บทที่ 4
ความเคลื่อนไหวของเขาช่างรวดเร็วจนน่าแปลกใจ เขาเข้ามาหยุดอยู่ข้างตัวพร้อมกับคว้าแขนเธอไว้
“อย่าเพิ่ง... ” ความเร็วของมือที่คว้าแขนเธอนั้นทำให้ตำราหล่นลงบนพื้นห้อง “ขอโทษ...” เขาปล่อยแขนเธอออกเมื่อก้มลงเก็บให้ แสงไฟที่สาดส่องลงมาจากเพดานต้องเรือนผมเป็นประกายสีทอง ราเชลยืนนิ่งงันราวถูกตรึงอยู่กับที่ รอเวลาให้ความรู้สึกแปลก ๆ ที่แผ่ซ่านจากท่อนแขนไปทั่วเรือนร่างสงบลงเสียก่อนยอมรับว่ามันเป็นสัมผัสที่ทำให้ใจสั่นได้ไม่น้อย แม้ว่ามันจะไม่ปรากฏร่องรอยให้เห็น แต่เธอก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไมสัมผัสจากมือของเขาจึงก่อให้เกิดความรู้สึกแปลก ๆ ได้ถึงเพียงนี้..
เขายืดร่างขึ้น..มองนวลแก้มเผือดซีดของเธอด้วยสายตาแปลก ๆ สีฟ้าเข้มในดวงตาของเขาไม่ต่างกว่าพื้นน้ำในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
“เฮ้... ผมไม่ได้ทำให้คุณเจ็บใช่ไหมนี่..?” เขาถามด้วยสุ้มเสียงแผ่วเบา เข้ามายืนอยู่ชิดใกล้จนเธอสามารถมองเห็นจุดสีเขียวในดวงตาสีฟ้าเข้มของเขาได้ชัดเจน ไม่เพียงแค่ได้กลิ่นหอมฉุนของโคโลญจน์ที่อบร่ำอยู่กับเนื้อตัวเขาเท่านั้น แต่ยังสัมผัสละไออุ่นเรือนร่างของผู้ชายจากเขาอีกด้วย
เธอรู้สึกใจสั่นเมื่อพลังเสน่ห์จากเรือนกายของเขาจับหัวใจเธอไว้ มันเป็นความรู้สึกอ่อนไหวที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนเป็นความรู้สึกที่อยากแนบร่างเข้าไปหาให้เขากอดเธอไว้ มันเป็นความบ้าชัด ๆ เป็นความบ้าที่ไม่ใช่นิสัยของเธอแน่นอนกระนั้นราเชลก็ยังยอมรับว่า เธอตระหนักในความเป็นชายชาตรีนับแต่ก้าวแรกที่เขาก้าวเข้ามาในห้องนี้แล้วเสียด้วยซ้ำอาจจะตรงนี้กระมังที่ทำให้เธอพูดจากับเขาด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อใยในตอนแรก เพราะคิดว่าเขาเป็นสามีของเคย์...
เขากำลังจับตามองหน้าเธออยู่ แววในดวงตาแฝงความพิศวง หัวคิ้วขมวดมุ่น มันก็น่าจะเป็นเช่นนั้นอยู่หรอก เพราะเขาต้องสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ เพราะเธอยังไม่ได้ตอบคำถามเขาเลยแม้เวลาจะผ่านไปเป็นครู่ใหญ่แล้ว
ราเชลเลียริมฝีปากที่แห้งกรัง รู้อยู่แก่ใจว่าในสายตาของบุรุษหนุ่มผู้นี้เธอย่อมไม่ต่างกว่าเด็กสาวคนหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่เธอพยายามทำตัวให้แก่เกินอายุ
“เอ้อ... ไม่หรอกค่ะ คุณไม่ได้ทำฉันเจ็บหรอก บังเอิญหนังสือเล่มหนึ่งมันตกใส่หัวแม่เท้าพอดีเท่านั้น”
“อืม...” เขาก้มลงมองหนังสือแล้วก็บอกว่า “รู้สึกว่ามันค่อนข้างจะหนักเสียด้วย...เล่มที่ตกดูจะหนากว่าเล่มอื่น”
“มันก็หนาทุกเล่มนั่นแหละ...” เธอดึงหนังสือมาจากมือเขา
“Business in the Eighties” เขาอ่านชื่อหนังสือ “รู้สึกว่าจะเป็นวิชาที่ค่อนข้างแปลกสักหน่อยสำหรับนักเรียนจะเรียนนะ”
“ฉันไม่ใช่เด็กนักเรียนแล้วนะคะ คุณ...เอ้อ...”
“เรียกผมว่านิคเถอะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ค่ะ... ก็อย่างที่บอก... ฉันไม่ใช่เด็กนักเรียน.. ฉันเป็นนักศึกษาแล้วและก็กำลังเรียนด้านธุรกิจ”
“คุณเลยต้องเสียเวลาเรียนเพราะมัวแต่ช่วยพาน้องสาวผมมาส่งโรงพยาบาลใช่ไหม...?”
“ใช่”
“เราขอขอบคุณในน้ำใจของคุณอย่างมากเลยนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง
“ฉันไม่ได้ทำเพราะอยากได้รับคำขอบคุณหรอก” เธอพูดห้วนๆ ยังไม่สบายใจกับปฏิกิริยาของตนเองที่มีต่อสัมผัสของเขา “น้องสาวคุณ... มิสซิสเล็นนอกซ์... นั่นน่ะ ตอนที่ฉันพบเธอกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างมากทีเดียว”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ”
“ฉันเห็นจะต้องขอตัวก่อนจริงๆ ” เธอเมินหน้าเสียจากเขาเพราะรู้สึกหวั่นไหวกับสายตาคมปลาบที่จ้องมองอยู่ไม่คลาดคลาอย่างยิ่ง “ค่ำนี้ฉันยังมีชั่วโมงเรียนอีก”
“อะไรกัน... คุณเรียนรอบค่ำด้วยหรือนี่?” เขาเลิกคิ้วถามอย่างฉงน
“ฉันเรียนภาษาฝรั่งเศสกับเยอรมันตอนค่ำค่ะ”
“แล้วคุณมีเวลาเที่ยวกับเขาบ้างหรือเปล่านี่?”
“แน่นอน” เธอตวัดค้อนใส่
ประตูห้องเปิดออกพร้อม ๆ กับที่นายแพทย์เดินเข้าประตูมา
“น้องสาวอยากเห็นหน้าคุณหน่อยแน่ะ” เขาพูดกับนิคที่ดูมีท่าลังเลขึ้นมาทันที
“เอ้อ... เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”
“เอ้อ... ครับ... แต่เยี่ยมได้ครู่เดียวเท่านั้นนะครับ” นายแพทย์พูดพร้อมกับพยักหน้า และนิคก็หันไปทางราเชลถามเบา ๆ ว่า
“คุณจะคอยผมก่อนได้ไหม?”
คอยผมก่อน... แม้ว่าถ้อยคำประโยคนั้นจะหลุดเลื่อนออกมาจากปากของเขาราวเป็นคำพูดธรรมดาที่สุด แต่มันก็ยังก่อให้เกิดความรู้สึกแปลก ๆ ราวกับเขาพูดกับเธออย่างจริงจังมีความมาดมั่นที่จะกลับออกมาหาเธอแน่นอนไม่ว่าจะมีสิ่งใดขวางกั้นและเธอก็ตอบเขาออกไปราวไม่รู้ตัว
“ได้ค่ะ”
แต่เมื่อร่างเขาลับหายออกไปทางประตูแล้ว ราเชลจึงได้คิดด้วยความสงสัยว่า เธอยังจะยืนอยู่ทำไมในห้องนี้ วันนี้เธอก็ได้ทำความดีด้วยการพาเคย์ เล็นนอกซ์มาส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พี่ชายของเคย์ก็มาอยู่เป็นเพื่อนแล้วด้วยเพราะฉะนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องอยู่ต่อ นอกจากที่นิคขอให้เธอคอยเขาเท่านั้น...
นี่มันเป็นความบ้าชัด ๆ เลย... ตอนนี้มันเป็นเป็นเวลาที่เธอควรจะเข้าเรียนภาษาฝรั่งเศสได้แล้ว ไม่ใช่มานั่งรอคอยผู้ชายคนที่เธอเพิ่งเห็นหน้าค่าตาเขาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ผู้ชายคนที่ดูจะมีความมั่นใจสูงส่ง ว่าเสน่ห์ของตนสามารถมัดหัวใจผู้หญิงทั้งหลายไว้ได้ ซึ่งเธอไม่สงสัยเลยว่าในชีวิตของเขาจะต้องห้อมล้อมอยู่ด้วยผู้หญิงมากมายแววในดวงตาของเขาก็บอกอยู่แล้วว่า เขาเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในเรื่องผู้หญิงอย่างล้นเหลือ
ทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เธอรู้ทั้งนั้น รู้ดี ด้วยว่ามันไม่ได้มีเหตุผลที่มีน้ำหนักมากพอที่เธอจะต้องอยู่ตรงนี้เลย แต่เธอก็ยังคงนั่งอยู่ในห้องพักรอนั่นเองตอนที่นิคเดิน กลับเข้ามา
สีหน้าของเขาดูจะเผือดซีดกว่าตอนแรกเมื่อทิ้งตัวลงนั่งในเก้าอี้นวมตัวถัดจากเธอและเอ่ยถามออกมาว่า
“คุณคิดว่าผู้หญิงทุกคนจะต้องผ่านเหตุการณ์อย่างนี้เหมือนกันหมดทุกคนเลยหรือ?”
“ที่ถามนี้หมายความว่าคุณไม่เคยรู้มาก่อนเลยหรือคะ...?” ราเชลถามหน้าตาเฉย รู้สึกตกใจอยู่เหมือนกันกับปฏิกิริยาที่เธอกำลังมีต่อผู้ชายคนนี้ ทั้งยังสัมผัสความรู้สึก ด้วยว่าพลังแม่เหล็กที่กำลังส่งกระแสออกมาจากร่างกายเขาในยามนี้ดูจะรุนแรงขึ้นกว่าตอนแรกเป็นสองเท่า
“ก็ผมบอกคุณแล้วไง ว่าผมยังไม่ได้แต่งงาน”
“แต่นั่นมันก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับการที่คุณจะมีลูกนี่” เธอตอบโต้ออกไป
สีหน้าของเขาดูจะเผือดซีดลงกว่าเดิม คราวนี้เนื่องจากมีความรู้สึกโกรธเข้ามาผสมอยู่ด้วย
“ผมรู้ และผมก็ตั้งใจไว้แล้วด้วยว่า ลูกของผมจะต้องได้รับรู้ในความรักของผมอย่างแน่นอน... ผมหมายถึงความรักอย่างท่วมท้นทีเดียว ไม่เหมือนพ่อแม่ผมหรอกที่ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้เลย...!”
“แล้วตอนนี้น้องเขยคุณไปอยู่เสียที่ไหนล่ะคะ?” ราเชลถาม
“ไปทำธุระที่นิวยอร์ก เขาฝากเคย์ไว้กับผม” เขาสังเกตเห็นสายตาที่เธอมองเขาอยู่จึงพูดต่อว่า “ที่จริงแล้วเคย์ไม่ควรออกไปข้างนอกเลย”
“เห็นเธอบอกว่าอยากจะออกไปซื้อของ”
“ผมเข้าใจ... ” นิคพยักหน้าเบา ๆ “ก็พวกเสื้อผ้าเครื่องใช้ไม้สอยสำหรับลูกนั่นแหละ... ทำอย่างกับว่าที่ซื้อไว้ตั้งมากมายยังไม่พอยังงั้นแหละ... เอ้อ... ผมคิดว่าเคย์คงไม่ได้ขอให้คุณช่วยติดต่อริชาร์ดด้วยใช่ไหม?”
“คุณหมายถึงจะให้ฉันโทรไปนิวยอร์กยังงั้นหรือคะ?” ราเชลถามอย่างไม่อยากเชื่อหูตนเอง
“อย่าเลย ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก...” เขาถอนหายใจเบา ๆ “งั้นผมโทรเสียตอนนี้เลยดีกว่า”
“ฉันเห็นจะต้องขอตัว...”
“เดี๋ยวสิ...อย่าเพิ่งไป...” เขาหันมามองเธอด้วยสายตาเครียดเขม็ง “เห็นหมอบอกว่าคงอีกไม่นานแล้วเพราะฉะนั้นผมคิดว่าคุณอยู่รอดูก่อนดีกว่าว่าเขาจะได้ลูกผู้หญิงหรือผู้ชายเห็นเขาบอกผมว่าถ้าเป็นผู้หญิงเขาจะให้ชื่อตามคุณ... ราเควล...ใช่ไหมครับ?”
“ราเชล!...” เธอรีบกล่าวแก้ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“โอเค... ราเชลก็ราเชล...ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละว่าเคย์อยากให้คุณได้รับรู้ด้วยว่าลูกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคงจะไม่สายมากเกินไปนักหรอก เดี๋ยวผมจะขับรถไปส่งคุณที่โรงเรียนเอง”
“ตอนนี้น่ะมันเลยสายไปแล้วละค่ะ เขาเรียนกันไปตั้งห้านาทีแล้วด้วยซ้ำ”
“ผมเสียใจด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันมีตำรามาด้วยหลายเล่ม เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วอ่านเองก็ได้”
“ทั้งสวยทั้งเก่งทีเดียวนะ”
ราเชลพยายามบังคับใจตัวเองไม่ให้หน้าแดง แต่ก็รู้อยู่ว่าทำไม่สำเร็จเมื่อเห็นแววพึงใจในสายตาเขา ขณะนี้เขาน่าจะรู้แน่ชัดแล้วว่า เธอมีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง และดูเหมือนเขาจะสนุกกับการใช้คำพูดจี้จุดเสียด้วย เธอเชื่อว่าเขาจะต้องเก็บเรื่องที่พบเธอวันนี้ไปเล่าให้เพื่อนสาวฟังอย่างไม่ต้องสงสัยเลย รู้ว่าเขาจะต้องมีคู่เชย ผู้หญิงที่เต็มใจนอนกับเขา เสน่ห์ที่เขาสร้างขึ้นเป็นบรรยากาศล้อมตนไว้ ย่อมสามารถมัดใจหญิงสาวไม่คนใดก็คนหนึ่งแน่
“ไหนคุณว่าจะไปโทรศัพท์ไงล่ะ” เธอเอ่ยเตือนออกไป
“อืม... ” เขาผุดลุกขึ้นยืน ทุกความเคลื่อนไหวของเขาดูจะเต็มไปด้วยความนุ่มนวลแต่รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ “ว่าแต่คุณเถอะ มีใครที่บ้านที่จะต้องบอกให้รับรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณกำลังอยู่ที่ไหนหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ราเชลส่ายหน้าเบา ๆ “ฉันบอกแม่ไว้แล้วว่าอาจกลับค่ำหน่อย”
“งั้นเดี๋ยวผมขับรถไปส่งคุณที่บ้านก็แล้วกัน สำหรับตอนนี้ผมควรจะรีบบอกกล่าวให้ริชาร์ดรับรู้ไว้เสียก่อน ว่าเขากำลังจะได้เป็นพ่อเร็วกว่าที่คิดไว้ตั้งสามอาทิตย์” สีหน้าของนิคขรึมลง “ผมว่าเขาต้องโมโหตัวเองอย่างมากเลยเชียวละ” เขารีบกล่าวต่อเมื่อเห็นราเชลเลิกคิ้วอย่างสงสัย “ที่จริงเขาไม่ได้อยากเดินทางเที่ยวนี้เลย แต่เคย์เองนั่นแหละที่หว่านล้อมเสียจนเขาต้องยอมทำตาม เขาน่าจะรู้ว่าไม่ควรหลงเชื่อคำพูดของน้องสาวผม มากจนเกินไปนัก บอกตามตรงว่ายายนี่แกไม่เคยทำอะไรตรงตามเวลาเลยสักครั้งในชีวิต แต่ส่วนใหญ่มักจะช้ากว่ากำหนดเสมอ ครั้งนี้ทำไมเร็วกว่าไปได้ก็ไม่รู้”