวเองก็ค้างไว้ ส่วนมืออีกข้างที่กำลังถือหนังสืออยู่ก็เกิดอ่อนปวกเปียกขึ้นมาจนหนังสือหล่นลงจากมือ
ตาคู่คมสีดำสนิทกระพริบถี่ๆ เมื่อเห็นอินทุภาเดินออกมาจากในห้องลองเสื้อด้วยชุดสีฟ้าสดใส เสื้อคอวีรัดรูปจนเห็นหน้าอกที่มีขนาดใหญ่เกินตัว เอวเล็ก และสะโพกผายตึงที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายใต้กระโปรงทรงแคบสั้นเหนือเข่าขึ้นมานิดหนึ่ง แหวกด้านหลังให้เห็นต้นขาอ่อนรำไร ภัทรนัยกลืนน้ำลายลงลำคออึกใหญ่เมื่อรู้สึกเหมือนจะหายใจสะดุดๆเมื่อไล่สายตาลงไปมองปลีขายาวเรียวจนมาถึงเท้าบอบบางที่ยืนอยู่บนรองเท้าส้นเข็มสีฟ้าขาวเข้ากันกับชุด
“เป็นไงบ้างคะเจ้านาย” อินทุภายิ้มแป้นหน้าบานโชว์ฟันครบทุกซี่อย่างพอใจที่เห็นเขามองด้วยสายตาตะลึงเช่นนั้น ร่างบางแต่อกโตหมุนคว้างให้เขาดูเป็นขวัญตาชัดๆ แต่ว่า..
เท้าที่ไม่ค่อยชินกับรองเท้าส้นสูงมากๆเกิดพลิกขึ้นมาจนร่างทั้งร่างหล่นลงไปนั่งกองอยู่บนพื้น โดยมีเสียงหัวเราะจากลูกค้าในร้านเสื้อหัวเราะอย่างขบขัน
“โอ๊ยย”
ภัทรนัยยกมือที่ปิดปากออก ก่อนจะลุกขึ้นมาดึงอินทุภา
“ยัยเลขาจอมซุ่มซ่ามเอ้ย”เขากระซิบว่าเบาๆ แล้วหันไปพูดกับเจ้าของร้านเสื้อผ้าชื่อดังว่า
“ขอชุดคล้ายๆแบบชุดนี้สัก3ชุดครับ”
“ค่ะ” เจ้าของร้านรับคำอย่างเขินอายเล็กน้อย พร้อมกับเดินไปจัดเตรียมในสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการมาใส่ถุงส่งให้
“เธอนี่ไม่ไหวเลยนะ จุ้นก็เก่ง แถมยังซุ่มซ่ามเป็นที่1” ภัทรนัยบ่น หลังจากที่จ่ายเงินค่าเสื้อผ้าแล้วพาหญิงสาวออกมานอกร้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เจ้านายเป็นพวกชอบซ้ำเติมคนอื่นเหรอคะ” หญิงสาวค้อนขวับ พลางเดินกระย่องกระแย่งเพราะยังไม่ชินกับรองเท้าคู่ใหม่
“เลิกเดินท่าทางทุเรศแบบนั้นสักทีเถอะ” ภัทรนัยพูดขึ้นเมื่อรู้สึกเหมือนจะทนมองไม่ไหว
“ก็อินยังไม่ชินกับส้นเข็มนี่คะ”
“เฮ้อ” ภัทรนัยถอนหายใจเฮือก พลางยื่นแขนมาให้หญิงสาวเกาะ
“ค่อยๆเดินก็แล้วกันนะ”
“ขอบคุณค่า” อินทุภาฉีกยิ้มจนตาหยี มือเล็กๆคว้าหมับเข้าที่ท่อนแขนของเขา
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานกี่ปี...ภัทรนัยก็ยังคงเป็นคนมีน้ำใจเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง...
ร่างสูงเพรียวในชุดนักกีฬาบาสสีดำเดินถือกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กพาดบนบ่าเดินอาดๆด้วยใบหน้าที่แสนจะรื่นรมย์ ดวงตาที่เหมือนกับจะยิ้มได้อยู่ตลอดเวลาเหลียวมองซ้ายมองขวาไปทั่วก่อนจะไปสะดุดลงที่ร้านขายเครื่องดื่ม
เขาเดินเข้าไปในร้านที่หมายตาเอาไว้ แล้วมองไปรอบๆตัวเพื่อหาที่นั่งว่างๆ
กฤตติพัทธ์เดินไปทรุดตัวลงนั่งยังที่ว่างที่หนึ่ง ซึ่งเป็นโต๊ะตัวยาว และผู้หญิงที่นั่งข้างๆเขาก็กำลังรินเหล้าใส่แก้วเทลงคอแก้วแล้วแก้วเล่า
ชายหนุ่มที่มีอายุเพียง21ปี ได้แต่มองด้วยท่าทางสยอง ผู้หญิงคนนี้แต่งตัวก็ดูสวยไฮโซดีอยู่หรอก แต่กลับดื่มเหล้าราวกับน้ำเปล่า ช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร
กฤตติพัทธ์ละสายตาจากรินลตาที่ดื่มเหล้าอยู่ไปหาเด็กเสิร์ฟที่เดินเข้ามาถามว่าเขาต้องการเครื่องดื่มอะไร หลังจากที่เขาบอกความต้องการไปแล้ว เด็กเสิร์ฟก็ก้มหัวเดินกลับไปเตรียมสิ่งที่เขาต้องการทันที
กฤตติพัทธ์กำลังศึกษาอยู่มหาลัยวิทยาลัยมีชื่อที่ต่างจังหวัดที่หนึ่ง แล้วเขาได้มาเป็นตัวแทนในการแข่งขันบาสที่กรุงเทพ จึงเป็นสาเหตุให้เขาต้องเดินทางมาที่นี่ พอมาถึง เขาก็เริ่มฝึกซ้อมกับเพื่อนๆ เมื่อซ้อมเสร็จ ต่างคนต่างก็แยกย้ายเพื่อกลับที่พัก แต่กฤตติพัทธ์นั้นไม่ได้สั่งจองห้องพักเอาไว้ เพราะเขามีญาติอยู่ที่กรุงเทพแถวนี้พอดี และเขาก็ได้โทรไปบอกกานดาไว้แล้วด้วยว่าจะมาขอพักอยู่ด้วยสักอาทิตย์หนึ่ง
ชายหนุ่มนึกถึงใบหน้าของอินทุภา ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเขา แล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี อินทุภาจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหนนะ จะยังคงยิ้มเก่งเหมือนเดิมหรือเปล่า
ความคิดของกฤตติพัทธ์สะดุดลง เมื่อผู้หญิงที่เขาคิดว่าขี้เหล้าที่นั่งอยู่ข้างๆเขานั้นจับแขนเขาโดยแรง
“มีอะไรครับ” เขาหันไปถาม นึกเสียดายอยู่เหมือนกันว่าหน้าตาสวยๆแบบนี้ไม่น่ากินเหล้าเก่งเลย
“หน้าตาน่ารักดีนะ เราน่ะ” รินลตาชมออกมาเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าของเขาชัดๆ
ผู้ชายหน้าเรียว ผิวขาว ผมตัดสั้น ดวงตาโต จมูกโด่ง ปากแดง แก้มแดงเหมือนคนมีสุขภาพดี
“ขอบคุณครับ” กฤตติพัทธ์ยิ้มแหยๆออกมา ก่อนจะผงะเมื่อได้กลิ่นเหล้าโชยเข้ามาแตะจมูกจนเขาเริ่มเวียนหัว
“มากินเหล้ากับพี่มั๊ยจ๊ะ” รินลตาถามเสียงอ้อแอ้ ชีวิตของเธอ เธอไม่มีสิทธิ์ลิขิต วันนี้เธอจึงอยากจะขอเมาให้เต็มที่ แต่ดื่มเหล้าอยู่แค่คนเดียวก็ไม่ครื้นเครง จึงอยากได้เพื่อนสักคนมาร่วมเฮฮาให้ลืมความทุกข์ไปด้วยกัน และ...กฤตติพัทธ์ก็คือชายหนุ่มผู้โชคร้าย เอ้ย โชคดีคนนั้น
“ผมไม่กินเหล้าครับ” ชายหนุ่มปฏิเสธอย่างสุภาพ
“แล้วน้องชอบดื่มอะไรจ๊ะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” รินลตาถามอย่างใจป้ำ เธอคิดว่าเขาคงจะชอบดื่มเบียร์หรือไม่ก็ไวน์ แต่คำตอบที่เธอได้รับ ทำเอาเธอแทบจะหน้าคะมำทิ่มแก้วเหล้า
“ผมชอบดื่มนม”
“ตายแล้ว ชอบดื่มนมเหรอจ๊ะ ลองดื่มเหล้าดูบ้างสิ น่านะ ดื่มเป็นเพื่อนพี่หน่อย” รินลตาที่เริ่มคึกคักเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ชักชวนพลางส่งแก้วเหล้าที่รินน้ำสีอำพันลงไปจนเต็มแก้วให้เขา
“ไม่เอาครับ ผมไม่ดื่ม” กฤตติพัทธ์ส่ายหน้าปฏิเสธ ทำท่าจะลุกไปหาที่นั่งที่อื่น แต่หญิงสาวเรียกไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวสิ”
“อะไรครับ” พอเขาหันไปถามเท่านั้นแหละ รินลตาก็อาศัยจังหวะนี้จับเหล้ากรอกปากเขาซะเลย
“แค่กๆๆ” ชายหนุ่มไอออกมาเมื่อรู้สึกสำลักแอลกอฮอล์แล้วเริ่มรู้สึกมึนหัวตาลายขึ้นมา
“น้องไหวหรือเปล่าเนี่ย” รินลตาถามด้วยใบหน้าที่จืดสนิท เธอไม่นึกมาก่อนเลยว่าผู้ชายอย่างเขาจะไม่ดื่มเหล้าจริงๆ แล้วนี่เธอจะทำยังไงต่อไปดี!!