บทที่ 9 รักต้องเชื่อใจ [1/2]
บทที่ 9
รักต้องเชื่อใจ
คนที่พัทธนันท์สามารถระบายความอึดอัดได้ทั้งหมดมีแค่ปัทมา ทั้งสองนัดคุยกันตรงสวนด้านข้างอาคาร ผู้คนไม่พลุกพล่าน
“ฉันพร้อมรับฟังแกทุกเรื่องนะ” ปัทมายื่นมือไปจับมือเพื่อน สีหน้าพัทธนันท์บ่งบอกว่ากกำลังทุกข์ใจ ตั้งแต่น้ำเสียงที่เพื่อนโทรมาหาเมื่อสามวันก่อนบอกว่ามีเรื่องจะคุย ประจวบเหมาะกับที่เธอว่างพอดี เราจึงได้นัดคุยที่นี่
“แป้งเป็นคนเดียวที่เค้าไว้ใจ”
“อื้อ งั้นมีอะไรก็ระบายให้ฉันฟัง” เธอบีบมือส่งกำลังใจ ลางสังหรณ์บอกว่าเป็นเรื่องความรักของเพื่อน
“เค้าจับได้ว่าพี่กันต์โกหก” พัทธนันท์ใจสั่นมือเย็นเฉียบ “มันอาจจะดูงี่เง่าเพราะเรื่องที่รู้เป็นอดีตไปแล้ว”
“เรื่องอะไร” ปัทมาลุ้นใจเต้นแรง
“มีอยู่วันหนึ่งมีผู้หญิงเข้าเอารถมาซ่อมที่อู่” ภาพเหตุการณ์วันนั้นอยู่ในสายตาเธอ แต่ณ ตอนนั้นเธอไม่คิดอะไร แต่หลังจากได้รู้ความจริง ทุกอย่างมันปะติดปะต่อได้หมด ว่าทำไมดลภาถึงมีท่าทางดีใจที่ได้เจอสามีเธอ
“พี่กันต์เดินไปรับลูกค้าเหมือนปกติ แต่ผู้หญิงคนนั้นเขายิ้มเหมือนดีใจที่ได้เจอพี่กันต์”
“แล้วพี่กันต์เขาทำหน้ายังไง”
“ไม่เห็นเพราะเขาหันหลัง แต่ก็เช็กรถให้ปกติโดยมีผู้หญิงก็คอยยืนถาม
พูดคุยกันอยู่ตลอด จนพี่กันต์กลับเข้ามาในออฟฟิศ เค้าเห็นว่าข้างนอกมันร้อนเลยออกไปชวนเขาเข้ามานั่งด้วยกันระหว่างรอทำรถ”
“แล้วแกได้ถามพี่กันต์หรือเปล่า ว่าเขาคือใคร”
พัทธนันท์พยักหน้ามองมือที่กุมไว้กับเพื่อน “พี่กันต์บบอกว่าเขาชื่อเดียร์ เป็นคนรู้จักห่างๆ ”
ปัทมาพยักหน้ารอฟังเพื่อนเล่าต่อ
“แล้วเมื่อสองเดือนที่แล้วอะ เค้าเจอพี่เดียร์ ก็ถามตรงๆเพราะสงสัยว่ารู้จักกับพี่กันต์ได้ยังไง รู้จักกันนานยัง”
“…”
“พี่เดียร์บอกว่า เคยเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมัธยม
“แล้วบอกว่าเป็นคนรู้จักได้ยังไง” ปัทมาขมวดคิ้ว
“นั่นแหละที่เค้าก็สงสัย” มาถึงตรงนี้พัทธนันท์ก็ยังใจสั่น “แต่เขาบอกว่าไปอยู่ต่างประเทศมาเลยไม่ได้สนิทกันเหมือนแต่ก่อน เลยเป็นแค่คนรู้จัก”
ปัทมาไม่เข้าใจ “มีแบบนี้ด้วย แต่ก็มาซ่อมรถอยู่ที่อู่ประจำ”
พัทธนันท์เม้มปากแน่น ทุกครั้งที่นึกถึงวิดีโอนั้นมันอึดอัดจนเหมือนทุกอย่างจะระเบิดออกมา เธอค่อยๆ ดึงมือออกมาหยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้คนตรงหน้า
ปัทมาถึงแอบคิดไว้บ้างว่ามันอาจจะเป็นแบบนี้ แต่เมื่อได้เห็นภาพก็ตกใจอยู่ไม่น้อย หลักฐานมันชัดเจนว่าไม่ใช่แค่คนรู้จัก
“แป้ง เค้าต้องทำยังไง” สุดท้ายพัทธนันท์ก็กลั้นมันไว้ไม่อยู่ น้ำตาไหลลอาบแก้มเฝ้าตั้งถามกับตัวเอง
“มันสับสนไปหมด พยายามบอกตัวเองทุกวันว่ามันเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว อย่าเก็บมาคิด แต่มันทำไม่ได้เลย”
ปัทมารีบย้ายมานั่งใกล้เพื่อน ดึงคนที่ร้องไห้เข้ามากอด “ใจเย็นๆ นะพร้อม”
“ในหัวมันหยุดคิดไม่ได้ว่าทำไมทั้งคู่ต้องโกหก มันมีแต่เรื่องไม่ดีเข้ามาในหัว”
เธอไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย เพียงปล่อยน้ำตาไหล อยู่กับปัทมาเธอสบายใจ เพื่อนคนนี้ไม่เคยทิ้งเธอไปไหน
“แกรู้ไหม เค้าไม่เคยสักครั้งที่จะไม่เข้าใจพี่กันต์” พัทธนันท์ผละออก ยกมือปาดน้ำตาบนแก้ม
“ขอแค่บอกแค่อธิบายให้ฟัง เค้าพร้อมเข้าใจทุกอย่างแทบจะไม่มีคำถาม”
ปัทมาปล่อยให้เพื่อนระบาย
“แต่พอมาครั้งนี้ พอมารู้ว่าเขาโกหกทุกอย่างมันพัง ตอนเห็นรูปหรือวิดีโอพวกนั้น มันเบลอไปหมด อึดอัดจนอยากจะกรี๊ดออกมา” พัทธนันท์ทอดสายตามองอย่างไร้จุดหมาย
“ทั้งสองโกหกเพื่ออะไรกัน เขาคิดจะโกหกกันไปถึงเมื่อไหร่ มันตลกที่เค้าเหมือนคนโง่”
ปัทมาแสลงใจนึกถึงเหตุการณ์ที่ยังเป็นความลับ วันนี้มันคงถึงเวลาที่เธอต้องบอก ไม่งั้นพัทธนันท์จะดูเป็นคนโง่ในสายตาคนพวกนั้น
“พร้อม” ปัทมารวบมือเพื่อน พูดเรียกสายตาให้พัทธนันท์มามองที่เธอ “ฉันก็มีอะไรจะบอก”
พัทธนันท์นั่งนิ่งรอฟัง
“วันที่แกต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วให้ฉันโทรหาพี่กันต์” ปัทมาบีบมือเพื่อน
“นานกว่าจะโทรติดแต่สุดท้ายก็สามารถติดต่อได้”
คนฟังไม่เข้าใจ เดาไม่ถูกว่าจะมีเรื่องอะไร หรือกันตรวีต่อว่าเพื่อนเธอ ปัทมาถึงดูไม่ค่อยอยากคุยกับเขา
“สายแรกที่มีคนรับ” ปัทมาเองก็ใจสั่น รู้ว่าหลังจากพูดมันออกไปความรู้สึกของพัทธนันท์คงไม่เหมือนเดิม “เป็นผู้หญิงนะ”
“จริงเหรอ”
พัทธนันท์หูตื้อ จนตอนนี้ถึงได้รู้ว่าจิตใจคนเรามันน่ากลัว มันจินตนาการไปถึงเรื่องผิดบาป ผิดศีลธรรมได้ เธอไม่อยากมองทุกอย่างในแง่ร้ายแบบนั้น แต่มันห้ามไม่ได้ ปัทมาเองก็พยายามพูดไม่ให้เพื่อนคิดมาก แต่เธอเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง
“แกต้องคุย ต้องถาม” เธอเชื่อว่าการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ “มันไม่ใช่เรื่องที่แกต้องมานั่งคิดมากคนเดียว ไม่งั้นแกก็ติดกับดักความคิดตัวเองอยู่แบบนี้”
“ไม่กล้าอะแป้ง”
“แกกลัวอะไร” ปัทมาเดาความคิดเพื่อนออก “กลัวว่าพี่กันต์ยังรู้สึกกับผู้หญิงคนนั้นอยู่เหรอ กลัวว่าเขาจะเป็นชู้กันหรือยังไง”
“…”
“สุดท้ายมันจะเป็นยังไง ความจริงก็คือความจริง ถ้าเขาโกหกแกอีกครั้ง” พัทธนันท์สีหน้าไม่ดี “ก็ใช่ว่าจะโกหกไปได้ตลอด ยังไงมันก็จนมุม”
พัทธนันท์คิดตามทุกอย่าง ใช่…เธอต้องถามไม่งั้นเธอก็จะฟุ้งซ่านคิดอยู่กับตัวเองไม่จบไม่สิ้น ถ้าความจริงคือกันตรวีกับดลภาหักหลังเธอ ทุกอย่างมันก็จบ แต่ถ้าไม่ใช่เธอก็ได้รู้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะโกหก
“การโกหกแปลว่าเขาไม่ซื่อสัตย์กับเรา อันนั้นพี่กันต์ผิดแน่นอน” ปัทมาจ้องตาเพื่อน “ทุกปัญหามีทางออกเสมอนะพร้อม อย่าหนีปัญหา แกลองคิดว่าถ้าเขาเป็นชู้กันจริงๆ แกมานี่ก็คือการเปิดโอกาสให้เขา”
“แกทำฉันคิดมากอีกแล้ว”
“ฉันไม่ได้ทำ แต่เป็นเพราะแกเองที่คิดไปเอง ถ้าแกมั่นใจในตัวพี่กันต์แกจะไม่มีความคิดแบบนี้เลย แกจะไม่คิดมากไม่ว่าใครจะพูดอะไร”
“แล้วเรื่องที่แกบอกว่าผู้หญิงรับโทรศัพท์อะ แกไม่พอใจเขาเรื่องนี้เหรอถึงดูไม่ค่อยอยากจะคุยกับพี่กันต์” พัทธนันท์ย้อนถาม จำได้หมดว่าตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลจนกลับบ้าน ปัทมาแทบไม่คุยกันกันตรวีเหมือนก่อน
“อันนั้นมันก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่ฉันโกรธเขาคือ เขาเลือกที่จะไปหาเพื่อนทั้งๆ ที่แกนอนป่วยอยู่บ้าน คิดเรามันต้องคิดได้ว่าอะไร อันไหน สำคัญกว่ากัน จริงไหม” ปัทมาอธิบายต่อ
“แล้วจะมาอ้างว่ามีฉันอยู่เป็นเพื่อนไม่ได้นะ ถ้าเขาเห็นว่าแกสำคัญยังไงเขาก็ต้องรีบมา”
เรื่องที่กันตรวีไม่เห็นเธอเป็นความสำคัญอันดับต้นๆ คือเรื่องจริง ในช่วงเวลาที่คบกันมา งานคืออันดับหนึ่งสำหรับเขา ส่วนเธอไม่รู้จะอยู่อันดับที่เท่าไหร่
“ได้ เค้าจะคุย” พัทธนันท์รับปากเพื่อน
“ดีแล้วแก อยู่นี่ก็ทำใจให้สบายก่อน อย่าพึ่งไปคิดมาก”
พัทธนันท์ปวดหัวขึ้นนอนพัก ส่วนปัทมาแยกตัวออกมาเลี้ยวเข้าห้องครัวหาน้ำดื่มดับกระหาย บ้านพัทธนันท์ทำธุรกิจโรงแรม สมัยเรียนมัธยมเธอเคยมาทำหาเงินค่าขนมอยู่เป็นประจำ แถมไพลินยังเป็นคนให้ทุนการศึกษาเธอได้เรียนมหาลัยเดียวกับลูกสาวตนอีกด้วย แต่เรื่องนี้พัทธนันท์ไม่รู้ ทำให้เธอเข้าออกบ้านหลังนี้ได้เหมือนบ้านตัวเอง
“อุ้ย”
ปัทมาสะดุ้งเมื่อโดนสวมกอดข้างด้านหลัง ในบ้านนี้มีคนเดียวที่กล้าทำกับเธอแบบนี้ แต่แปลกใจทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่
“คุณพีช”
พศกรหมุนอีกฝ่ายให้หันหน้ามาก่อนจะส่งยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง
“ยิ้มอะไรไม่ทราบ” ปัทมาหน้าตึงแกะมือที่เกาะอยู่ตรงเอวออก “แป้งบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ารุ่มร่าม”
“ทำไมต้องกลัวคนอื่นมาเห็นด้วย” พศกรยอมถอยแต่โดยดี เขาทิ้งสะโพกบนเคาน์เตอร์มองอีกฝ่าย “เอากันมากี่ครั้งแล้ว ถ้ามีใครจะรู้จะเห็นมันมีอะไรต้องกลัว”
ปัทมาแทบจะร้องกรี๊ดกับคำพูดหน้าไม่อายของเขา มองซ้ายมองขวากลัวจะมีคนอื่นมาได้ยิน ก่อนจะยื่นมือไปตีปากพศกรเบาๆ หนึ่งที
“ไม่อายคนก็อายผีสางเทวดาบ้างเถอะค่ะ”
“เขาไม่ได้ช่วยเราทำมาหากินจะต้องแคร์ด้วยเหรอ” เขาบ่นพึมพำแต่ต้องรีบฉีกยิ้ม เมื่ออีกฝ่ายตวัดสายตาหันมามอง “แล้วบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้พี่พีช คุณเคินอะไรห่างเหินชะมัด”
ปัทมาไหวไหล่ไม่สนใจคำพูดเขา หันหลังหยิบแก้วน้ำไปล้าง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจพศกรก็เปลี่ยนเรื่องคุย
“แล้วพร้อมไปไหน เห็นม้าบอกว่ากลับมา พี่ยังไม่เห็นเลย”
“ขึ้นไปนอนเห็นบ่นปวดหัว” ปัทมาคว่ำแก้ว แล้วหันคุยกับเขา
“นี่พึ่งจะบ่ายนะ” พศกรฉงน “เห็นพึ่งอบเค้กกัน นึกว่าจะรีบเอาไปให้พี่ชายซะอีก”
“แล้วคนเป็นพี่ชายทำไมไม่เดินมาหาน้องสาวล่ะคะ” ปัทมาเหน็บแนมนึกมันไส้คนตรงหน้าตลอดเวลา “พร้อมเครียดๆ ปวดหัวเลยขึ้นไปนอน”
“รอบนี้แปลกกันต์ไม่มาด้วย ไม่รู้ทะเลาะกันหรือเปล่า”