ตอนที่ 6 เขาจูบเธอ
อวิ๋นเหยาเหยาขับรถออกมาจากคลับ เธอขับไปเรื่อยอย่างไม่รีบร้อน ความจริงเธอเองก็อยากจะเปิดสตูดิโอใหม่คราวนี้เธอจะต้องทำออกมาให้ได้ดีกว่าชามาให้ได้
ต่อให้เธอจะเสียใจที่สูญเสียชามาให้โจวซั่วกับสวีหว่านโหรว แต่เธอเชื่อมั่นว่า การออกแบบของเธอไม่มีใครสามารถลอกเลียนได้
อวิ๋นเหยาเหยาเลี้ยวรถเข้ามายังใต้ตึกของคอนโด เธอนั่งอยู่ในรถเงียบๆครู่หนึ่งจากนั้นก็ขึ้นไปบนห้อง
อวิ๋นเหยาเหยานั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน เธอกำลังเปิดดูไฟล์การออกแบบที่ยังไม่แล้วเสร็จ หากเธอจะทำแบรนด์ของตัวเองแน่นอนว่าจะต้องทิ้งภาพชามาออกให้หมด หลังจากนั้นไม่นานจางรั่วซูก็โทรเข้ามา
"เป็นไงบ้าง" อวิ๋นเหยาเหยาถามเธอ
"ก็ไม่ยังไง" จางรั่วซูกล่าวต่อว่า "แปลกจริงๆ ฉันถามผู้จัดการร้านแล้ว เขาบอกว่าร้านเขาไม่มีผู้ชายคนนั้นนะ ฉันอ่านข้อมูลทั้งหมดแล้วรอบนึง ไม่มีจริงๆ "
"เป็นอย่างงี้ได้ยังไงกัน หรือว่าเขาจะลาออก "
“ฉันเดาว่าผู้ชายคนนั้นอาจจะเป็นขาจร”
"อะไรคือขาจร" อวิ๋นเหยาเหยาไม่เข้าใจ
ก็แบบพวกล่าแต้มไปทั่ว! ที่ไหนมีผู้หญิงรวยๆ ก็จะไปที่นั่น แต่ก็ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน "
อย่างนี้นี่เอง
อวิ๋นเหยาเหยาคิดว่ามีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว
“ไม่เป็นไรนะเหยาเหยาอย่าเพิ่งท้อใจ ไหนๆ เขาก็มาแล้วครั้งนึง มันต้องมีครั้งที่สองแน่ๆ พวกเราทั้งสองต้องหาเจอแน่ๆ ตอนนี้มันเป็นได้แค่นั้นแหละนะ"
อวิ๋นเหยาเหยาตอบรับคำนึงและวางสาย วันนี้ทั้งวันอวิ๋นเหยาๆไม่ได้ออกไปไหน เธอนั่งร่างแบบเสื้อผ้าขึ้นมาใหม่ แต่เธอพยายามเท่าไหร่ การออกแบบและสไตล์ก็ยังไม่ทิ้งของชามา
อวิ๋นเหยาเหยาหัวเสีย เธอลุกขึ้นไปยืนอย๓่ริมหน้าต่างทอดมองออกไปด้านนอกจู่ๆท้องของเธอก็ดังประท้วงขึ้นมา
อวิ๋นเหยาเหยารู้สึกหิวเธอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยการสวมใส่ชุดเดรสสีเทาเหนือเข่าปล่อยผมยาวสลวยตามอำเภอใจ เธอหยิบเสื้อสูทที่แขวนไว้ข้างๆ และกำลังจะเดินออกจากห้องโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
เธอเปิดกระเป๋าและเห็นว่าเป็นจางรั่วซูที่โทรมา
"เหยาเหยาข่าวดี!"เสียงตื่นเต้นของเธอดังมาจากโทรศัพท์
ก่อนที่อวิ๋นเหยาเหยาจะถามเขาก็ได้ยินเธอพูดว่า "เธอรีบๆ! รีบมาที่คลับเลยนะ! ผู้ชายคนนั้นอยู่ที่นี่ "
เมื่อเหยาเหยาได้ยินดังนั้นเธอก็รีบพูดว่า "โอเคๆ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้"
สองวันก่อนที่ไปโรงพยาบาล เธอถือผลตรวจที่เป็นลบ แต่ว่าในใจก็ยังรู้สึกกังวล ไม่รู้สึกสบายใจเลยซักนิด ผู้ชายคนนั้นใช่ว่าจะมาง่ายๆ อวิ๋นเหยาเหยารีบขับรถไปที่นั่นทันที
ภายในคลับชั้นล่างเสียงดังเหมือนเดิม
ทันทีที่อวิ๋นเหยาเหยามาถึงจางรั่วซูก็ชี้ไปที่ห้องส่วนตัวและพูดว่า "เขาอยู่นั่น นั่นคือห้องส่วนตัวสุดหรูซึ่งมีราคา 180,000 หยวนต่อคืน เหมือนว่าคืนนี้เขาจับผู้หญิงรวยๆ อีกแล้ว "
แสนแปด
อวิ๋นเหยาเหยายังคงพูดไม่ออก เพราะคืนนั้นเธอให้เขาไม่น่าจะเกิน 2,000
"ถ้าอย่างนั้นฉันรออยู่นี่ให้เขาออกมา" เหยาเหยาสั่งไวน์ให้ตัวเองหนึ่งแก้วและหาที่สำหรับนั่งกับจางรั่วซูนั่งรอไปดื่มไป
และแล้ว...หลังจากรอตั้งแต่สองถึงสี่ทุ่มก็ไม่มีใครออกมาจากห้องนั้น
จางรั่วซูรู้สึกง่วงแล้วอวิ๋นเหยาเหยาเริ่มนั่งไม่ติด พรุ่งนี้เธอมีนัดกับบริษัทหนึ่งเธอรับออกแบบเครื่องประดับให้กับเขายังต้องกลับไปตรวจสอบก่อนจะส่งงาน
“หรือว่าฉันจะเข้าไปหาเขา พูดแค่ประโยคสองประโยค น่าจะไม่รบกวนเขานะ” อวิ๋นเหยาเหยาคิดสักพักและตัดสินใจ
จางรั่วซูหาวและพยักหน้า “ฉันเห็นด้วยนะ การนั่งรอไม่ใช่ทางเลือก ถ้าผู้หญิงรวยๆ ข้างในลีลาเด็ดเกินไป พวกเราอาจจะรอจนเช้า "
อวิ๋นเหยาเหยาลุกขึ้นก้าวขาไปบนรองเท้าส้นสูงและเดินไปที่ห้องส่วนตัวสุดหรู ประตูถูกปิดอย่างแน่นหนาและไม่ได้ยินเสียงใด ๆ จากภายใน
อวิ๋นเหยาเหยายืนอยู่นอกประตูรวบรวมสติ ต้องใช้ความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนี้อีกครั้ง การปรากฏตัวของอีกฝ่ายคอยย้ำเตือนเธออยู่เสมอ ว่าเธอก็รู้สึกเหงาเหมือนกับผู้หญิงรวยๆ ที่มาเที่ยวที่แบบนี้
เธอหายใจเข้าลึก ๆ ยกมือขึ้นเคาะประตู
เข้ามาเสียงผู้ชายที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นเหยาเหยาผลักประตูออก
เดิมทีคิดว่าเธอจะเห็นฉากอนาจารภายในห้อง แต่เมื่อผลักประตูเข้าไปเธอก็ตะลึง
ผู้หญิงรวยๆ หายไปไหนหมด คนในกลุ่มนี้มีแต่พวกผู้ชาย
เธอมองพวกเขาด้วยความประหลาดใจและพวกเขาก็มองเธอเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าทุกคนกำลังเจรจาเรื่องธุรกิจและบรรยากาศก็จริงจัง แต่เนื่องจากการเข้ามาของเธอทำให้พวกเขาหยุดชะงักอวิ๋นเหยาเหยาลำบากใจเล็กน้อย
“คุณอวิ๋นมาหาใครครับ?” บริกรหน้าทางเข้าถามเธอ
หลังจากนั้นอวิ๋นเหยาเหยาก็กลับมามีสติ สายตามองไปที่ฝูงชนอย่างไม่แน่ใจ สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดที่ผู้ชายตรงกลาง
เขาอาจจะเป็นผู้ชายที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มและเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด ถึงจะอายุน้อยแต่บดบังออร่าความสุขุมไม่มิด เขานั่งอยู่ที่ตำแหน่งตรงกลาง มีความเด็ดเดี่ยว
อวิ๋นเหยาเหยาคิดว่าตลกสิ้นดี คาดไม่ถึงคิดว่าผู้ชายที่ทำอาชีพขายตัวจะมาตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ อะไรแบบนี้ได้
"ฉันมาหาคุณคนนี้" อวิ๋นเหยาเหยามองไปที่เขาและพูด
สีหน้าของผู้ชายคนนั้นไม่มีความรู้สึก เขาเพียงแค่เหลือบมองเธอ และกระซิบสองสามคำกับชายที่อยู่ข้างๆ เขา ชายคนนั้นลุกขึ้นและเดินไปทางอวิ๋นเหยาเหยา “คุณตี้ยังไม่ว่าง กรุณาออกไปก่อน”
ท่าทีเฉยชาทำให้อวิ๋นเหยาเหยารู้สึกประหม่า ช่างแตกต่างกันเหลือเกินกับความรู้สึกอ่อนโยนที่ผู้ชายคนนั้นมอบให้เธอในเช้าวันนั้น
เธอคิดว่าผ่านคืนนั้นกันมาแล้ว อย่างน้อยเขาน่าจะจำได้บ้าง เหมือนกับว่าเธอเป็นคนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิงสำหรับเขา
หรือว่าอยู่ต่อหน้าแขกเสแสร้งทำเป็นไม่รู้จัก นี่คงจะเป็นกลอุบายของพวกทำงานในวงการนี้ล่ะมั้ง
อวิ๋นเหยาเหยามองไปที่ชายตรงข้าม “ฉันมีเรื่องสำคัญมากที่จะคุยกับคุณจริงๆ รบกวนเวลาของคุณไม่นาน”
เธอย้ำว่า: "เกี่ยวกับเรื่องสัปดาห์ที่แล้ว"
อวี้เฟยหันหน้ามาและมองอย่างสงสัย ดูเหมือนทุกคนกำลังรอให้ชายคนนั้นพูดเหยาเหยาก็ด้วยเช่นกัน
ชายคนนั้นดับบุหรี่ แล้วยืนขึ้น อวี้เฟยรีบเดินเข้าไปข้างในและบอกคนอื่นๆ "โปรดรอคุณตี้สักครู่"
อวิ๋นเหยาเหยามองชายคนนั้นก้าวไปข้างหน้าเขา ภายใต้แสงสีเหลืองจาง ๆ ทำให้ร่างเขาดูสูงสง่าขึ้น ออร่าที่เปล่งออกมาจากเขาทำให้คนลุ่มหลงได้ง่ายๆ
ในที่สุดเขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมากและเน็คไทผ้าไหมที่อยู่ใกล้คอของเขาก็อยู่ตรงหน้าเธอ
เหนือเน็คไทลูกกระเดือกของเขาที่ดูยั่วยวน
เธอมองอยู่ครู่หนึ่งเธอลืมที่จะถอยหลังยืนอยู่ข้างๆ เขาที่ประตูห้องส่วนตัว
"ไม่เจอกันนาน" เป็นเขาตี้จิ่งเหยียนที่พูดก่อน มือข้างหนึ่งซุกในกระเป๋า เขามองเธอหัวจรดเท้า
อวิ๋นเหยาเหยาดึงสติกลับมา จมูกเธอได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเรือนร่างของชายคนนั้น เธอรู้สึกเพียงว่าผู้ชายคนนี้ลึกลับ
เธอพูดเล่นๆ "คิดว่าจะลืมฉันซะแล้ว"
"ประทับใจจนลืมไม่ลงเลยล่ะ"เขาเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
อวิ๋นเหยาเหยารู้สึกอายเมื่อนึกถึง 'ความป่าเถื่อน' ของตัวเองในวันนั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้รอยฟันของเธอหายไปหรือยัง
เธอถามอีกครั้ง "คุณตี้ ฉันถามอะไรหน่อยได้ไหม"
"ว่ามา"
คุณทำงานอะไร? อวิ๋นเหยาเหยารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวในวันนี้ไม่เหมือนคนธรรมดา และทุกคนมองเขาด้วยความเคารพดูเหมือนว่าเขาจะมีตำแหน่งที่ใหญ่โต
"ที่บอกว่าเรื่องสำคัญ ก็คือเรื่องนี้หรอ"เขายกข้อมือขึ้นเหลือบมองเวลาและมองไปที่เธออีกครั้ง "ฉันทำงานอะไร เธอตัดสินไปแล้วไม่ใช่หรอ"
เขาเลี่ยงไม่ตอบคำถามของเธอ ผู้ชายคนนี้ตั้งรับได้เก่ง
อวิ๋นเหยาเหยาแอบรู้สึกว่าเธอเสียมารยาท เป็นคนแปลกหน้าไม่ควรถามเรื่องส่วนตัว เธอได้แต่ส่ายหัวมองเข้าไปในดวงตาของเขาและเปลี่ยนเรื่อง "แล้วชีวิตส่วนตัวของคุณวุ่นวายหรือเปล่า?"
เห็นได้ชัดว่าตี้จิ่งเหยียนคาดไม่ถึงว่าจู่ๆ เธอถามเรื่องส่วนตัวเช่นนี้และสีหน้าของเธอก็ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย "ถามทำไม"
"หลังจากวันนั้นฉันก็ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด"เธอพูดห้วนๆ
อย่างละเอียดเขาเริ่มเข้าใจและพยักหน้าว่า "ละเอียดแค่ไหนล่ะ"
"ละเอียดที่สุด ผลออกมาเป็นลบ แต่หมอบอกว่า – "เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ อวิ๋นเหยาเหยาก็หยุดชั่วคราวราวกับว่าเธอกลัวที่จะทำลายศักดิ์ศรีของชายคนนั้นและอธิบายว่า
" ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกคุณ แต่หมอบอกว่า โรคมีระยะฟักตัวและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการถามสถานะของคู่นอนตัวเอง "
ดังนั้น…..
เธอสงสัยว่าเขาจะมีกามโรค
ตี้จิ่งเหยียนหรี่ตาลง "คุณมาที่นี่วันนี้เพียงเพื่อถามฉันว่ามีโรคไหม"
อวิ๋นเหยาเหยาพยักหน้าอย่างซื่อสัตย์
จู่ๆ ชายคนนั้นก็ขยับเข้ามาใกล้เธอ เธอผงะโดยสัญชาตญาณอยากจะถอยกลับ แต่ว่าขากลับไม่ขยับ เอวของเธอถูกชายผู้นั้นโอบไว้ในมือแล้ว
อวิ๋นเหยาเหยาเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จิตใจของเธอก็ตะเหลิดไปอยากถอยห่าง
จากนั้นริมฝีปากของเธอก็ถูกชายคนนั้นจูบ เธอหายใจถี่ขนตาที่เรียงยาวของเธอสั่นลิ้นของเขาดันเปิดริมฝีปากของเธอ
สมองสั่งการเธอให้ผลักผู้ชายคนนั้นออกไป แต่ลมหายใจอีกฝ่ายก็เหมือนดอกป๊อปปี้ทำให้เธอค่อยๆ หมดเรี่ยวแรงและจมดิ่งลงไปเรื่อย ๆ
ความรู้สึกนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับความรู้สึกในตอนที่โจวซั่วเข้ามาใกล้เธอ ความจริงเธอเองก็ไม่เข้าใจการใกล้ชิดกับโจวซั่วทำให้เธอต่อต้าน แต่ตอนนี้ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะมีแรงดึงดูดมหาศาลต่อเธอ
อันตรายเกินไปแล้ว
มันไม่ควรอย่างยิ่ง
อวิ๋นเหยาเหยาดึงสติกลับมา ผลักเขาออกเธอสูดหายใจและถามเขาว่า "คุณทำอะไรน่ะ"
ดวงตาของเธอพร่ามัว เธอดูมีเสน่ห์แบบสวยหยาดเยิ้ม ถามด้วยความตำหนิห้าพยางค์ชัดๆ แต่กลับไม่มีความมั่นใจ เหมือนกับเป็นการยั่วยวน
ชายคนนั้นปล่อยเธอไป เมื่อเทียบกับเธอแล้วดูสุขุมใจเย็น "ทำแบบนี้แล้วติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ใครเป็นคนสอนเธอล่ะ"
...