รักเล่ห์เสน่ห์เลขา

129.0K · จบแล้ว
อักษรสีทอง
94
บท
13.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อเลขาสาวจอมจุ้นมีเหตุให้ต้องมาอยู่บ้านหลังเดียวกับเจ้านายจอมแสบ เรื่องราวป่วนๆฮาๆจึงได้เกิดขึ้นคนที่ต้องตกในที่นั่งลำบากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นภัทรนัย ที่ต้องมาปวดหัวกับเลขาที่ชอบนำเรื่องยุ่งๆมาให้เขา แล้วไหนยังจะต้องมาเจอเธอที่บ้านอีกงานนี้ ภัทรนัยจึงต้องถึงกับยกธรรมะขึ้นมาหักห้ามจิตใจเมื่อได้อยู่ใกล้เธอจะได้ไม่เผลอจับลูกน้องตัวเองมาปล้ำอย่างที่ใจต้องการพุทโธ สวยหนอธัมโม ขาวหนอ สังโฆ อึ๋มหนอแต่ดูเหมือนว่าวิธีการใช้ธรรมะของเขาจะไม่เป็นผลนะ เพราะจิตใจเขาว้าวุ่นมากกว่าเดิมเสียอีก !!

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันประธานพลิกชีวิตรักหวานๆเกิดใหม่โรแมนติก

บทที่ 1 แรกพบเจอ (1)

บทที่ 1

แรกพบเจอ

“แง้ๆๆ” เสียงหนูน้อยวัย3เดือนแผดเสียงร้องจ้า ปากเล็กๆอ้ากว้าง ใบหน้าบิดเบี้ยว พยายามที่จะเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดของมารดา

“ทำไมไม่ยอมกินนมแม่ล่ะลูก” กานดาพูดอย่างอ่อนใจ เมื่อเลิกเสื้อให้ลูกน้อยดูดปทุมถัน แต่นอกจากลูกจะไม่กินแล้ว ยังเมินหันหน้าไปทางอื่นอีก

ตั้งแต่เกิดมา เด็กหญิงอินทุภาก็ไม่เคยกินนมจากอกของมารดาเลยสักครั้ง ซ้ำยังร้องไห้ทุกครั้งที่กานดาอุ้ม

กานดาถอนหายใจเฮือก เมื่อเดินอุ้มลูกน้อยไปยังตะกร้าที่ใส่นมผงเพื่อชงนมให้อินทุภาดื่มกิน พลางบ่นงึมงำว่า

“ตกลงว่า...อินเป็นลูกของแม่จริงหรือเปล่าเนี่ย”

20ปีผ่านไป

ชายหนุ่มร่างสูง หุ่นนักกีฬา ผิวขาว เรือนผมสีน้ำตาลเข้มถูกตัดจนสั้นรับกับใบหน้าเรียว ริมฝีปากสีชมพูอ่อนปิดสนิทจนเกือบจะเป็นเส้นตรง เหนือขึ้นมาคือจมูกที่เห็นเป็นสันโด่ง และดวงตาสีดำสนิทที่ถูกปกปิดด้วยแว่นตาสีดำอันใหญ่

ภัทรนัยก้าวลงจากรถเก๋งสีดำมันปลาบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองตึกสูงระฟ้า ที่มีป้ายชื่อสีทองแผ่นโตติดไว้เตะตาผู้ที่มาพบเห็นว่า 'บริษัท วารินทร์กรุ๊ป จำกัด' เป็นบริษัทผลิตน้ำได้มาตรฐานชื่อดังที่คุณภัทรชัย ผู้เป็นบิดาเพิ่งจะลงจากตำแหน่งผู้อำนวยการแล้วให้ภัทรนัยบุตรชายคนเดียวของเขาขึ้นไปดำรงตำแหน่งสูงสุดแทน

ภัทรนัยอายุ32ปี จบปริญญาโทคณะบริหารจากสหรัฐอเมริกา เป็นที่รู้กันดีในวงสังคมชั้นสูงว่า...

ภัทรนัย หล่อ รวย หุ่นดี แต่...ไม่มีแฟน จนใครๆต่างพากันคิดว่าเขาอาจจะเป็นเกย์..

ซึ่งชายหนุ่มเองก็มักจะส่ายหัวให้กับคำลือที่ไม่มีมูลความจริงนั้นอยู่เสมอ ในเมื่อเขาไม่ได้เป็นเกย์อย่างที่ทุกคนคิด แล้วทำไมเขาต้องเก็บมาคิดมากด้วย จะมีก็แต่คุณเทพินผู้เป็นมารดาของเขาเท่านั้นที่ดูจะร้อนอกร้อนใจกับคำกล่าวหานี้จนมักจะพูดกรอกหูเขาอยู่ทุกวันว่า

“ตาภัทรนะตาภัทร ทำไมไม่หาแฟนเข้าสักคนล่ะลูก คนอื่นจะได้เลิกหาว่าลูกของแม่เป็นเกย์เสียที”

และเขาก็มักจะพูดตอบกลับไปเสมอว่า

“ไม่รู้ว่าเนื้อคู่ผมจะมาเกิดหรือยัง ถ้าผู้หญิงคนไหนไม่เป็นคนที่ใช่สำหรับผมจริงๆ ผมก็ไม่คิดจะคบกับเขา”

นึกมาได้ถึงตรงนี้ ภัทรนัยก็หัวเราะในลำคอ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาขึ้นบันไดของบริษัท แต่ยังก้าวเดินไปได้ไม่เท่าไหร่ ร่างบางๆของใครบางคนก็มาชนเขาเข้าเต็มแรงเสียก่อน

“ว้าย” เธออุทานลั่นอย่างตกใจ เกือบจะหน้าคะมำลงไปเสียแล้ว ถ้าไม่มีมือแข็งๆเหมือนคีมเหล็กของภัทรนัยเอื้อมมาคว้าเอาไว้

“ขอบคุณ...ค” อินทุภาชะงักคำพูดลงเพียงเท่านั้น เมื่อดวงตากลมโตสบตากับดวงตาคมเข้มของเขาเข้าพอดี

เหมือนมีกระแสไฟแล่นปราดไปทั่วร่างจนหญิงสาวแทบจะยืนไม่อยู่ จนชายหนุ่มต้องออกแรงรั้งตัวเธอไว้ไม่ให้หล่นจากบันไดมากยิ่งขึ้น

“เป็นลมเหรอไงคุณ” ภัทรนัยถาม ก่อนจะเหลือบตาไปมองนาฬิกาล้อมเพชรที่ข้อมือของตัวเอง

แย่จริงๆ ทำไมเขามาต้องเจอเรื่องยุ่งๆแบบนี้ตั้งแต่เช้าด้วยนะ มันทำให้เขาต้องเข้าไปทำงานสาย แต่จะโทษผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ เพราะเธอคงไม่ตั้งใจจะเป็นลม เอ๊ะ... หรือว่าตั้งใจจะเป็นลมเพื่ออ่อยเขาเหมือนที่เขาเคยเจอผู้หญิงคนอื่นๆทำมาก่อนแล้วกันแน่นะ

ริมฝีปากสีชมพูกุหลาบเหมือนคนมีสุขภาพดีของภัทรนัยกระตุกยิ้มเยาะหยัน เมื่อเค้นเสียงถามออกมาว่า

“มุกนี้เก่าไปแล้วนะครับ ถ้าอยากคบกับผมก็บอกมาตามตรง”

คำถามนั้นทำให้อินทุภาต้องตาลุกโพลงทันที หญิงสาวบิดข้อมือออกจากมือใหญ่ ก่อนจะเชิดหน้าพูดขึ้น แม้ว่าหัวใจจะยังเต้นโครมครามอยู่ก็ตาม

“นิสัยคุณ...เปลี่ยนไปมากนะคะ คุณน้อย”

“คุณเรียกผมว่าไงนะ!” ภัทรนัยฉุนกึกทันที เมื่อสมัยเขายังเด็กอายุไม่ถึง10ขวบนั้น เขาเป็นเด็กที่ตัวเล็กผอม จนเพื่อนหญิงที่ชื่อว่าแก้วตาเรียกเขาว่า 'น้อย' ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องหมั่นเล่นกีฬาและออกกำลังกายจนหุ่นสูงเพรียวอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

อินทุภาไม่ตอบอะไร ดวงตากลมโตหลุบลงอ่านป้ายชื่อที่อกเสื้อของเขาอย่างรวดเร็ว

' ภัทรนัย วัชระไวรินทร์ ตำแหน่งผู้อำนวยการ '

หญิงสาวท่องตำแหน่งกับชื่อของเขาซ้ำไปซ้ำมาราวกับจะสลักจำทุกอย่างให้ฝังลงไปในสมอง ก่อนจะเงยหน้าส่งยิ้มให้เขาอย่างสดใส

“ขอโทษนะคะที่เมื่อกี้เดินชน”

ภัทรนัยรู้สึกใจกระตุกชอบกลเมื่อเห็นรอยยิ้มเปิดกว้างที่มีลักยิ้มประดับที่ข้างแก้มของเธอ รอยยิ้มแบบนี้ช่างเหมือนกับใครบางคนที่เขาคุ้นเคยอย่างประหลาด

“คราวหน้าถ้าอยากได้เบอร์ผม คุณไม่ต้องใช้มุกเดินชนก็ได้นะ”

อินทุภาเปิดรอยยิ้มที่กว้างมากขึ้นกว่าเดิม ดวงตาคู่โตกระพริบถี่ๆก่อนจะเลิกคิ้วเรียวขึ้นสูง

“หน้าตาอย่างฉันนี่มันเหมือนคนมีมุกเยอะนักหรือไงคะ”

ภัทรนัยยักไหล่ พลางพูดขึ้นมาเป็นเชิงตัดบทว่า

“ถ้าคุณไม่ได้เป็นอะไรแล้ว งั้นเห็นทีผมจะเข้าบริษัทเสียที”

“ค่ะ” อินทุภาพยักหน้า มองตามร่างสูงในชุดสูทสีดำที่ขึ้นบันไดไปทีละ2ก้าวด้วยแววตาหมายมาด

“ในที่สุด ฉันก็ได้เจอนายเสียทีนะนายน้อย ถึงนายจะจำฉันไม่ได้ แต่คำสัญญาที่นายเคยให้ฉันไว้ ฉันไม่มีวันลืม เพราะ...นายเป็นผู้ชายของฉัน!!”