บทที่ 7 รักคือการให้อภัย [1/2]
บทที่ 7
รักคือการให้อภัย
พัทธนันท์ก็ยังท่าทีเมินเฉย เธอไม่อ้อนหรือออเซาะเหมือนเก่า ครั้นเวลานอนก็ต่างคนต่างนอน ทำตัวห่างเหินกับสามี แต่ถึงอย่างนั้นเธอยังทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนเดิม
“จะให้เค้าห่อมื้อเที่ยงไปให้หรือเปล่า”
เอ่ยถามคนที่กำลังกินมื้อเช้าฝั่งตรงข้าม มันเป็นความเคยชินที่เราต้องกินด้วยกัน
“ถ้ามีกับข้าวก็ห่อให้พี่ด้วยสิ”
พัทธนันท์ลุกขึ้นเอาจานตัวเองไปเก็บ แล้วจัดเตรียมอาหารใส่กล่องให้กันตรวี วันนี้เธอตื่นมาตุ๋นพะโล้ตั้งแต่เช้ามืดพร้อมกับผัดพริกแกงอกไก่ ตบท้ายด้วยแอปเปิลเขียวแช่เย็นที่หั่นใส่กล่องเรียบร้อย อาหารกันตรวีครบห้าหมู่ทุกมื้อ เธอวางกระเป๋าอาหารไว้ให้เขาแล้วเดินทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา
กันตรวีมองกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมสูงที่ถูกวางพลางถอนหายใจ ปกติพัทธนันท์จะต้องนั่งรอจนกว่าเราทั้งคู่จะกินหมด ใช่…มันไม่ปกติมาสามวันแล้ว
“พร้อม” ร่างหนาถือกระเป๋าข้าวหยุดยืนอยู่หน้าประตุ แต่คนโดนเรียกยังไม่มีท่าทีจะสนใจ “เย็นนี้มีเรื่องต้องคุยกัน”
พัทธนันท์กัดริมฝีปากอย่างขบคิด กันตรวีหาเรื่องตำหนิเธออีกแน่ๆ “ทำไมต้องรอตอนเย็นด้วย คุยตอนนี้เลยค่ะ”
“ไม่ เอาไว้คุยตอนเย็น”
“คุยตอนนี้สิ” เธอหันขวับขมวดคิ้วเข้าหากัน แต่อีกฝ่ายยังส่ายหัว ทำไมชอบทำให้อยากรู้แล้วไม่ยอมบอกด้วย “งั้นเค้าก็มีเรื่องจะบอก”
“ว่า”
“วันนี้เค้าจะไปข้างนอก” เธอหันกลับมามองโทรศัพท์ คราวนี้กันตรวีเป็นฝ่ายที่ขมวดคิ้ว “แค่บอกค่ะ เค้าไม่ได้ขออนุญาตพี่”
“จะไปไหน เดี๋ยวพี่พาไปก็ไป”
“ถ้ารอพี่แล้วเมื่อไหร่เค้าจะได้ไป” เขาสัมผัสได้ถึงความน้อยใจที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น “จะไปทำบุญ แป้งจะไปเป็นเพื่อน”
“รอไปพร้อมพี่ไม่ได้เหรอ”
“ค่อยไปอีกครั้งเถอะ” เธอนิ่งไปเพียงอึดใจเดียวแล้วพูดต่อ “ไม่รู้ว่าพี่จะมีเวลาให้เค้าเมื่อไหร่”
กันตรวีนั่งมองปฏิทินบนโต๊ะทำงาน เดือนนี้ตารางคิวงานแน่นตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงปลายเดือน เขาต้องหาเวลาให้พัทธนันท์ไม่งั้นสถานการณ์ระหว่างเขากับเธอคงไม่ดีขึ้น
“ตั้ม” เปิดกระจกเรียกคนที่กำลังเดินผ่าน “น้องสาวได้งานหรือยัง”
ตั้มหยุดชะงัก เจ้านายรู้ได้อย่างไรว่าน้องสาวเขากำลังหางานอยู่ สงสัยจะได้ยินตอนคุยกับเพื่อน “ยังครับ”
“เรียนจบอะไรมา”
“จบบัญชี ปวส.ครับ”
“แล้วเคยทำงานไหม” กันตรวีกวักมือเรียกให้เข้ามาคุยในห้อง “มาคุยให้รู้เรื่องดิ”
คราวนี้ตั้มไม่รีรอ ถ้าเจ้านายถามแบบนี้แปลว่าสนใจที่จะจ้างคนมาช่วย
ทำงาน อยู่ที่นี่เงินเดือนสูง สวัสดิการก็ดี แล้วใครที่ไหนจะปฏิเสธได้ลง
รถยนต์จอดนิ่งสนิทอยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ภายในวัด บรรยากาศเงียบสงบผิดกับภายในรถที่ตอนนี้พัทธนันท์ก้มหาของในกระเป๋าให้วุ่น
“เป็นไงเจอไหม”
“เค้าลืมเอามาแน่ๆ เลยอะ” พัทธนันท์ถอดใจในการค้นหา เธอว่าหยิบกระเป๋าสตางค์ใส่กระเป๋าสะพายมาแล้วนะ ทำไมขี้ลืมจังช่วงนี้ เมื่อเช้าก็ลืมเอาช้อนส้อมใส่กระเป๋าให้ชายหนุ่มไปครั้งหนึ่งแล้ว
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวยืมฉันก่อน” ปัทมาดับเครื่องยนต์ “ไปเถอะ เดี๋ยวจะร้อนไปกว่านี้”
หญิงสาวใส่ชุดขาวเข้าลงจากรถเดินเข้ามาบนศาลา ถวายสังฆทานที่จัดเตรียมมาด้วยตัวเอง จนถึงเวลากรวดน้ำพัทธนันท์สะเทือนใจยามนึกถึงลูกที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาลืมตาดูโลก
“ไม่เป็นไรนะแก” ปัทมาลูบหลังปลอบใจเพื่อน “เค้าแค่ลืมของเล่นเดี๋ยวเขาก็มาหาแกใหม่”
คนสูญเสียจุกอก ไม่กี่อาทิตย์ก่อนเธอกับกันตรวียังช่วยกันตั้งชื่อลูกกันอยู่เลย แต่มาวันนี้เหมือนฝันสลาย หากชีวิตคนเราขับเคลื่อนด้วยความหวัง หวังว่าลูกจะกลับบมาอยู่กับเธอ
สองเพื่อนรักชวนกันมานั่งริมน้ำใต้ร่มเงา ในมือถือไอศกรีมบนขนมปังสไตล์โบราณ
“จริงๆ เค้ากับพี่กันต์ตั้งชื่อลูกไว้แล้วด้วยนะ”
ปัทมาตักไอติมเข้าปากแล้วหันมามองเพื่อน “ตั้งว่าอะไร”
“ถ้าผู้หญิงจะตั้งว่า พบรัก” ใบหน้าพัทธนันท์มีรอยยิ้มจางๆ ทอดสายตามองธารน้ำไหล “ถ้าผู้ชายจะให้ชื่อ รักษ์”
“แล้วชื่อจริงล่ะ”
“ชื่อเดียวกันเลย” ปัทมาขมวดคิ้วคิดว่าชื่อมันสั้นเกินไป แต่ได้ยินคำอธิบายจากเพื่อนจึงเข้าใจ
“ชื่อสั้นน่ารักดีออก เวลาเขียนจะได้เขียนเร็วๆ เผื่อวันไหนโดนครูทำโทษให้คัดชื่อจะได้โกรธแม่”
ปัทมาระบายยิ้มกับเหตุผลของเพื่อน จำได้ว่าสมัยประถมหนึ่งพัทธนันท์โดนคุณครูลงโทษให้คัดชื่อจริงตัวบรรจงเต็มบรรทัดสองหน้าสมุด คนโดนทำโทษคัดทั้งน้ำตาจนเธอต้องปลอมลายมือช่วยเขียน บวกลบคูณหารแล้วเธอกับพัทธนันท์คบกันมาร่วมยี่สิบปี
พัทธนันท์เปลี่ยนเรื่องคุยไม่อยากให้บรรยากาศเศร้าหมอง “ว่าแต่แกอะ”
“อะไร ฉันทำไม” คนโดนทักทำหน้าตาเหลอหลา
“มีแฟนอ๋อช่วงนี้” ร่างบางหรี่ตามองหน้าเพื่อนอย่างจับผิด “เค้าดูออกนะ”
“ไอ้บ้าใครจะมี๊” ปัทมาหน้าแดงอัตโนมัติ “อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง”
“เหรอ ปกติแกจะไม่จับโทรศัพท์เลยถ้าเป็นวันหยุด” พัทธนันท์สังเกตมาตลอด “แต่เดี๋ยวนี้หยิบขึ้นมาดูตลอด คุยกับใคร แนะนำให้ฉันรู้จักบ้างสิ”
“ไม่มี แกเคยเห็นฉันสนใจใครด้วยเหรอ” ปฏิเสธเสียงแข็งไม่ยอมเผยไต๋ให้เพื่อนดูเด็ดขาด
พัทธนันท์อมยิ้มยามเห็นเพื่อนหน้าแดง ทำไมเธอจะดูไม่ออก
“ถ้าจะมีแฟนเอามาให้เค้าสแกนก่อนนะ อยากให้แกเจอความรักดีๆ อะ แต่ถ้าใครทำแกเสียใจบอกเค้า เดี๋ยวจะไปด่ามันเอง”
“แกด่าคนเป็นด้วยเหรอ”
“เผื่อผู้ชายคนนั้นจะเป็นผู้โชคดีไง”
เสียงหัวเราะสองเพื่อนซี้ดังผ่านสายลม ปัทมามองหน้ารอยยิ้มของเพื่อนแล้วอึดอัดใจ เรื่องคืนนั้นที่มีผู้หญิงรับสายยังติดใจเธอ อยากจะบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ แต่ความรักที่พัทธนันท์มีให้กันตรวีมันมากล้นเหลือเกิน เธอไม่อยากให้เพื่อนต้องเสียน้ำตา
ปัทมาอยู่กับพัทธนันท์จนถึงเวลาที่ชายหนุ่มกลับจากทำงาน ครั้นพัทธนันท์ชวนกินมื้อเย็นด้วยกันเธอก็ปฏิเสธ ทำเพียงทักทายชายหนุ่มเป็นมารยาทเท่านั้น ส่วนกันตรวีแม้จะงุนงงกับเพื่อนสนิทภรรยาแต่ไม่เอามาคิดให้กวนใจ
พัทธนันท์หยิบกระปุกห่อข้าวแช่น้ำ ขยับตัวไปหน้าเตาตักอาหารทุกอย่างใส่จานเตรียมกินพร้อมกัน
อาหารตรงหน้าหน้าตามันน่ากินชวนน้ำลายสอ พัทธนันท์เป็นคนรสมือดีขนาดพึ่งมาทำอาหารเป็น แต่ทำเก่งมากจริงๆ เขาใช้ช้อนตักกุ้งผัดถั่วลันเตาให้น้อง แต่พัทธนันท์ทำเพียงพยักหน้าขอบคุณเท่านั้น
กันตรวีทิ้งสะโพกบนเคาน์เตอร์ ลอบมองคนที่ก้มหน้าก้มตาล้างจาน ดูเอาเถอะ ขนาดเขายืนอยู่ตรงหน้าน้องยังไม่สนใจเลย
เขากระแอมไอเรียกเสียงตัวเอง พัทธนันท์เหลืองมองเล็กน้อยแต่ทำเป็นไม่สนใจ
“วันนี้ไปทำอะไรมาบ้าง”
“ไปวัดเขาก็ไปทำบุญไง”
ขนาดตอบเธอยังไม่เงยหน้ามองเขาสักนิด เกิดความเงียบขึ้นมาฉันพลัน
พัทธนันท์ล้างจานใบสุดท้าย เช็ดมือบนผ้ากันเปื้อนแล้วเงยหน้าสบตากับสามี พลางคิดในใจ ‘ล้างจานมันน่าดูมากเลยหรือไง’
“ไหนมีเรื่องจะคุยกับเค้า พูดมาค่ะ”
กันตรวีเห็นท่ายืนกอดอกน้องแล้วอยากหัวเราะ ภาษากายเธอกำลังพูดว่า ‘หรืออยากจะมีเรื่อง’
“ไปเที่ยวกันไหม”
“ที่ไหนคะ” อีกฝ่ายถามกลับอย่างสนใจ ตอบรวดเร็วอย่างลืมตัว
“พร้อมอยากไปที่ไหน” เวลาแบบนี้กันตรวีจึงพยายามเอาใจภรรยามากที่สุด
พัทธนันท์หรี่ตามองอย่างมีแผน แต่มีเหรอกันตรวีจะไม่รู้ทันภรรยา
“ขอภายในประเทศ” คนฟังยู่หน้านึกว่าจะได้ไปญี่ปุ่นเสียอีก “ปีนี้พี่จะขยายร้าน ญี่ปุ่นเอาไว้ค่อยไปปีหน้า”
“ไปทะเลก็ได้ค่ะ”
พัทธนันท์พูดราวไม่ใส่ใจแต่ภายในใจเต้นเป็นลิงโลด ดีใจที่จะได้ไปเที่ยวคอยดูนะเธอจะกดซีเอฟเสื้อผ้าตั้งแต่คืนนี้เลย
กันตรวีสวมกอดภรรยาทันทีเมื่อเห็นว่าเธอถอดผ้ากันเปื้อนเสร็จ
“ใครอนุญาตให้กอด” พัทธนันท์ตีหน้ายักษ์ มือทั้งสองข้างผลักเขาออก
“ผัวกอดเมียต้องขออนุญาตจากใคร อุตส่าห์จะพาไปเที่ยว” ไม่วายหอมแก้มภรรยาที่ทำหน้าบูด “หอมแก้มด้วยเอา”
ถึงแบบนั้นพัทธนันท์ก็โหยหาการกระทำเช่นนี้ เธอชอบที่เขาแสดงความรักกับเธอ
สุดท้ายพัทธนันท์ก็อดไม่ไหว ใบหน้าบึ้งบูดเมื่อกี้ตอนนี้ฉีกยิ้มหวานส่งให้เขา “หอมแต่ข้างซ้าย ข้างขวาน้อยใจนะ”
หากความรักคือการให้อภัย ไม่ว่าเรื่องใดๆ พัทธนันท์เต็มใจพร้อมให้อภัยเขาเสมอ หวังว่าพลังที่เธอใช้ในการให้อภัยเขาครั้งนี้ มันจะทำให้ความรักของเรายืนยาว
พัทธนันท์กลับมาช่วยงานกันตรวีที่อู่เหมือนเดิม แต่ตอนนี้มีพนักงานเพิ่มเข้ามาอีกคน พัทธนันท์เลยถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดให้เตย…น้องสาวของตั้ม
“แล้วข้าวเที่ยงกินที่ไหนอะเรา”
“แม่ห่อข้าวมาให้ค่ะ เดี๋ยวเตยไปกินกับพี่ตั้ม”
“พี่ทำต้มแซ่บกระดูกอ่อนมาเผื่อด้วย เอาไปกินกับทุกคนนะ”
พัทธนันท์ลุกขึ้นไปหยิบกล่องอาหารใบใหญ่ให้เตย เธอจะทำกับข้าวมาเผื่อพนักงงานบ่อยๆ อยู่แล้ว ภรรยาเจ้านายใจดีจนตอนนี้เป็นที่รักของทุกคน
เสียงแจ้งเตือนมีคนโทรเข้าจากโทรศัพท์ตั้งโต๊ะดึงความสนใจคู่สามีภรรยาที่นั่งกินข้าว พัทธนันท์หยิบกระดาษทิชชูเช็ดมือพลางลุกขึ้นไปรับ
“สวัสดีค่ะ”
ฝ่ายที่โทรเข้ามาชะงัก ไม่คิดว่าพัทธนันท์จะเป็นฝ่ายรับ เธออยากคุยกับกันตรวีแต่ไม่มีเบอร์ส่วนตัวเขา “ขอคุยกับกันต์หน่อยค่ะ”
“พี่กันต์กินข้าวอยู่ค่ะ” พัทธนันท์ฉงนใจทำไมต้องอยากคุยกับสามีเธอ กันตรวีที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมามองอย่างสนใจ “มีอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวบอกให้ค่ะ”
“นี่พี่เดียร์เองนะ”
“พี่เดียร์ เดียร์ไหนคะ”