บทที่ 6 ความสำคัญรั้งท้าย [1/2]
บทที่ 6
ความสำคัญรั้งท้าย
รถยนต์ของกันตรวีจอดสนิทที่ลานจอดรถของร้านอาหารของพลพล หยิบโทรศัพท์ตั้งใจจะโทรบอกภรรยาว่าจะขอกลับดึกหน่อยแต่แบตเตอรี่หมดไปต่อหน้าต่อตา เขาไม่สบายใจยามที่ตัวเองออกมาหาเพื่อนแต่พัทธนันท์นอนป่วยอยู่ที่บ้าน ถึงแม้จะมีปัทมาอยู่เป็นเพื่อน หากเวลานี้ดึกมากแล้วเขารบกวนเธอมากเกินไป
เสียงเคาะจากกระจกด้านข้างเบี่ยงเบนความสนใจของคนที่กำลังกดปุ่มเตรียมสตาร์ทรถ กันตรวีผินหน้าหันไปมอง พบกับเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนานร่วมปี
“ไอ้กันต์” อีกฝ่ายทักขึ้นทันทีเมื่อเขากดลดกระจก “แม่งไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงว่ะ ลงมาคุยกันหน่อยดิ”
ไกด์เปิดประตูนำเพื่อน พอมันลงมาก็รีบกอดคอแสดงความคิดถึงตามประสาเพื่อนผู้ชาย เขาคบกับมันมาร่วมสิบปีเห็นจะได้ นึกถึงตอนสมัยเรียนกันตรวีถือว่าเป็นหัวโจกของกลุ่มแต่ถึงอย่างนั้นเพื่อนในกลุ่มก็หัวดีทุกคน จนตอนนี้มีหน้าที่การงานที่ดีกันหมดแล้ว
“นึกไงว่ารวมตัวกันได้วะ” ใบหน้าคมที่ชอบบึ้งตึงตลอดเวลาวันนี้กลับยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี
“เดียร์เป็นแม่สื่อ โทรชวนทุกคนเลยมั้ง” เรื่องอดีตที่กันตรวีกับดลภาคบหากันเป็นเรื่องที่รู้กันทุกคน คราแรกเพื่อนทุกคนก็ลำบากใจที่ทั้งสองจะต้องมาเจอกัน แต่เหมือนฝ่ายหญิงจะเดาใจของทุกคนออกจึงบอกว่า
‘เคลียร์แล้ว เรากับกันต์เป็นเพื่อนกัน’
ทุกคนเลยลงความเห็นว่าวันนี้ขาดกันตรวีไม่ได้ พลพลจึงเป็นฝ่ายอาสาโทรไป
“แล้วแม่งก็ว่างกันพอดี” ไกด์กอดคอกันตรวีจนมาถึงที่โต๊ะที่เพื่อนๆ นั่งรอกันเต็ม “พ่อเสือยิ้มยากของเรามาแล้วทุกคน!”
เสียงโห้ร้องเสียงดังต้อนรับคนมาใหม่ พลพลเปิดห้องส่วนตัวจึงไม่รบกวนลูกค้าท่านอื่น เพื่อนพ้องรวมตัวพูดคุยกันอย่างออกอรรถรส ความเหนื่อยสะสมที่ลุยงานมาสองวันติดถูกเยียวยาด้วยเครื่องดื่มสีเหลืองอำพัน คนที่พูดว่าไม่ดื่มครั้นมาเจอบรรยากาศที่คิดถึงสุดท้ายก็กลืนน้ำลายตัวเอง กันตรวีถือแก้วเอนหลังพิงพนักอย่างสบายใจมองกลุ่มเพื่อนที่คุยเถียงกันสนุกสนาน บ้างก็หยิบเรื่องสมัยเรียนมาคุย บ้างก็เรื่องหน้าที่การงานแต่ละคน จนสุดท้ายก็เรื่องครอบครัวของแต่ละคน
“มึงดูไอ้กันต์” ไกด์วกกลับมาถามคนที่นั่งพูดน้อยกว่าคนอื่น “ได้เมียนิสัยแตกต่างจากตัวเองลิบลับ ”
หัวข้อบทสนาดึงความสนใจจากทุกคนมาไว้ที่กันตรวี รวมถึงดลภาที่นั่งเท้าคางมองชายหนุ่มอย่างสนอกสนใจ
“มันเคยบอกว่าน้องพร้อมไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่มันชอบเลย” หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ คิดเข้าข้างตัวเองว่าผู้หญิงแบบที่ชายหนุ่มชอบต้องเป็นแบบตน
“ที่เคยพูดไว้มันก็จริง” มือหนายกแก้วจรดริมฝีปาก “กูเป็นคนคิดเยอะ มาเจอกับพร้อมที่สดใสเหมือนสายรุ้งสาด เวลาอยู่กับพร้อมแล้วสบายใจว่ะ ทำให้กูคิดได้ว่าบางเรื่องเราไม่ต้องคิดเยอะขนาดนั้นก็ได้”
พัทธนันท์เหมือนสายรุ้งสำหรับคนหม่นๆ อย่างเขา เธอมีพลังบวกมากมายที่
พร้อมแบ่งปันให้ทุกคนรอบข้าง มีรอยยิ้มสดใสที่เปร่งประกายถึงด้วยดวงตา มีจิตใจดีหวังดีต่อผู้อื่นจริงๆ ทั้งหมดซึมซับมาจากครอบครัวที่เลี้ยงดูมาอย่างดี เพราะครอบครัวของพัทธนันท์เป็นแบบนี้กันทุกคน ถือได้ว่าหญิงสาวเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ
คำว่า ไม่เป็นไรค่ะ เค้าเข้าใจ เค้าโอเค กันตรวีได้ยินมาตั้งแต่สมัยคบหากันแรกๆ พัทธนันท์ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขามากมาย แค่ได้ดอกไม้เพียงดอกเดียวเธอก็มีความสุขมากแล้ว เพราะเป็นแบบนี้เขาจึงรู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับภรรยา มันเป็นความรู้สึกที่เขาเป็นตัวของตัวเองโดยไม่ต้องพยายามอะไรมากมาย
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมีมาช่วงหลังแต่งงาน เขาไม่แน่ใจทำไมทุกอย่างถึงเป็นเช่นนี้ แต่ความตั้งใจต่อไปนี้หลังจากพัทธนันท์หายป่วยรอบนี้ เราจะหันหน้าเปิดใจมาคุยกันด้วยเหตุผลจริงๆ จะไม่ใช่อารมณ์
“คนหลงเมียเด็กก็พูดเงี้ย” ไกด์กระเซ้าเย้าแหย่พลอยให้เพื่อนคนอื่นๆ หัวเราะตาม “แต่แปลกวันนี้เมียไม่มาด้วย ปกติหนีบไปไหนด้วยตลอด”
“พร้อมไม่สบาย” กันตรวีให้เหตุผลแล้วลุกขึ้นยืน “กูไปห้องน้ำก่อน”
ดลภามองตามชายหนุ่มที่แยกออกไป ใบหน้าเรียวสวยบึ้งตึงตั้งแต่กันตรวีเริ่มสาธยายถึงเมียสุดที่รัก เธอกัดริมฝีปากอย่างขบคิด กันตรวีตั้งใจพูดหักหน้าเธอ
ทำไม! ตอบคบกับเธอมันเครียด มันไม่มีอะไรดีเลยหรือยังไง
เธอขยับลุกพรวดตามอีกคน ทิ้งเพื่อนที่เหลือมองหน้ากันอย่าเหลอหลา
ดลภาทันเห็นตอนชายหนุ่มยื่นโทรศัพท์ให้พนักงานของร้าน รีบปรี่ตรงไปที่เคาน์เตอร์เห็นโทรศัพท์ของชายหนุ่มวางเสียบชาร์ตแบตเตอรี่อยู่ ความอยากรู้อยากเห็นก่อตัว คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด สุดท้ายมือบางก็คว้าขึ้นมากดเปิดเครื่อง
ทว่าทันทีที่หน้าจอสว่างก็มีสายเรียกเข้า ใบหน้าสวยเหยียดยิ้มเมื่อเห็นรายชื่อเด่นหลาบนหน้าจอ เธอไม่ถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้ คนที่ไม่มีอะไรเหมือนเธอแต่มันยิ่งให้เธอถูกหยามทุกครั้งที่พูดถึงมัน
“เป็นบ้าอะไรพี่กันต์” คนไร้มารยาทฉงนใจกับคำพูดและน้ำเสียงกระชากของอีกฝ่าย มันดูไม่ใช่เมียกันตรวีที่ใครๆ ต่างชื่นชมเอาซะเลย
“กันต์ไม่อยู่”
“เธอเป็นใคร มารับโทรศัพท์สามีเพื่อนฉันได้ไง” ดลภารู้สึกเสียดายที่คนที่พูดไม่ใช่พัทธนันท์อย่างที่คิดไว้ แต่คิดว่ายังไงเพื่อนคู่กรณีก็คงคาบข่าวไปบอกเองแหละ
“มีอะไรล่ะ เดี๋ยวฉันไปบอกกันต์ให้”
“ไปตามพี่กันต์ให้มาคุยเดี๋ยวนี้”
ดลภาหงุดหงิดที่อีกฝ่ายไม่สนใจคำพูดของตน ริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงเตรียมสาดวาจาหวังก่อให้ครอบครัวอีกคนมีปัญหา แต่โทรศัพท์ที่ถูกมือหนากระชากออกเล่นทำตนเองหน้าเหวอ
“มายุ่งอะไรกับโทรศัพท์คนอื่น!”
เขาตะคอกด้วยน้ำเสียงโกรธพร้อมตวัดสายตาเย็นเยียบชวนหนาวสะท้าน ดลภาหน้าซีดเผือดกระวนกระวายคราวถูกจับได้ กันตรวีไม่พอใจอย่างมากแต่ครั้นเห็นว่าใครเป็นคนโทรมาก็รีบเดินเลี่ยงออกมา สูดหายใจเขาออกลึกๆ พยายามสงบสติอารมณ์
“ว่าไงพร้อม”
“เป็นบ้าอะไรหะ ทำไมไม่รับโทรศัพท์” ทว่ากลับเป็นเสียงของเพื่อนภรรยาที่ดูไร้มารยาทเหลือเกิน เธอลืมเป็นหรือไงว่าเขาแก่กว่าหลายปี
“อะไรแป้ง พี่ไม่ใช่เพื่อนรุ่นเดียวกับเธอนะ พูดจาดีๆหน่อย” ร่างสูงยืนเท้าเอวผ่อนลมหายใจ
“ดีเนอะมีผู้หญิงมารับโทรศัพท์แทน” วาจาค่อนแคะอีกฝั่งยิ่งกระตุ้นอารมณ์หงุดหงิด
“น้อยๆ หน่อย มีอะไรก็พูดมา” คิ้วหนาขมวดเมื่อเสียงร้องไห้จากปลายสาย ลางสังหรณ์บอกเขาว่าไม่ใช่เรื่องดี ไหนปัทมาเป็นคนคุยโทรศัพท์แทนที่จะเป็นตัวพัทธนันท์เอง
“มีอะไรแป้ง พร้อมเป็นอะไร”
“ถ้ายังอยากเป็นผัวที่ดี ก็ช่วยมาที่โรงพยาบาลหน่อยสิ” อีกฝ่ายกลั้นสะอื้น แต่ประโยคต่อมาส่งผลให้กันตรวีแทบล้มทั้งยืน “พร้อมท้องนอกมดลูก ปวดท้องกำลังจะตายช่วยมาเซ็นเอกสารเตรียมผ่าตัดให้ด้วย”
ทันทีที่แสดงตัวว่าเป็นสามีของคนไข้ กันตรวีก็ต้องเซนต์เอกสารยินยอมการผ่าตัด มือเขาสั่นจนพยาบาลบอกให้ใจเย็นๆ เขาไม่สามารถยืนนิ่งได้ร่างสูงเดินกระวนกระวายอยู่หน้าห้องผ่าตัด ไม่มีโอกาสเจอพัทธนันท์ก่อนผ่าตัดด้วยซ้ำ ปัทมาก็ไม่รู้หายไปไหนเขาอยากรู้อยากถามเกี่ยวกับอาการพัทธนันท์
หางตาเหลือบเห็นปัทมาที่กำลังเดินมาทางนี้ ชายหนุ่มรีบถลาเข้าไปถามไถ่
“แป้ง”
ปัทมากำมือแน่นยามเห็นหน้าคนตรงหน้า เผลอกัดริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บ
ความอึดอัดคับแค้นใจเธออยากเอาโทรศัพท์ฟาดหน้าผู้ชายคนนี้
“แป้ง พร้อมเป็นไงบ้าง” คนรอฟังใจร้อนรน ตะคอกถามย้ำเสียงดังพร้อมเขย่าแขนรบเร้าคนตรงหน้า
“พร้อมมันรอพี่ พี่รู้หรือเปล่า” ปัทมาบิดแขนจากชายหนุ่ม จดจ้องไม่วางตา ยิ่งได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากเข้ายิ่งนึกฉุน
“มันทนปวดทรมานหลายชั่วโมงเพื่อรอพี่อะ แต่พี่แม่ง…ทำไมกว่าจะรับ”
กันตรวีมีสีหน้าเครียดจัดยกมือเสยผมอย่างหงุดหงิด “บอกมาก่อนมาพร้อมโอเคมั้ย”
“ใครแม่งจะโอเควะ” ปัทมาหดหู่ยามนึกถึงหน้าเพื่อน พัทธนันท์นอนน้ำตาอาบหน้าร้องไห้ตลอดเวลา จนหมอกับพยาบาลต้องมาช่วยเกลี้ยกล่อมจนสุดท้ายต้องให้ยา พัทธนันท์เหมือนคนในครอบครัว เธอรู้ว่าเพื่อนเธอรู้สึกอย่างไร
“พร้อมมันกลัวมาก ร้องไห้ไม่หยุด”
คำบอกเล่ามันตอกย้ำความผิดของกันตรวี ความเจ็บปวดระลอกแล้วระลอกเล่าเสียดความรู้สึก ทำไมเขาถึงไม่นึกถึงเธอให้มากกว่านี้ ครั้นตอนตกลงเรื่องที่จะมีลูกกัน เราไม่ได้มาตรวจร่างกายด้วยซ้ำเพราะเห็นว่าพัทธนันท์อายุยังน้อยคงไม่มีปัญหา ทุกอย่างเกิดจากความประมาทเลินเล่อของเขาเอง ลูกไม่ต้องมีก็ได้ขอแค่พัทธนันท์ปลอดภัยเท่านั้นก็พอ
การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี สองชายหญิงเดินตามเตียงรถเข็นไม่ห่างจนเข้ามาถึงห้องพักพิเศษ ครั้นเมื่ออยู่ตามลำพังกันตรวีรีบรุดเข้าไปหาคนที่นอนหายใจนิ่ง
“ขอโทษนะ”
มือหนายกจับผมที่ปรกหน้าเขาอยากเห็นหน้าพัทธนันท์ชัดๆ ริมฝีปากแนบแก้มที่มีสีเลือดฝาดจางๆ “รีบตื่นนะพร้อม”
ปัทมาเดินออกจากห้องน้ำทิ้งตัวบนโซฟานุ่ม เหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลาเข้าวันใหม่มาสามชั่วโมง ปัทมาดีใจที่การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี แต่สิ่งที่สัมผัสเกี่ยวกับตัวชายหนุ่มวันนี้ทำเอาเธอหมดศรัทธา ยิ่งนึกถึงเสียงผู้หญิงที่รับโทรศัพท์วันนี้ปัทมายิ่งเจ็บใจแทนเพื่อน มาขอโทษทำไมตอนนี้ พัทธนันท์ไม่มีทางได้ยิน
“พร้อมตื่นอีกทีคงตอนเช้า” ปัทมามองร่างสูงที่ลูบหัวคนบนเตียงแล้วมันไส้ “ช่วยกรุณากลับไปอาบน้ำก่อนที่พร้อมจะตื่น ก่อนม้าจะมาด้วยค่ะ”
กันตรวีหงุดหงิดเล็กน้อยกับคำพูดค่อนแคะของเพื่อนสนิทภรรยา เขายืนเต็มสูงหันกลับมาจ้องมองอีกฝ่าย
“แป้งกลับไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวดูพร้อมเอง” แต่เห็นสีหน้าอิดโรยของอีกฝ่ายนั้นทำให้กันตรวีรู้สึกผิด นี่มันตีสามแล้ว
“คนที่ควรกลับคือพี่” นิ้วเรียวชี้ตรงไปที่คนตรงหน้า “ตัวเหม็นขนาดนั้นอะ กลับไปอาบน้ำเถอะ”
ร่างสูงยกแขนขึ้นพิสูจน์กลิ่นตัวเอง เป็นไปตามคนบอกกล่าวของปัทมา ตัวเขาเหม็นทั้งกลิ่นน้ำมันเครื่อง กลิ่นเหงื่อ และกลิ่นเหล้า