บทที่ 8 ความจริงที่ปกปิด [1/2]
บทที่ 8
ความจริงที่ปกปิด
หนูน้อยโมบายเร่งเร้าเรียกคนเป็นพ่อกับอาให้ลงมาเล่นน้ำด้วยกัน พอลงมาก็โดนสองสาวต่างวัยกระโดดขี่คอเป็นลูกลิง ย้ายมาลงเล่นในสระผู้ใหญ่ มนสิชาก็มากับเขาด้วย ส่วนทารกมาตินอยู่กับปู่ย่า
“เล่นเป็นเด็กไปได้” กันตรวีว่าคนที่อยู่ที่เกาะหลังเขาอยู่ แต่กระนั้นก็ประคองก้นไว้เป็นอย่างดี “หนาวยัง”
“ยังค่ะ ถ้าขึ้นตอนนี้โมบายชวนไปลงทะเลแน่” พัทธนันท์กอดคอเขาไว้หลวมๆ “ตัวเค้าหนักไหม”
“ข้าวไม่ค่อยจะกินเอาอะไรมาหนัก”
พัทธนันท์ยู่หน้าวางคางบนบ่ากว้าง กันตรวีรู้สึกตื่นตัวยามโดนลมหายใจอุ่นรดต้นคอ
“พี่กันต์” กันตรวีครางรับค่อยๆ เดินในน้ำพาคนอยู่บนหลังมาสระอีกฝั่งที่เห็นวิวทะเล “รักเค้าไหม”
เขาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถามแต่ก็พยักหน้ารับ ไม่มีเหตุผลเขาจะไม่รักเธอ
“พูดสิ พยักหน้าเค้าไม่รู้เรื่องหรอกนะ” พัทธนันท์ไม่ยอมวันนี้เธอต้องได้ยินเป็นครั้งที่สองจากปากเขา “พี่กันต์ ไม่พูดเค้าโกรธจริงๆ นะ”
“รัก”
“รักใคร” พัทธนันท์อมยิ้มแต่ยังไม่พอใจ
กันตรวีรู้ว่าเธอกำลังแกล้งเขา แต่ก็ยิ้ม “รักพร้อมไง”
พัทธนันท์ฉีกยิ้มกว้างกระแสความอบอุ่นไหลวนอยู่ในใจ วางคางบนบ่ากว้าง
เมื่อมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครมองมาทางนี้ก็ฉกหอมแก้มเขาฟอดใหญ่
“รางวัลค่ะ”
กันตรวียกยิ้มพอใจ หัวใจเขาเห็นแรงผิดจังหวะ “ไม่เอาอันนี้”
“งั้นจะเอาอะไร”
“เอาบนห้อง”
คำพูดสองแง่สองง่ามทัทธนันท์แก้มแดงระเรื่อ ฟาดมือลงหลังเขาอย่างไม่จริงจัง “ทะลึ่ง”
พัทธนันท์หน้าแดงรีบผละลงจากหลังกันตรวี รีบว่ายไปหาหลานสาว “อากันต์แกล้งอาพร้อมค่ะโมบาย”
หนูน้อยมองหน้าอาสาวอย่างไม่เข้าใจ เมื่อกี้ยังจู้จี้กันอยู่เลย แต่เพื่ออาสาวคนสวยโมบายจัดให้
“โมบายจัดการอากันต์ให้ค่ะ!”
กันตรวีที่ไม่รู้เรื่องว่ายตามภรรยา ครั้นเงยหน้าก็โดนหลานสาวสาดน้ำเข้าเต็มๆ
“จัดการอากันต์เลยค่าทุกคน”
สงครามทางน้ำเกิดขึ้นทันทีใบหน้าประดับความรอยยิ้ม เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นทั่วบริเวณ บ่งบอกว่าทุกคนกำลังมีความสุข
สองสามีภรรยาเดินเคียงดูกันเลียบชายหาด ในมือของเขามีรองเท้าภรรยาส่วนอีกข้างเกาะกุมมือพัทธนันท์ให้เดินไปพร้อมกัน
“เค้ามีอะไรจะถามพี่” พัทธนันท์คอยจับผมที่โดนกระแสลมพัดปรกหน้า
“ถามอะไร”
“ทำไมพี่ถึงเลือกแต่งงานกับเค้าเหรอ”
“ไม่ได้เลือก” กันตรวีมองหน้าด้านข้างเห็นแก้มใสๆ แล้วยกยิ้ม “พี่คบพร้อมคนเดียวไม่เห็นต้องเลือก”
“เค้าหมายถึงทำไมรีบแต่งกับเค้าจัง เราคบกันสามปีเองนะ”
“พี่ก่อร่างสร้างตัวมั่นคงแล้ว ตอนนั้นก็ซื้อบ้านแล้วด้วย” กันตรวีถอดมองไปข้างหน้านึกถึงสิ่งที่ทุ่มเทด้วยน้ำพักน้ำแรงมาตลอด “ไม่เกี่ยวหรอกว่าจะคบกี่ปีถ้าคนจะแต่ง”
พัทธนันท์ระบายยิ้มกุมมือเขาแน่นไม่ปล่อย “แต่เค้ายังไม่ทันได้สร้างตัวเลยนะ”
“ก็พี่เลี้ยงพร้อมได้ เลี้ยงได้สบายด้วย” วันนี้เขาอารมณ์ดีเลยแซว “กินอะไรกินหยุ่มหยิม ยังกับแมวดม”
“แล้วมาว่าเค้ากินน้อย” เธอกระทุ้งศอกใส่เบาๆ หนึ่งทีแล้วชวนคุยต่อ
“เค้ามีคำถามอีก”
“ทำไมวันนี้คำถามเยอะ”
“ก็เราไม่ค่อยได้คุยกับแบบนี้บ่อยอะ” ถึงจะอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา แต่ก็ใช่จะมีเวลามานั่งคุยเรื่องอะไรแบบนี้
“เถอะน่า ตอบเค้าเถอะ”
“ถามมาสิ”
“พี่คิดว่าในชีวิตของเรามีความผิดอะไร ที่คิดว่าจะไม่สามารถให้อภัยได้เด็ดขาด”
กันตรวีขมวดคิ้วจ้องมองด้านข้างของอีกฝ่าย “มันมีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ เค้าถามเฉยๆ”
คิ้วของเขายังขมวดเข้าหากัน ขบคิดโจทย์คำถามของภรรยา “นอกใจ”
“แล้วนอกกายล่ะ”
“พร้อม” กันตรวีเผลอเรียกอย่างตกใจ หยุดนิ่งจับไหล่ให้หันมามองกัน
“เค้าถามเฉยๆ ไม่มีอะไร” เขายังจ้องตาเขม็งจนเธอรู้สึกคิดผิดที่ชวนคุยเรื่องนี้ ไม่น่าเลย “เอาใหม่ ไม่ต้องคิดว่าเป็นคู่เรา แค่ลองจินตนาการเล่นๆ”
“เรื่องนี้ไม่น่าคุย” กันตรวีนึกตำหนิ แต่ถ้าให้คิดเฉยๆ เขาก็จะตอบให้ได้ “นอกใจหรือนอกกายพี่ก็ให้อภัยไม่ได้ อาจจะตายกันไปข้าง”
“บ้าพี่กันต์” พัทธนันท์ตกใจกับคำพูดของเขา
“ก็ไม่รู้นะพร้อม คนเราเวลามันรักใครมากๆ แล้วถูกหักหลังมันคงทำได้ทุกอย่าง” กันตรวีบอกตามความคิด “พี่ก็ตอบไปอย่างนั้นแหละ ไม่เคยจินตนาการไว้เพราะเรารู้คนของเราดีที่สุด”
พัทธนันท์พยักหน้าเบาใจลงกับความคิดของเขา
“หมดยังคำถาม”
“หมดแล้วค่ะ”
ทั้งคู่ก้าวเดินไปต่อ คราวนี้กันตรวีเป็นฝ่ายชวนคุยบ้าง
“ช่วงนี้พี่จะขยายอู่นะ ซื้อที่ดินข้างๆมาแล้ว จะเอาฉากแบ่งอันเก่าออกขยายหน้าร้านให้กว้างขึ้นด้วย” พัทธนันท์ทำได้เพียงรับฟัง รู้ว่ากันตรวีไม่ได้ต้องการความเห็นเพราะเขาได้ตัดสินใจทุกอย่างเองหมดแล้ว
“จะทำออฟฟิศแบบที่พร้อมบอก ลูกค้าจะได้ไม่ต้องมานั่งในห้องพนักงาน”
“เค้าเป็นกำลังใจให้พี่นะ”
กันตรวีมีรอยยิ้มยามจินตนาการถึงความมั่นคง ความสำเร็จที่จะเกิดในภายภาคหน้า ในขณะที่พัทธนันท์จิตใจเริ่มฝ่อเมื่อรู้ว่าเวลาที่กันตรวีมีให้มันจะลดน้อยถอยลง
พัทธนันท์หยิบเสื้อผ้าแยกใส่แต่ละตะกร้าตามประเภทของสี ส่วนชุดไหนที่เคาะน้ำมันเครื่องหนักๆ ก็แยกใส่กะละมังแช่น้ำยาก่อน จากนั้นเทตะกร้าผ้าขาวใส่ถังเครื่องแล้วกดตั้งโปรแกรมการซัก
เพราะงานการก่อสร้างพื้นที่ข้างๆ เริ่มต้นขึ้นแล้ว กันตรวีเลยขอให้พัทธนันท์หยุดพักไปก่อนเนื่องจากเสียงที่ดังและฝุ่นจากการทุบตึก เขาเป็นห่วงสุขภาพของเธอ งานกันตรวียุ่งขึ้นไปเท่าตัว แต่เขาก็พยายามจัดสรรเวลาให้ได้ดีที่สุด
พัทธนันท์เดินกลับมาเข้าในครัว กดน้ำเย็นขึ้นมาดับกระหายอากาศช่วงนี้ร้อนเป็นพิเศษ นึกห่วงคนที่อยู่หน้างานกันตรวีคงเหงื่อไหลซกเหมือนทุกวัน เที่ยงนี้เธอจะหาเขาสักหน่อย
“ยังไม่ได้เก็บเสื้อผ้าให้เตยเลย” พัทธนันท์นึกขึ้นได้ว่าไปรับปากอีกฝ่ายมาเป็นเดือน วันนี้ว่างคงต้องลองเก็บดูสักที
ห้องใต้บันไดเป็นสถานที่เก็บของที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ทุกอย่างถูกจัดใส่กล่องอย่างเป็นสัดส่วนและเป็นระเบียบ
‘เสื้อผ้าของพร้อม’
เสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่ถูกเก็บในลังจะเป็นเสื้อผ้าสมัยปีสองปีก่อน บางชุดที่โป๊หรือใส่แล้วดูเด็กไปกันตรวีไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ อย่างว่าแหละมีสามีอายุมากกว่าถึง
แปดปี เธอจึงจำเป็นต้องปรับลุคปรับสไตล์การแต่งตัวให้ดูโตขึ้น
“ชุดนี้ใส่ตอนนัดกินข้าวกับพี่กันต์ครั้งแรกนี่” พัทธนันท์ระบายยิ้มคลี่เดรสแขนยาวสีชมพูขึ้นมาดู แล้วเอามาวางไว้ข้างนอก
ใช้เวลาสักพักใหญ่ก็ได้กองเสื้อผ้ากองใหญ่ ทั้งกองที่ให้เตยและกองที่เอากลับมาใส่อีกครั้ง
หลังจากเอาเสื้อผ้าบางส่วนไปซัก ขณะพัทธนันท์ยกลังกลับไปเก็บที่เดิม ก็มีความคิดอยากรู้ว่าในลังของกันตรวีที่ย้ายของมาจากคอนโดเก่ามีอะไรบ้าง เผื่อมีอะไรที่ไม่จำเป็นจะได้ทำไปบริจาค
อัลบั้มรูปที่อยู่ล่างสุดดึงความสนใจทั้งหมดพัทธนันท์ ริมฝีปากคลี่ยิ้มเธออยากดูเผื่อมีรูปกันตรวีสมัยเรียนที่เธอไม่เคยเห็น
เธอยิ้มตาหยีค่อยๆ เปิดดูทีละภาพแล้ว รูปไล่เรียงมีตั้งแต่สมัยมัธยมปลายที่ถ่ายรวมกลุ่มกับเพื่อนผู้ชาย
“ทีคบกับเราบอกไม่ชอบถ่ายรูป” พัทธนันท์บ่นอุบอิบแต่ยิ้ม “อันนี้พี่พล พี่ไกด์ พี่โอ… พี่กันต์หัวหน้ากลุ่มเลยปะเนี้ย”
แก๊งเพื่อนผู้ชายที่เธอรู้จักบ้างบางคน ไม่น่าเชื่อว่ากันตรวีเก็บภาพพวกนี้ไว้เองนึกว่าจะอยู่ที่บ้านใหญ่ซะอีก จนเริ่มมีดลภาผู้หญิงคนเดียวในเพิ่มเข้าในภาพ เธอก็ยังเปิดดูอย่างไม่คิดอะไร
คิ้วของพัทธนันท์ก็เริ่มขมวดเข้าหากัน เมื่อเห็นภาพที่กันตรวีกับดลภานั่งใกล้ชิด เป็นรูปที่ถ่ายกันทุกอิริยาบถทุกสถานที่ ใกล้ชิดเซลฟี่หน้าติดกัน มันเป็นตัวบ่งบอกว่าสถานะที่ทั้งคู่มีให้กันไม่ใช่แค่เพื่อน
“อะไรเนี่ย”
ภาพดลภาหอมแก้มสามีขณะที่เขาถือเค้ก พัทธนันท์หน้าชาทำอะไรไม่ถูก เกิดคำถามขึ้นในหัวเป็นอันดับแรก
‘โกหกเหรอ… แล้วทำไมต้องโกหก’
พัทธนันท์ที่เจ็บปวดกับความจริงที่ล่วงรู้ว่าสามีโกหก เธอยังพยายามหาความจริง ‘พวกเขาอาจสนิทกันมากก็ได้’ คนใจเสียพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง จนเจอกับแฟลชไดรฟ์อันหนึ่งที่ป้ายห้อยเขียนกำกับว่า ‘เดียร์ & กันต์’
โฟลเดอร์มากมายมีหลายช่วงเวลาตามชื่อของมัน พัทธนันท์สุ่มเลือกมาหนึ่งอัน เธอนั่งดูวิดีโอที่กำลังฉาย เธอนั่งที่เดิมเหมือนคราที่นั่งดูวิดีโอวันแต่งงาน แต่วันนี้มันไม่ใช่ เธอกำลังดูวิดีโอของสามีกับคนรักเก่าของเขา