4 ไร้ประสบการณ์
เมญาวีรีบตื่นแต่งตัวออกจากห้องแต่เช้า วันนี้เธอต้องไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทแห่งหนึ่ง หญิงสาวตื่นเต้นกว่าทุกครั้งเพราะบริษัทนี้เป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวขนาดใหญ่ เธอแอบหวังว่าจะเป็นบริษัทของพี่ชายใจดีคนนั้น
นอกจากเธอแล้ววันนี้ยังมีอีกหลายคนที่มาสัมภาษณ์ เมญาวีเริ่มกังวล เพราะดูแต่ละคนที่มานั่งรอนั้นไม่ธรรมดาเลยสักนิด
“น้องมาสมัครตำแหน่งอะไรคะ” หญิงสาวท่าทางมั่นใจคนหนึ่งถามหญิงสาวอีกคนที่นั่งติดกับเมญาวี
“เลขาค่ะ”
“ตำแหน่งเดียวกับพี่เลยนะคะ น้องเคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนหรือเปล่าคะ”
“ค่ะ เคยทำงานกับนายฝรั่งมาหลายปี แต่อยากลองเปลี่ยนเจ้านายดูบ้างก็เลยมาสมัครที่นี่”
“เหมือนพี่เลยค่ะ แต่ก่อนพี่ก็ทำงานกับนายญี่ปุ่นค่ะ พอทำนานก็เริ่มเบื่อเหมือนกัน”
“ได้ข่าวว่านายญี่ปุ่นค่อนข้างเจ้าระเบียบจริงไหมคะ”
“ค่ะ พี่เลยติดนิสัยทำงานเป็นระเบียบมาจากเจ้านายคนก่อน เลยหวังว่ามาที่นี่จะได้รับเลือก”
“พี่คะ เราคงต้องแย่งตำแหน่งกันหน่อยแล้วล่ะค่ะ แล้วน้องล่ะคะ มาสมัครตำแหน่งอะไร”
“หนูเหรอคะ” เมญาวีที่นั่งฟังเพลินก็ตกใจเมื่ออยู่ก็ถูกถามขึ้น
“น้องนั่นแหละ ดูท่าทางแล้วเหมือนจะเพิ่งจบนะคะ”
“ค่ะหนูเพิ่งจบ”
“พี่จะบอกอะไรให้นะคะ น้องเรียนจบแล้วเป็นผู้ใหญ่แล้ว การที่เรียกแทนตัวเองว่าหนูมันไม่น่ารักแล้วล่ะคะ ลองเปลี่ยนใหม่นะคะ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่บอกหนู เฮ้ย บอกฉัน”
“แล้วตกลงมาสมัครตำแหน่งอะไรคะ”
“ตอนยื่นไปสมัครก็ยื่นตำแหน่งเลขาค่ะ แต่ดูท่าทางแล้วคงสู้กับพี่สองคนไม่ได้”
“พี่ขอโทษนะคะ ไม่น่าคุยกันให้น้องได้ยินจนเสียความมั่นใจเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถึงตำแหน่งเลขาไม่ได้แต่ก็คงมีตำแหน่งอื่นที่ยังว่างอยู่”
“น้องเป็นคนมองโลกในแง่ดีจังนะคะ ถ้าเป็นพี่ไม่ได้ตำแหน่งที่ตัวเองต้องการพี่ก็คงไม่ทำ”
“ก็มันเลือกไม่ได้นี่คะ อีกอย่างฉันก็อยากทำงานที่นี่มากด้วย”
“ทำไมล่ะคะ”
“มันใกล้ที่พักค่ะ”
เธอตอบไปแบบนั้นเพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าที่อยากทำงานที่นี่ก็เพราะคิดว่าจะได้เจอพี่ชายใจดี หรือถ้าไม่เจอเขาที่นี่ แต่ก็คงพอได้ข่าวคราวบ้าง ถ้าพ่อของเขาเป็นเจ้าของโรงงานผลิตขนมอย่างที่บอก การทำงานในบริษัทที่มีสินค้าคล้าย ๆ กันก็อาจมีโอกาสได้เจอหรือได้ติดต่องานกันบ้าง
ใกล้ถึงเวลาสัมภาษณ์งานแล้ว ทุกคนดูจะตื่นเต้นไม่น้อย เมญาวีเองก็ตื่นเต้นไม่ต่างกัน เหงื่อของเธอชุ่มไปทั้งฝ่ามือ
คนแรกที่เข้าไปสัมภาษณ์ออกมาหลังจากใช้เวลาเพียง 10 นาที เขาเป็นชายหนุ่มอายุไม่น่าจะเกิน 30 ปี ใบหน้าเขาดูไม่เครียดเท่าไหร่ตอนที่เดินออกมาจากห้องนั้น ชายหนุ่มเก็บกระเป๋าที่วางอยู่บนเก้าอี้แล้วเดินออกไปทันที
จากนั้นคนที่เข้าไปก็เป็นชายหนุ่มอีกสองคน เมญาวีเริ่มนั่งไม่ติดเพราะแต่ละคนที่ออกมาต่างมีสีหน้าเรียบเฉยและไม่ยอมพูดอะไรกับคนที่รออยู่เลย
“โชคดีนะคะพี่” เมญาวีบอกกับรุ่นพี่คนที่เคยทำงานกับนายชาวญี่ปุ่นเมื่อถึงคิวของหญิงสาวที่ต้องเข้าไปในห้องนั้น
“ขอบใจจ้ะ”
หญิงสาวร่างสูงหุ่นดีราวกับนางแบบ เธอยืนตัวตรงก่อนเดินเข้าไปในห้องด้วยท่าทางที่มั่นใจ
เพียงไม่นานเธอก็กลับออกมามาพร้อมกับรอยยิ้ม ดูแล้วเธอคงได้งานนี้ไปอย่างแน่นอน
เมญาวีไม่ได้คุยหรือถามอะไรต่อเพราะเธอถูกเรียกเข้าไปหลังจากนั้นทันที
ภายในห้องมีเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่
“สวัสดีค่ะ” เมญาวียกมือไหว้ก่อนจะก้าวเข้าไปยืนตรงหน้า
“นั่งก่อนสิ”
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวกล่าวของคุณแล้วนั่งตรงหน้า สายตาจับจ้องไปยังหญิงวัยกลางคนที่ดูใจดี
“แนะนำตัวเองได้เลยค่ะ”
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเมญาวี เพิ่งเรียนจบบริหารธุรกิจค่ะ”
“เพิ่งจบ”
“ค่ะเพิ่งจบ”
“งั้นก็แสดงว่าไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อน ไม่เคยมีเจ้านาย”
“ค่ะ ไม่เคยมีเจ้านาย”
“เห็นผู้หญิงคนที่เดินออกไปเมื่อครู่ไหม”
“เห็นค่ะ”
“คิดว่าตัวเองจะสู้เธอได้ไหม”
“ในแง่ไหนล่ะคะ ถ้าในแง่ประสบการณ์คงไม่มีอะไรไปสู้กับเธอ แต่ถ้าเรื่องการทำงานก็ไม่แน่ค่ะ อีกอย่างฉันไม่เคยมีเจ้านายมาก่อน คิดว่าถ้าได้ร่วมงานกับเจ้านายก็คงจะเปิดใจและปฏิบัติกับเจ้านายอย่างที่เขาต้องการได้ ไม่ยึดติดกับการทำงานของเจ้านายคนก่อนค่ะ” เธอตอบอย่างฉะฉาน คำถามนี้เธอเจอมาแล้วเกือบทุกบริษัท
“ความหมายของเจ้านายกับเลขาของคุณคืออะไรคะ”
“คือการทำงานเป็นทีมค่ะ” คำตอบของเธอทำให้ผู้หญิงอีกคนยิ้ม เธอไม่เคยเจอคำตอบแบบนี้
“ขอบคุณมากแล้วเราจะติดต่อกลับไปนะคะ”
“ขอบคุณเช่นกัน”
เมญาวียกมือไหว้แล้วกลับออกมาด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยว คำว่า จะติดต่อกลับไป มันมีความหมายที่เธอเข้าใจดี กี่บริษัทแล้วที่บอกกับเธอแบบนี้
หญิงสาวมานั่งยังป้ายรถเมล์หน้าบริษัทด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า แต่ละบริษัทล้วนต้องการคนที่มีประสบการณ์แล้วเธอจะไปหาประสบการณ์ที่ไหนในเมื่อไม่เคยได้รับโอกาสเข้าไปทำงานเลย
“เฮ้อ...” เธอถอนหายใจอย่างแรงจนคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วหันมามอง
“อ้าว น้องที่ไปสัมภาษณ์งานเมื่อกี้นี่ เป็นยังไงถอนหายใจแรงเชียว”
“มีหวังเลยค่ะพี่”
“แล้วพี่ล่ะคะ”
“ก็คงเหมือนกัน”
“พี่มาสมัครตำแหน่งไหนเหรอคะ”
“กราฟิกครับ”
“ทำไมงานมันหายากจังก็ไม่รู้นะคะ”
“น้องเพิ่งจบใช่ไหมครับ”
“ค่ะ พี่ล่ะคะ”
“ตอนพี่จบใหม่ ๆ ก็ลำบากเหมือนกัน สมัครงานไปทั่ว กว่าจะได้งานแรกก็เกือบสองเดือน พอเข้าไปทำงานก็ทนแรงกดดันไม่ได้ อยู่ไม่ครบระยะเวลาทดลองงานด้วยซ้ำ”
“แล้วตอนนี้ล่ะคะ”
“ตอนนี้ก็กำลังจะลาออกจากที่เก่า เลยลองมาสมัครที่นี่ดู”
“ถ้าไม่ได้งานที่นี่พี่ก็ยังมีงานทำ”
“ก็คงอย่างนั้น แต่พี่อยากเปลี่ยนที่ทำงาน อยากลองอะไรใหม่ ๆ บ้าง”
“หวังว่าคงได้งานนะคะ เพราะอย่างน้อยพี่ก็มีประสบการณ์”
“พี่ก็ขออวยพรให้น้องได้งานเหมือนกันนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ รถเมล์มาแล้วขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับ แล้วเจอกันนะครับ”
เมญาวีโบกมือให้ก่อนจะรีบขึ้นไปนั่งบนรถประจำทางอย่างคล่องแคล่ว
จากวันนั้นเมญาวีก็ไปสัมภาษณ์งานอีกหลายที่ คำถามเดิม ๆ ที่เจอเกือบทุกที่ก็คือเคยมีประสบการณ์ไหม
หญิงสาวยังไม่ยอมถอดใจแม้ว่ามารดาจะโทรมาชวนให้กลับไปอยู่บ้านเกือบทุกวัน
บ่ายวันนี้ขณะที่กำลังกลับจากการสมัครงาน เมญาวีก็ได้รีบโทรศัพท์จากฝ่ายบุคคลของบริษัท ยัมมี่ฟู้ด โปรดักส์
เธอไม่ได้รับเลือกให้เป็นเลขาอย่างที่ตั้งใจไปสมัครงานในตอนแรก แต่มีตำแหน่งผู้ช่วยของ Project manager หญิงสาวลังเลอยู่เพียงครู่ก็ตอบตกลง เพราะเริ่มจะเหนื่อยกับการต้องหางานทำเต็มที
เมญาวีรีบโทรไปบอกกับมารดาทันที
“แม่ค่ะ เมยได้งานแล้วนะคะ”
“จริงเหรอลูก แม่ดีใจด้วยนะ”
“แม่ดีใจกับเมยจริง ๆ หรือประชดคะแม่”
“ดีใจสิ แล้วได้งานตำแหน่งอะไรเหรอลูก”
“ผู้ช่วย Project manager ค่ะแม่”
“อ๋อ แล้วไอ้ตำแหน่งนี้ต้องทำอะไรบ้างล่ะลูก”
“เมยก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่เท่าที่ศึกษาดูก็คล้ายงานผู้ช่วยทั่วไปนั่นแหละค่ะ”
“ได้งานแล้วก็ตั้งใจทำงานนะลูก ว่าแต่บอกได้ไหมล่ะว่าทำที่บริษัทไหนเผื่อแม่ไปกรุงเทพจะได้แวะไปหา”
“บริษัท ยัมมี่ฟู้ด โปรดักส์ค่ะแม่”
“อะไรนะเมย”
หญิงสาวบอกชื่อบริษัทที่ตัวเองจะต้องไปทำงานให้กับมารดาอีกครั้ง
“มีอะไรหรือเปล่าคะแม่ ทำไมทำเสียงตกใจอย่างนั้นคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกลูก ก็แค่คิดว่าเป็นบริษัทที่ค่อนข้างใหญ่เลย”
“ค่ะแม่ ตอนแรกเมยไปสมัครเป็นเลขาของผู้จัดการค่ะ แต่เมยไม่มีประสบการณ์เลยได้อีกตำแหน่งหนึ่งมาค่ะ”
“ดีแล้วล่ะลูก ตำแหน่งเลขาผู้จัดการแม่ว่างานต้องหนักมากแน่ ๆ เลย และอีกอย่างเขาก็คงต้องอยากได้คนที่มีประสบการณ์” เพชรลดาไม่อยากให้ลูกสาวทำงานใกล้ชิดกับคนตำแหน่งสูง ๆ เพราะเหตุผลส่วนตัวหลายอย่างแต่จะห้ามก็ไม่อยากให้ลูกสาวเสียใจ
“ค่ะแม่ เมยก็คิดอย่างนั้น”
หญิงสาวคุยกับมารดาต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะขอวางสายเพราะเธอต้องเตรียมตัวสำหรับการเริ่มงานในวันจันทร์ที่จะถึงนี้