ตอนที่ 5 เหยาเหยาเธอติดใจใช่ไหม?
อวิ๋นเหยาเหยาหัวเราะในลำคอ "หึหึ คุณคบกับฉันมาสามปีคุณไม่เคยรู้สึกว่าฉันไร้สาระมาก่อน"
"ผมขอโทษ เรื่องที่เราเลิกกันเป็นความผิดของผม ผิดที่ผมไม่สามารถจัดการทุกอย่างให้ดีได้ ผมขอโทษ! " โจวซั่วยอมแพ้แล้ว เขารู้ดีว่าอวิ๋นเหยาเหยาเป็นดีไซน์เนอร์ที่มีความสามารถมาก หลายปีมานี้ เสื้อผ้าที่เธอออกแบบล้วนได้รับความนิยม ถ้าเธอลาออกเพราะเรื่องนี้ จะทำให้บริษัทเสียหายเป็นอย่างมาก
อวิ๋นเหยาเหยาไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา มือของเธอกดแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว ไม่นานเธอก็ปริ้นใบลาออกออกมา
เธอยื่นใบลาออกให้เขาแล้วพูดขึ้น "นี่คือจดหมายลาออกของฉันค่ะ หลังจากนี้เราก็ต่างคนต่างอยู่ ขอให้คุณโชคดีนะคะ" พูดจบเธอก็หยิบโน้ตบุ๊คและสิ่งของที่สำคัญบนโต๊ะของเธอลงกระเป๋าแล้วเดินออกไป
โจวซั่วคว้ามือของเธอเอาไว้ "เหยาเหยาถือว่าผมขอร้องได้ไหม อย่าทำแบบนี้เลยดีไหมครับ?"
อวิ๋นเหยาเหยาสะบัดมือของเขาทิ้ง เธอส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น "ฉันคิดว่าตลอดเวลาสามปีมานี้คุณไม่เคยรักฉันเลย จนถึงตอนนี้ คุณก็ยังไม่เข้าใจฉันเลยสักนิด" ต่อให้จะเป็นอารมณ์ชั่ววูบหรือว่าอะไร สิ่งที่คนอย่างอวิ๋นเหยาเหยาตัดสินใจไปแล้วก็จะไม่มีวันล้มเลิกความคิดนั้นเด็ดขาด
โจวซั่วขบเม้มริมฝีปากจ้องมองเธอนิ่งๆ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
เสี่ยวเถาเมื่อเห็นอวิ๋นเหยาเหยาเดินออกมาเธอจึงเดินเข้าไป "พี่เหยาเหยาพี่จะไปจริงๆ หรอคะ?" ขณะที่พูดอยู่นั้น น้ำตาของเธอก็คลอเบ้า เธอรักและเคารพอวิ๋นเหยาเหยามาก เพราะทำงานด้วยกันมานานแล้ว
ทุกคนในออฟฟิสทยอยลุกขึ้นยืน แล้วมองมาที่เธอไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น คงจะเป็นเพราะทุกอย่างกระทันหันเกินไป จนทำให้ทุกคนไม่รู้จะพูดอะไรดี อวิ๋นเหยาเหยาส่งยิ้มให้ทุกคน เธอเองก็ไม่ได้พูดอะไร
เธอหิ้วกระเป๋าเดินไปที่ลิฟท์
สวีหว่านโหรวรีบวิ่งออกมาจากออฟฟิศ "ผู้จัดการอวิ๋นคะ" อวิ๋นเหยาเหยาหันไปมอง มองเธอด้วยสายตาเย็นชา แล้วถามขึ้น "คุณสวียังมีธุระอะไรกับดิฉันคะ?"
"ผู้จัดการอวิ๋นคะ ถ้าเป็นเพราะฉันคุณอย่าลาออกเลยค่ะ ฉันจะเป็นคนไปเอง" สวีหว่านโหรวมองไปที่เธอสีหน้า ของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
อวิ๋นเหยาเหยาหัวเราะในลำคอ ตอนนี้อารมณ์ของเธอเย็นลงมากแล้ว เธอมองไปที่สวีหว่านโหรวอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดเสียงต่ำ "คุณสวีคิดว่าตัวเองเป็นใครคะ?"
"คะ" คิดไม่ถึงว่าเธอจะถามแบบนี้ สวีหว่านโหรวอึ้งไปครู่หนึ่งไม่รู้จะตอบอย่างไร
"ฉันอวิ๋นเหยาเหยาไม่เคยทำร้ายตัวเองเพราะใคร ดังนั้นคุณสวีไม่จำเป็นต้องคิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง เพราะคุณไม่ได้สำคัญกับฉันขนาดนั้น" อวิ๋นเหยาเหยาเชยคางตัวเองขึ้น ท่าทางของเธอในตอนนี้ดูหยิ่งและร้ายกาจมาก
โจวซั่วเดินออกมาจากห้องทำงานของเธอ เขายืนมองเธอตรงประตู ไม่ได้เดินเข้ามาหา
อวิ๋นเหยาเหยาปรายตามองเขาจากนั้นก็กระตุกยิ้ม แล้วเดินเข้าไปในลิฟท์
ตอนที่เดินไปถึงที่รถ อวิ๋นเหยาเหยายังคงรู้สึกว่างเปล่าเธอนั่งอยู่ในรถเป็นเวลานานครู่หนึ่งแต่ก็ยังไม่ขับออกไป จนได้รับข้อความจากโทรศัพท์เครื่องเล็กจึงได้สติกลับมา
อวิ๋นเหยาเหยาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดข้อความอ่าน ฉับพลันน้ำตาของเธอก็ไหลลงมา
"เหยาเหยาหากเธอไม่สะดวกใจจะโทรหาคุณพ่อคุณแม่เธอควรโทรหาพี่หรือคุณปู่หน่อยก็ได้นะ ทุกคนเป็นห่วงเธอมากนะ"
อวิ๋นเหยาเหยามองดูตึกตรงหน้าเธอทำงานที่นี่มานานสามปีกว่าแล้ว คิดไม่ถึงจริงๆว่าวันนี้จะต้องบอกลากับที่นี่
เธอไม่สามารถอธิบายได้ว่าตอนนี้รู้สึกยังไง ไม่ได้ รู้สึกเศร้าหรือเสียใจ แค่รู้สึกโหวงๆในใจก็เท่านั้นเหมือนบางอย่างขาดหายไป
เธอมองดูตึกตรงหน้านานพักหนึ่งอวิ๋นเหยาเหยาจึงเช็ดน้ำตาค่อยๆขับรถออกไป
ครืด ครืด เสียงข้อความบนโทรศัพท์เครื่องเล็กนั้นดังไม่หยุด อวิ๋นเหยาเหยาจึงจอดรถลงข้างทาง เธอกำโทรศัพท์แน่นก่อนจะกดเบอร์โทรที่คุ้นเคยออกไป
ตื๊ด..ตื๊ด..ตื๊ด "ฮัลโหล.." เสียงรอสายดังขึ้นเพียงสามครั้งเท่านั้น ปลายสายก็กดรับอวิ๋นเหยาเหยาก็ได้ยินเสียงชายชราดังขึ้นมา
อวิ๋นเหยาเหยากลั้นร้องไห้ไม่ให้คุณปู่อวิ๋นได้ยิน เธอปรับสภาพของจิตใจให้สงบก่อนจะตอบออกไปว่า
"คุณปู่..." น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาสั่นเครือ
ปลายสายชะงักไปครู่หนึ่ง "เหยาเหยา นั่นเหยาเหยาใช่ไหม? เสี่ยวเหยาน้อยของปู่รู้จักโทรหาปู่แล้ว..." เสียงของชายชราฟังดูอบอุ่นและสั่นเครือ
อวิ๋นเหยาเหยาทนไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา "คุณปู่คะ เหยาเหยาคิดถึงบ้านค่ะ เหยาเหยาคิดถึงคุณปู่"
อวิ๋นเหยาเหยาร้องไห้สะอื้น เสียงร้องไห้ของเธอนั้นมันมาจากความอดกลั้น น้อยเนื้อต่ำใจ ความโดดเดี่ยว ความคิดถึงที่กักเก็บมานานได้พรั่งพรูออกมา
ชายชรารู้สึกบีบหัวใจแน่น "เสี่ยวเหยาของปู่ กลับบ้านเรานะ ดีมั้ย? หรือจะให้ปู่ไปรับดีเสี่ยวเหยาอยู่ที่ไหนตอนนี้บอกปู่ซิ " ชายชราพยายามเกลี้ยกล่อมเธอ
อวิ๋นเหยาเหยาส่ายหน้า เธอเช็ดน้ำตาสูดหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง "คุณปู่สุขภาพเป็นยังไงบ้างคะ คุณปู่รอเหยาเหยาหน่อยนะคะ เคลียร์งานตรงนี้เสร็จเหยาเหยาจะกลับไปหาคุณปู่ค่ะ"
ชายชรายิ้ม น้ำเสียงผ่อนคลาย "ดีดี ปู่ดีมากเลย ปู่จะรอเสี่ยวเหยานะ กี่เดือนสองเดือนพอไหม?"
อวิ๋นเหยาเหยาพยักหน้า "ค่ะคุณปู่สองเดือนค่ะ หนูสัญญา"
"ได้ ได้ หากสองเดือนปู่ไม่เห็นเหยาเหยาปู่จะออกไปตามหาเธอ.."
อวิ๋นเหยาเหยาร้องไห้อีกครั้ง เธอปลอบประโลมชายชราอีกสองสามประโยคเธอก็วางสายแล้วขับรถกลับคอนโดของเธอ"
อวิ๋นเหยาเหยาขับรถกลับคอนโด เธอยกของขึ้นไปเก็บจากนั้นก็มองดูเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของที่อยู่ในห้องพลันคิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากัน
ครืด ครืด อวิ๋นเหยาเหยาเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เป็นผู้ช่วยของเธอเสี่ยวเถาที่โทรเข้ามา
"ฮัลโหล" อวิ๋นเหยาเหยารับสาย
"พี่เหยาเหยาคะ คืนวันเสาร์นี้พวกเราแผนกออกแบบของสตูดิโออยากจะเลี้ยงอำลาพี่ค่ะ พี่สะดวกหรือเปล่าคะ?"
อวิ๋นเหยาเหยาขมวดคิ้ว "ได้ เจอกันวันเสาร์นี้ตอนหนึ่งทุ่มที่สวนอาหารหวางถิงแล้วกันเดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง"
อวิ๋นเหยาเหยาวางโทรศัพท์แล้วเดินไปเปิดทีวี จากนั้นเธอก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำส้มออกมาเธอเดินมาหยุดอยู่หน้าจอทีวีเมื่อได้ยินข่าวว่า ปีนี้ เยาวชนติดเชื้อ HIV และเชื้อโรคที่ติดต่อกันทางการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่สะอาด
หลินเหยาเหยายืนจ้องทีวีอยู่ครู่หนึ่งเมื่อนึกถึงเรื่องนี้คิ้วที่สวยงามของเธอก็ขมวดเล็กน้อย เมื่อคืนพวกเขาทั้งสองป้องกันไหมนะ
เธอคิดอยู่นาน แต่ดูเหมือนเธอจะไม่เห็นมันในห้องสีหน้าของเธอดูแย่
เมื่อคืนฉันไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นสะอาดหรือเปล่ารูปร่างหน้าตาสะอาดสะอ้านดูดี แต่ถ้ามีโรคล่ะ
ตอนนี้อวิ๋นเหยาเหยาเริ่มใจเสียหลังจากอาบน้ำ ก็ขับรถไปโรงพยาบาลคนเดียวโดยไม่เหน็ดเหนื่อย
เธอจอดรถซื้อยาคุมที่ร้านขายยาเล็ก ๆ ข้างโรงพยาบาลกินก่อน แล้วค่อยไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายให้ละเอียด
หมอแผนกโรคผิวหนังคงผ่านอะไรมามากแล้วเลยไม่แปลกใจเท่าไหร่แค่พูดว่า “เป็นผู้หญิงต้องรักตัวเองนะ พวกที่มาตรวจที่นี่บ่อยๆ เกิดจากการไปมีเซ็กส์แบบไม่สะอาด"
ทันทีที่หมอพูดแบบนี้ทุกคนที่อยู่ข้างๆ ก็มองไปที่อวิ๋นเหยาเหยา
ขณะนี้เธอหน้าแดงร้อนผ่าวราวกับถูกโยนลงบนกองไฟ
หมอขยับแว่นแล้วบอกว่า "ถึงแม้ผลการตรวจเป็นลบคุณก็วางใจไม่ได้นะ โรคพวกนี้มีระยะฟักตัว ทางที่ดีไปถามอีกฝ่ายดีกว่านะ ของแบบนี้มันรู้อยู่แก่ใจ"
ถามอีกฝ่ายให้ชัดเจนงั้นหรอ? ให้ตายสิเธอไม่อยากเจอหน้าผู้ชายคนเมื่อคืนนี้อีกเลยไม่ใช่ว่าไม่ชอบหรอกนะ แต่เพราะรู้สึกว่าผู้ชายคนนั้นหล่อจริงๆ เพราะแบบนี้เธอจึงรู้สึกละอายที่จะเจอหน้าเขาอีกครั้ง
แต่ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วในตอนนี้
เหยาเหยาบังเอิญไปเอารถพอดีจึงออกมาจากโรงพยาบาลเธอก็ตรงไปคลับในทันทีรอจนดึกดื่นแล้วยังไม่เห็นผู้ชายคนนั้น
ตอนสี่ทุ่มเธอรู้สึกเหลืออดจึงเดินไปถามบริกร: “เมื่อคืนผู้ชายที่นั่งตรงนี้ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวสูงประมาณ185กว่าๆ ได้ยินว่าเป็นเดือนของที่นี่คืนนี้เขาไม่มาหรอ "
“เดือน? อยู่ครับ "
"หรอ? เรียกเค้ามาได้ไหม ขอเวลาแค่แปปเดียว " อวิ๋นเหยาเหยาให้ทิปกับบริกร
ไม่นานเขาก็พาเด็กหนุ่มคนนึงมา
อวิ๋นเหยาเหยามองแว๊บหนึ่งนี่มันใช่ผู้ชายคนเมื่อคืนที่ไหนกันล่ะ เมื่อเทียบกับชายคนนั้น เด็กหนุ่มคนนี้เทียบชั้นไม่ได้เลยซักนิด ไม่ว่าจะเป็นิสัยใจคอ สไตล์การพูด คนละระดับกันเลย
อวิ๋นเหยาเหยาพูดสองสามประโยคแล้วไล่ให้กลับไป เธอนั่งจนดึกดื่นแต่ก็ยังไม่เห็นชายคนนั้น
เธอโทรหาจางรั่วซู
"เหยาเหยา เธอติดใจใช่ไหม”
“ติดใจบ้าอะไร!” อวิ๋นเหยาเหยาอดกลั้น สรุปแล้วไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง เพราะรั่วซูเป็นคนคิดมากเธอบอกแค่ให้ช่วยตามหาคนจากนั้นก็วางสายไป
...