บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 ความสำคัญรั้งท้าย [2/2]

“แล้วที่บอกว่าม้าจะมาหมายถึงยังไง” ม้าที่ว่าคือผู้เป็นแม่ของพัทธนันท์เรียกตามคนไทยเชื้อสายจีน

ปัทมาถอนหายใจ ไม่นึกว่าสามีเพื่อนจะเข้าใจอะไรยากขนาดนี้ “ก่อนหมอให้ยา พร้อมบอกให้โทรบอกม้าด้วยแล้วเมื่อกี้ท่านโทรมาบอกว่าจะออกมาตอนเช้ามืด”

กันตรวียยืนนิ่งอย่างใช้ความคิด เขาเจอครอบครัวพัทธนันท์ในสภาพนี้ไม่ได้ เขาต้องจัดการร่างกายตัวเอง

กันตรวีกลับมาอีกครั้ง เขาหอบหิ้วเสื้อผ้าของภรรยามาเผื่อให้ปัทมาเปลี่ยนด้วย ร่างหนานั่งข้างเตียงคนไข้ไม่ลุกไปไหนมือหนาคอยลูบมือเรียวของพัทธนันท์อยู่ตลอด

สายตาคมจ้องมองไปที่บริเวณท้องของคนนอนหลับ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ในนั้นแต่อยู่ผิดที่ไปหน่อย

‘รอบหน้าค่อยมาหากันใหม่แต่มาอยู่ในถูกที่นะลูก เราจะได้เจอกัน’

กันตรวีคิดในใจพลางหอมฝ่ามือนิ่ม พัทธนันท์เสียใจมากแค่ไหนเขาไม่สามารถรับรู้ได้เลย

“แป้ง” เขาเอ่ยถามคนที่พึ่งออกจากห้องน้ำ “หมอบอกไหมว่าถ้านับพร้อมท้องกี่เดือน”

“ประมาณแปดสัปดาห์” ปัทมาโหวงใจยามต้องนึกถึงความสูญเสีย และยังไม่สามารถให้อภัยผู้ชายคนนี้ได้ “แป้งไปข้างล่างก่อน เดี๋ยวจะซื้อกาแฟมาให้”

พัทธนันท์รู้สึกตัวราวเจ็ดโมงครึ่ง คนนั่งเฝ้าตั้งตาลุ้นเมื่อเห็นนิ้วเรียวขยับ

“พร้อม” ทันทีที่อีกฝ่ายลืมตากันตรวีลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น คลายความกังวลเมื่อเห็นน้องตื่น “เป็นไงบ้าง”

หญิงสาวกวาดสายตามองรอบๆ ประมวลภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอมึนเบลอแต่ครั้นขยับตัวใบหน้าเรียวเบ้อย่างเจ็บปวดยกมือแตะลงหน้าท้องข้างซ้ายตาม

สัญชาตญาณ

“เจ็บเหรอ” กันตรวีเห็นสีหน้าคนป่วยแล้วเป็นห่วง รีบกดปุ่มเรียกพยาบาล “พี่เรียกหมอให้แล้วนะ”

เขาว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนคอยลูบหัวทุยเบาๆ คนบนเตียงไม่ตอบอะไรเพียงหลับตา

แพทย์กับพยาบาลเข้ามาตรวจร่างกาย เขาเห็นแผลตรงหน้าท้องหญิงสาวแล้วรู้สึกเสียววาบ อยากแบกรับความทรมานนั้นไว้เอง

ครั้นหลังจากตรวจร่างกายเสร็จครอบครัวของพัทธนันท์ก็มาถึงพอดี หญิงสาวกอดผู้คนเป็นแม่ร้องไห้ระงม ยามตนเองต้องเผชิญเรื่องไม่คาดคิดความกลัวมันเกาะกินหัวใจ แม้พยายามเข้มแข็งแค่ไหนก็ไม่ไหว ยิ่งไม่มีคนที่รักเคียงข้างความโหวงเกิดภายในใจ มโนไปไกลว่าจะไม่มีโอกาสลืมตาขึ้นมาอีกแล้ว

“เจ็บมากใช่ไหมลูก” ไพลินลูบหัวลูกสาวที่สะอื้นพลางพยักหน้า “เดี๋ยวก็หายนะลูกนะ”

เวลานี้พัทธนันท์อ่อนแอเหลือเกิน เธอไม่อยากมองหน้าสามี ถึงพยายามเข้าใจว่าอีกฝ่ายงานยุ่งแต่มันดูไม่มีเหตุผลที่ไม่สามารถติดต่อนานนับชั่วโมง ในยามที่ต้องการเขาที่สุดแต่เขาดันหายไป

กันตรวีแยกตัวออกมานอกห้องกับพ่อตา สายตาคนผ่านโลกมานานพินิจมองลูกเขยด้วยถอนหายใจ ตบบ่าให้กำลังใจอีกฝ่าย

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวถึงเวลาเขาก็มาใหม่” ตนเข้าใจว่าอีกฝ่ายเสียใจเรื่องสูญเสียลูกน้อย แต่มันไม่ใช่แบบนั้น

“ครับป๊า” คนมีชนักติดหลังไม่กล้าสู้หน้าพ่อของภรรยา “ตอนน้องเข้าห้องผ่าตัดผมไม่ได้อยู่กับน้องด้วยซ้ำ มาถึงก็รีบเซ็นเอกสารไม่ทันได้เจอ น้องคงกลัวมาก”

“กันต์ทำงานทุกอย่างมันฉุกละหุกทำอะไรกันไม่ทัน โชคดีที่แป้งอยู่ด้วยอย่างน้อยก็มาโรงพยาบาลทัน”

ชายสูงวัยพยักหน้าตอบแง่ดีอย่างเข้าใจ ตอนนี้ลูกสาวท่านปลอดภัยก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว หลังจากชวนกันลงมาหากาแฟดื่มกันข้างล่าง ไพโรจน์ก็ชวนลูกเขยคุย

“ที่อู่ช่วงนี้ลูกค้าเยอะใช่ไหม” ท่ารู้ข่าวจากลูกสาวมาบ้าง

“ครับ ลูกค้าเยอะทุกวันก็มีพร้อมที่ไปช่วยด้วยครับ”

“ดีแล้วให้น้องไปช่วย เขาชอบโทรมาบ่นมาอยู่บ้านมันเหงา บางครั้งก็วิดีโอคอลดูป๊าทำงาน” กันตรวีรู้ว่ากำลังโดนพ่อตาตำหนิ “น้องเรียนมาทั้งชีวิตพอถึงเวลาก็อยากทำงาน ลูกสาวป๊าพลังเยอะไม่ชอบอยู่นิ่งๆ มาตั้งแต่เล็ก ตอนกันต์ให้ไปช่วยงานที่อู่ด้วยน้องดีใจยังโทรมาล่าให้ฟัง”

ไพโรจน์มองคนที่นั่งนิ่งพลางถอนหายใจ ท่านมองปาดเดียวก็รู้ว่าลูกเขยนิสัยอย่างไร อีกทั้งยังรู้ดีว่าชีวิตคู่มันไม่ง่าย คนอาบน้ำร้อนมาก่อนเพียงแค่อยากสอน

“แต่งงานกันแล้วก็ใช่ว่าจะเป็นเจ้าของชีวิตกัน” ท่านนิ่งอึดใจเดียวก่อนจะพูดต่อ “มันเพียงเหมือนมีเพื่อนคู่คิด เป็นคนที่อยู่ข้างๆ เป็นคนที่พิเศษกว่าทุกคน ถึงยังไงแต่ละคนก็ต้องมีชีวิตเป็นของเอง ต้องมอบอิสระต่อกัน”

กันตรวีกลับขึ้นมาบนห้องพักผู้ป่วยอีกครั้งหลังจากลงไปส่งครอบครัวภรรยาให้ไปพักที่บ้าน ไพลินเป็นห่วงลูกสาวมากตั้งใจจะอยู่ดูแลก่อน

ส่วนพัทธนันท์หลับไปตั้งแต่ช่วงบ่าย เขายังไม่มีโอกาสได้คุยกับน้องสักครั้ง เรื่องราวใหญ่โตถึงหูครอบครัวเขาและจะมาเยี่ยมในช่วงเย็น มื้อเย็นมาแล้วแต่คนป่วยไม่มีท่าทีจะตื่น กันตรวีตัดสินใจปลุกเพราะหญิงสาวต้องกินยา

“พร้อม” คนโดนปลุกสะลึมสะลือขยี้ตาตื่น เบาะถูกปรับเป็นท่านั่ง “ต้องตื่นมากินข้าวจะได้กินยา”

“ม้ากลับแล้วเหรอคะ”

ชายหนุ่มหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้อีกฝ่ายเบาๆ

“ป๊ากับม้ากลับไปนอนที่บ้าน พรุ่งนี้เช้าจะมาหาใหม่”

เธอพยักหน้าหลับตายังคงรู้สึกมึนหัวเบลอๆ เพราะฤทธิ์ยา ครั้นสติกลับมาครบถ้วนหัวใจก็ไม่สามารถลืมความกลัวที่เกิดขึ้นได้ น้ำตาใสไหลลงที่หางตา

“พร้อม” กันตรวีสะเทือนใจยามเห็นน้องร้องไห้ ยืนมือเข้าซับน้ำตา “พี่ขอโทษ…ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ด้วย”

เธอสะอื้นเบาๆ เพราะไม่อยากให้กระทบที่แผล เรียวแขนอ้ารับอ้อมกอดจากสามี “เค้ากลัวมาก”

“ไม่เป็นไรแล้วนะ” มือหนาลูบหลังปลอบประโลมช้าๆ เขาผิดเหลือเกินผิดที่เห็นความสำคัญเธอน้อยไป “พี่อยู่ตรงนี้”

“เค้าทนรอพี่นานมาก นานจนทนไม่ไหว” เธอเงยหน้าจากบ่าสบตาเขา “หายไปไหนมา”

กันตรวีแสลงใจยามสบสายตาที่บวมช้ำ ยื่นมือเช็ดน้ำตาบนแก้มใส เธอบอบบางเหลือเกิน

“พลมันโทรมาพี่เลยไปหามัน” เขาสารภาพความจริง “โทรศัพท์แบตหมด พี่ไม่รู้ตัวว่านั่งไปนานแค่ไหน กว่าจะรู้เรื่องก็ตอนรับโทรศัพท์จากแป้ง พี่รู้พี่ผิด”

น้ำตาแห่งความปวดใจไหลทะลักเข้ามาอีกหน เสียงสะอื้นดุจดังมีดคมมีดกรีดจิตใจคนฟัง กันตรวีดึงน้องเข้ามากอดอีกคราแต่เธอฝืนตัวเอง

“เค้าสำคัญกับพี่มากแค่ไหน”

“ที่สุด” กันตรวีตอบจากใจจริง ทว่าคนฟังกลับส่ายหน้าดันเขาออกห่าง

“พี่รู้ตัวหรือเปล่า” เธอปัดมือที่ยื่นเข้ามาหวังเช็ดน้ำตาเธอออก “ว่าคำพูดกับการกระทำของพี่มันสวนทางกันทุกอย่าง”

พัธนันท์จิตใจบอบช้ำกับกระทำของสามี ถ้าวันนั้นปัทมาไม่อยู่เธอก็ไม่รู้เลยว่าสภาพตัวเองจะเป็นอย่างไร เธอไม่อยากเข้าใกล้ แค่เพียงหน้าเธอก็ไม่อยากมอง

กันตรวีก็ไม่ต่างกัน เขาเสียใจกับท่าทีเมินเฉยของภรรยา น้องไม่ให้เขาทำอะไรเลยไม่ว่าจะเช็ดตัว ปรับเตียง ตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาลเธอจะให้เพียงไพลินหรือปัทมาดูแลเท่านั้น เขามีหน้าที่แค่เฝ้าตอนกลางคืน และเป็นช่วงเวลาเดียวที่เขาได้ใกล้ชิด

“หายไวๆ นะพร้อม พี่รู้ว่าเธอไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาล” มือหนาลูบศีรษะทุย “รีบกลับไปอยู่บ้านเรากัน”

ไพลินมองออกถึงสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างลูกสาวกับลูกเขย พัทธนันท์ไม่พูดคุยกับฝ่ายชายและไม่ยอมให้ทำอะไรให้ หากอยากได้อะไรหรือจะไปเข้าห้องน้ำจะรอตนเท่านั้น และแน่นอนสามีเธอก็มองออกเช่นกันแต่ไม่พูดจนมาถึงวันที่ลูกสาวได้กลับบ้าน

“มีอะไรก็ค่อยๆ คุยกัน” มือบางลูบหัวลูกสาว พัทธนันท์ดุจดังแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ ก่อนปรายสายตามองลูกเขยที่นั่งอยู่ตรงโซฟาคู่กับพ่อตา กันตรวีเปรียบเสมือนคนในครอบครัว

“กันต์ค่อยๆ พูดกับน้อง… อย่าพูดด้วยอารมณ์”

“ครับม้า” ชายหนุ่มตอบรับหนักแน่นแล้วมองไปที่น้อง

“เอาไว้พี่เขาว่างๆ ก็กลับไปเที่ยวที่บ้านเรานะ” น้ำเสียงของแม่นุ่มนวลเหมือนนิสัยที่ใจเย็น

“พร้อมไปด้วยเลยไม่ได้เหรอ”

ใบหน้าสวยเง้างอเธอยังไม่พร้อมจะคุยกับเขา เธอกลัวตัวเองจะใจอ่อน ส่วนชายหนุ่มที่มองอยู่ส่ายหน้านึกตำหนิที่พัทธนันท์ชอบหนีปัญหา

“ค่อยไปพร้อมกัน ผัวเมียจะทิ้งให้อีกคนอยู่คนเดียวได้ยังไง”

ครานี้ไพโรจน์เป็นคนพูดขึ้นมาเอง ไม่มีใครเถียงได้สุดท้ายสองคู่ชายหญิงก็แยกรถกลับไปคนละคัน

“อยากซื้ออะไรเข้าบ้านหรือเปล่า” กันตรวีถามขณะเลี้ยวออกจากเขตโรงพยาบาล แต่คนข้างๆ ยังนิ่งไม่ยอมตอบ “พร้อมพี่ถาม”

เขาถามน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่แฝงไปด้วยอำนาจ กันตรวีก็ยังเป็นคนเดิม เขาดีแค่ตอนครอบครัวเธออยู่แค่นั้นแหละ

กันตรวีหันมองคนข้างๆ เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบ แต่เห็นพัทธนันท์หน้างอเขาจึงรู้ตัว

“พร้อมอยากกินอะไรไหม จะได้แวะซื้อเข้าบ้านไปเลย”

น้ำเสียงนุ่มน่าฟังขึ้นเยอะ พัทธนันท์หันไปมองเขาอย่าลังเลใจ ถ้าไม่คุย

ตอนนี้แต่ถึงยังไงเธอก็ต้องคุยกับเขาอยู่ดี

“หมูกระทะได้หรือเปล่า”

คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแต่เมื่อได้ยินชื่ออาหารที่อยากกิน แต่เห็นภรรยาทำหน้ามุ่ยก็อดที่จะตามใจไม่ได้

“ชาบูก็พอ ซื้อไปทำที่บ้านนะ”

“ค่ะ” พัทธนันท์ยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ กันตรวีมีความผิดอยู่ตอนนี้แหละเธอจะกอบโกยทุกอย่างตามใจตัวเอง

“แวะซื้อชานมไข่มุกหน่อยค่ะ อ๋อ…โดนัทด้วยนะคะ เค้าอยากกินโดนัทโรยน้ำตาล”

สายตาจดจ้องสารถีที่พยักหน้าจำยอม ไม่น่าเชื่อคนที่ไม่ว่างงานยุ่งตัวเป็นเกลียวครั้นถึงเวลาแบบนี้กลับสามารถมาดูแลภรรยาได้ ที่ใครเขาว่าถ้าสิ่งไหนสำคัญเราจะมีเวลาให้กับมันเสมอ มันคงเป็นเรื่องจริงที่ลำดับความสำคัญของเธอไม่ได้อยู่อันดับต้นๆ
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel