บทที่ 3
ความคิดที่จะเข้าไปในห้องเตรียมคลอดกับสภาพภายในที่เธอแอบเห็น ตอนที่พยาบาลเข็นเตียงมิสซิสเล็นนอกซ์เข้าไป ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นให้เกิดขึ้นกับราเชลแต่ประการใดเลย แต่คำพูดของแดนนี่ว่า...เธอชอบยุ่งเรื่องคนอื่น ชอบหาเรื่องใส่ตัวอยู่เรื่อยนั้นมันเหมือนท้าทายอะไรบางอย่างอยู่ ดังนั้นราเชลจึงอยากพิสูจน์ตัวเอง ว่าสำหรับครั้งนี้เธอสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แน่นอน
เสื้อกาวน์ หมวก กับรองเท้าที่พยาบาลนำมาให้สวมใส่ไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกดีขึ้นแต่อย่างใดเลย ยิ่งเมื่อเข้าไปในห้องนั้นแล้วได้เห็นภาพเคย์ที่หน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยอาการเจ็บท้องใกล้คลอดซึ่งเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ โดยมีช่วงพักที่สั้นเข้าทุกที ยิ่งทำให้ราเชลไม่สบายใจ เธอจึงเพียงแต่รายงานให้เคย์ได้รับทราบว่า ขณะนี้ได้ฝากข่าวไว้ในเครื่องรับโทรศัพท์ของนิค เล็นนอกซ์เรียบร้อยแล้วเท่านั้น
เธอรู้สึกเวียนศีรษะอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเดินกลับออกมายังห้องพักรอ รู้สึกขอบคุณพยาบาลคนที่เอาน้ำชาร้อนๆกับแซนด์วิชมาให้เหลือเกิน ช่วงที่เธอไม่อยู่นั้นไม่มีใครอื่นเยี่ยมกรายเข้ามาในห้องนี้เลย เธอจึงสามารถใช้ห้องได้เต็มที่ ซึ่งเมื่อนึกถึงจำนวนทารกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประเทศแล้ว ราเชลก็อดแปลกใจไม่ได้ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้มีทารกแรกเกิดจำนวนน้อยมาก
น้ำชาในถ้วยทั้งร้อนและเข้มข้น แซนด์วิชสลัดไก่ก็รสชาติอร่อยล้ำ เธอเพิ่งจะกัดเข้าไปเต็มคำตอนที่ประตูห้องเปิดออกและผู้ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามา เธอถึงกับเบิกตากว้างขณะมองดูเขาอยู่ ไม่เพียงแต่เขาจะมีเรือนผมสีบลอนด์ทอง ใบหน้าคล้ำจัดเท่านั้น แต่เรือนร่างของเขาบ่งบอกถึงความเป็นนักกีฬาอย่างเห็นได้ชัด เมื่ออยู่ในกางเกงขายาวสีดำ เสื้อเชิ้ตสีเดียวกันที่เปิดกระดุมเม็ดบนเผยให้เห็นไรขนสีทองเข้มบนแผงอก
ทว่าองค์ประกอบบนใบหน้าเขาดูจะน่าสนใจกว่า เป็นใบหน้าคมสันที่บ่งบอกความยโสอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังเป็นลักษณะใบหน้าที่คล้ายจะคุ้นตาอย่างไรบอกไม่ถูก ขนคิ้วของเขาเป็นสีบลอนด์เข้มเช่นเดียวกับไรขนบนแผงอก ขนตาเป็นแผงหนา จมูกโด่งเป็นสัน ปากค่อนข้างเครียด แม้ว่ารอยเส้นตรงปลายหางตาจะบ่งบอกว่าจริงๆ แล้วเขาน่าจะเป็นคนยิ้มง่ายเสียด้วยซ้ำก็ตาม
ราเชลค่อยๆ วางแซนด์วิชลงในจาน จับตามองภาพขณะที่เขาปิดประตูตามหลังลงและเดินตรงเข้ามาหาราวตกอยู่ในภวังค์ของการสะกดจิต ท่าทางเดินของเขาเป็นไปอย่างธรรมชาติมาก ทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ก็ดูจะเหมาะสมกับเรือนร่างของเขาอย่างยิ่ง สรุปรวมแล้ว เขาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างหาตัวจับยากคนหนึ่ง เธอเดาเอาว่าเขาน่าจะอยู่ในวัยยี่สิบปีปลายหรือไม่ก็สามสิบต้นๆ ท่าทางบ่งบอกว่าเป็นคนที่มีความมั่นใจในตนเองสูง ไม่สนใจว่าใครจะรู้สึกอย่างไรในตัวเขา
“ขอโทษ คุณเจมส์ใช่ไหมครับ?”
“ใช่ค่ะ...” เธอตอบ ค่อนข้างแปลกใจ เพราะผู้ชายคนนี้ท่าทางไม่เหมือนหมอ...แต่เธอจะไม่ได้หมายความว่าหมอทุกคนจะต้องสวมเสื้อนอกสีขาวเสมอไป แต่ถึงอย่างไรผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้มีกิริยาท่าทางร้อนอกร้อนใจเหมือนหมอคนที่เข้ามาพูดกับเธอเมื่อก่อนหน้านี้ และถ้าจะพูดกันตามความจริงแล้วท่าทางของเขาคนนี้แทบจะไม่ยินดียินร้ายอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ
เขาผงกศีรษะ ราวกับคำตอบของเธอยืนยันสิ่งที่เขาคิดอยู่ก่อนแล้ว
“ผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่าน่าจะใช่ ผมได้รับข่าวที่คุณฝากไว้ในเครื่องรับโทรศัพท์แล้ว ก็เลย...”
“คุณชื่อนิคใช่ไหมคะ?” เธอเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ... ผู้ชายคนนี้น่ะเรอะนิค เล็นนอกซ์...?
เขายิ้มกับท่าทางแปลกใจของเธอ หางตายับย่นเป็นรอยริ้ว ซึ่งทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงราวเด็กหนุ่ม ขณะที่พลังที่แฝงอยู่ในบรรยากาศรอบตัวเขาก็ราวจะปฏิเสธว่าเขาเคยผ่านวัยดังกล่าวมาก่อน บุคลิกลักษณะของเขาเหมือนกับว่าพอเขาเกิดมาก็มีประสบการณ์ท่วมท้นติดตัวมาด้วยเลยมากกว่า
ราเชลยอมรับความรู้สึกสับสนที่กำลังเกิดอยู่กับตนเองในยามนี้ เพราะเขาไม่เหมือนภาพบุรุษผู้จะเป็นสามีของเคย์อย่างที่เธอคิดอยู่ก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งถ้าจะพูดถึงความรู้สึกจริงๆ ก็คือ เขาไม่ได้มีท่าทางว่าจะเป็นสามีของผู้หญิงคนไหนได้เลยด้วยซ้ำ ทั้งแววในดวงตาคู่สีฟ้าเข้มลึกล้ำคู่นั้นก็ยังแสดงออกถึงความชื่นชมในรูปร่างหน้าตาของเธออย่างเปิดเผยอีกต่างหาก
ซึ่งอาจจะเป็นเพราะสายตาของเขาที่จรดจ้องมองอยู่ในยามนี้ก็ได้ ที่ทำให้เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นอย่างที่เธอไม่เคยทำกับใครมาก่อน
“เพิ่งจะโผล่มาได้...! คุณรู้หรือเปล่าว่าฉันพยายามโทรศัพท์หาคุณตลอดบ่าย...”
“แค่สองครั้งเท่านั้น” เขาไม่ได้หวั่นไหวเลยกับคำพูดเชิงเสียดสีของเธอ ราเชลมองหน้าเขาอย่างไม่ชอบใจ
“ครั้งหนึ่งตอนบ่ายสองโมงครึ่งกับอีกครั้งหนึ่งตอนห้าโมงเย็น”
“ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าจะตลอดทั้งบ่ายนี่” เขายังเถียงซึ่งทำให้สาวน้อยหน้าแดงก่อนจะโต้กลับไปว่า
“ไม่ว่าคุณจะแก้ตัวว่ายังไงก็ไม่เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าฉันทิ้งระยะจากที่โทรครั้งแรกมาถึงตอนนี้ตั้งกว่าสี่ชั่วโมงเข้าไปแล้วหรอก...!”
“ผมออกไปทำธุระ…”
“ก็เห็นอยู่แล้วนี่” หางเสียงเธอถากถางอย่างเห็นได้ชัดซึ่งครั้งนี้ทำให้เขาถึงกับนิ่งขึงไป ดวงตาเป็นประกายกร้าว สีหน้าบึ้งตึง
“นี่.. ผมไม่จำเป็นจะต้องมานั่งอธิบายให้คุณเข้าใจว่าผมไปทำอะไรที่ไหนมาหรอกนะ คุณเจมส์...”
“ถูกต้อง...เพราะคุณควรจะอธิบายให้ผู้หญิงที่น่าสงสารที่กำลังจะคลอดลูก...”
“ก็เห็นหมอเขาบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรนี่” เขาขมวดคิ้วย่น
“เป็นค่ะ... แต่คุณคงไม่รู้สึกอยากจะเข้าไปในห้องนั้นแล้วก็หาคำตอบให้ตัวเองหรอก... ” เธอผุดลุกขึ้นยืนเพราะมีความรู้สึกว่าถ้ายังคงนั่งให้เขายืนค้ำหัวอยู่มันเหมือนเธอไว้อำนาจไม่สามารถปกป้องตนเองได้เช่นนั้น
เธอสังเกตเห็นอยู่ว่ามุมปากของเขากดลึกลงเหมือนกำลังหัวเราะเยาะอย่างไรบอกไม่ถูก
“ผมว่าเคย์เขาคงไม่อยากให้ผมเข้าไปในขณะที่กำลังคลอดลูกอยู่หรอก ถ้าผมขืนทำอะไรแบบนั้น รับรองได้เลยว่าเขาจะไม่มีวันขอบใจผมแน่”
ดวงตาของราเชลเป็นประกายกล้าด้วยความขุ่นเคืองในอารมณ์
“ฉันไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องผิดปรกติตรงไหนเลยที่จะได้เห็นผู้หญิงคลอดลูก ฉันกลับคิดว่ามันเป็นสิ่งที่สวยงามอย่างยิ่งเสียด้วยซ้ำ” เธอกระแทกเสียงใส่
“คงงั้นมั้ง...” หางเสียงนั้นตัดบท “กรุณาฟังผมหน่อยนะครับคุณเจมส์ ผมเดินเข้ามาในห้องนี้เพื่อจะมาขอบใจคุณที่ช่วยดูแลเคย์ ไม่ใช่มานั่งฟังคำวิพากษ์วิจารณ์กับการที่ผมมัวแต่ทำงานทั้งวันไม่เอาใจใส่กับเรื่องนี้..แล้วก็มาสั่งให้ผมเข้าไปในห้องนั้นในขณะที่ผมรู้ดีกว่าใครว่าเคย์จะไม่มีวันอยากให้ผมทำอะไรพรรค์นั้นเลย...!”
“แต่เธอถามหาคุณตลอดเวลาเลยนะ” ราเชลว่า
“งั้นเชียวรึ?”
“เอ้อ... มันก็เป็นธรรมดาที่เธอจะต้อง... ”
“ผมไม่เห็นเหตุผลในคำว่า ...เป็นธรรมดา...ของคุณเลยนะ... คุณเจมส์”
“ฉันชื่อราเชล” เธอตัดบทอย่างหงุดหงิด “และขอย้ำว่ามันมีความเป็น...ธรรมดา...อย่างยิ่งที่ภรรยาของคุณจะต้องถามหาแต่คุณ ในเวลาอย่างนี้ ผู้หญิงคนไหน ๆ ในโลกก็ต้องหวังจะได้เห็นหน้าสามีของเธอกันทั้งนั้นแหละ”
“อา...ตรงคำว่าสามีของเธอ...นี่เอง... ” เขาเอ่ยออกมาช้าๆ แววในดวงตาจุดประกายขบขัน “ใช่... ผมเห็นด้วยกับคุณที่ว่าในเวลาอย่างนี้ สามีย่อมเป็นที่ต้องการของภรรยาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย” คราวนี้เขายกมือขึ้นกอดอกขอบแขนเสื้อที่พับขึ้นไว้ใต้ศอกเผยให้เห็นนาฬิกาเรือนทองแบบเรียบๆ บนข้อมือขวา “ถ้าเช่นนั้นผมก็เห็นจะต้องขอทำความเข้าใจกับคุณเสียตอนนี้เลยนะว่า ผมไม่ใช่สามีของเคย์หรอก”
“อ้าว...ไม่ใช่คุณหรอกเรอะ...?” ราเชลอ้าปากค้าง
“ไม่ใช่เลย” เขาตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาคู่ สีฟ้าเข้มที่จรดจ้องมองเธออยู่ขณะนี้บ่งบอกความขบขันอย่างเห็นได้ชัด
คำตอบของเขาทำให้ราเชลงุนงงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“แต่เธอถามถึงคุณตลอดเวลาเลยนะ”
“แน่นอน.. ” เขาผงกศีรษะรับ “ผมรู้ว่าเธอต้องทำอย่างนั้นแน่”
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ราเชลมั่นใจอย่างที่สุดว่านิคคือสามีของเคย์ ถึงหมอเองก็จะต้องคิดอย่างนั้น แต่เธอก็ไม่ทันสังเกตอีกว่าเคย์ เล็นนอกซ์สวมแหวนแต่งงานหรือเปล่า ทั้งหล่อนก็ไม่ได้เอ่ยออกมาตรงๆ ว่าอยากพบสามีเพียงแต่ถามหาผู้ชายคนที่ชื่อนิคเท่านั้น...ซึ่งถ้าเขาไม่ใช่สามีมันก็ต้องหมายความว่าเขาเป็น.. มุมปากของเธอเหยียดหยันขึ้นมาทันที เมื่อมองหน้าหยิ่ง ๆ ที่ฉาบอยู่ด้วยยิ้มเยาะที่ทำให้เธอถึงกับร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า
“งั้นก็ต้องขอโทษด้วยนะ...” เธอพูดเสียงแข็งเมื่อเดาสถานะของเขาที่มีต่อเคย์ไปในทางลบ “ก็ฉันไม่รู้นี่ว่าคุณยังไม่แต่งงาน”
นิคเดินไปทรุดตัวลงนั่งไขว่ห้างที่เก้าอี้นวมตัวหนึ่งด้วยท่าทางสบายอารมณ์
“ผมน่ะยังไม่ได้แต่งแน่.. แต่เคย์เขาแต่งแล้ว” เขาพูดเรียบๆ
พระเจ้า...เรื่องนี้ดูมันจะยิ่งลึกลับซับซ้อนเข้าไปทุกทีแล้ว...นิคไม่ใช่สามีของเคย์ หล่อนมีสามีซึ่งจะต้องอยู่ตรงไหนสักแห่งหนึ่ง แล้วเด็กที่กำลังจะคลอดออกมานี้จะเป็นลูกของใครกัน.. ของนิคหรือว่าของสามีหล่อนกันแน่ .. ?
“ฟังนะครับ... ก่อนหน้าที่ความคิดของคุณจะฟุ้งซ่านไปยิ่งกว่านี้..” ดวงตาสีฟ้าเข้มคู่นั้นแข็งกร้าวขึ้น “ผมคงจะต้องเรียนให้คุณทราบว่าผมเป็นพี่ชายบุญธรรมของเคย์”
“พี่...พี่ชายหรอกหรือคะ?” อีกครั้งหนึ่งที่ราเชลต้องอ้าปากค้าง
“ครับผม”
นี่เขาจะคิดว่าเธอปัญญาอ่อนแน่ ๆ เลย... แม้ว่าตลอดเวลาที่พูดกันอยู่นี้เขาไม่ได้ทำอะไรเพื่อที่จะแก้ความเข้าใจผิดของเธอเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็สามารถอ่านความคิดของเธอได้อย่างทะลุปรุโปร่ง... ผู้ชายคนนี้ ที่เธอรู้จักเพียงแค่ชื่อว่า “นิค” สนุกสนานกับอาการหน้าแตกของเธออย่างยิ่ง นี่เขาจะดูหมิ่นเธอขนาดไหนที่ไปคิดว่าเขาไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งทั้งที่ลูกกำลังจะคลอดออกมาอยู่ในขณะนี้..!
“ตลกมากเลยนะคะ...!” ดวงตาคู่สีเทาวาววาบด้วยความโกรธ ก้มลงหยิบตำราที่ติดมือมาด้วยขึ้นไว้ในอ้อมแขน “งั้นฉันกลับละ... คุณมาแล้วนี่”