บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 อดีตของกันตรวี [1/2]

บทที่ 2

อดีตของกันตรวี

กันตรวีนอนไม่หลับ ยกมือก่ายหน้าผากอย่างคิดไม่ตก คำพูดของพลพลยังติดอยู่ในใจเขามาสองคืนแล้ว มันชวนหวนให้นึกถึงรักครั้งเก่ากับดลภา และเคยเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันตั้งแต่สมัยมัธยม

5 ปีก่อน

“เดียร์ไม่ไหวแล้ว เราคงไปกันไม่รอด”

ดลภาลุกขึ้นจากโซฟา คว้ากระเป๋าใบโปรดเตรียมออกไป หลังจากทั้งคู่เถียงกันมาร่วมชั่วโมงกับเรื่องเดิมๆ แต่เขารั้งเธอไว้ก่อน

“ไม่เป็นแบบนี้สิเดียร์” พยายามพูดให้เธอใจเย็น

“แบบนี้คือแบบไหน คนที่ควรพูดคำนี้ควรเป็นเดียร์มากกว่า” เธอจ้องคนตรงหน้า แม้ว่าจะรักมากแค่ไหนแต่วันนี้เธอยอมแล้ว

“เดียร์…”

“เดียร์อึดอัด กันต์เอานิสัย ความเคยชิน ความชอบ หรือไม่ว่าเขาจะเรียกว่าอะไร ของตัวเองมาบังคับเดียร์มากเกินไป”

กันตรวีนับหนึ่งถึงสิบบอกให้ตัวเองใจเย็น ทำไมเมื่อก่อนไม่เคยจะมีปัญหา

“โอเค กันต์จะปรับ” เขายกมือสองข้างบ่งบอกว่ายอม

“กันต์พูดแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว มันเคยทำได้บ้างไหม”

ครั้นเขาจะยื่นมือไปจับแต่ดลภาดันปัดออก สีหน้าชายหนุ่มเปลี่ยนทันที

“ไม่มีใครทนอยู่กับกันต์ได้หรอก บางครั้งอยู่ใกล้ชวนอึดอัดจนหายใจไม่ออก”

“มันจะมากเกินไปแล้วเดียร์” เขาเองก็เริ่มอารมณ์เสีย

“นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ” เธอคล้องกระเป๋าอีกครั้งเตรียมตัวจะออกไปจากที่นี่ “เลิกเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลกสักที”

ชายหนุ่มเท้าเอวมองคนที่ยืนตรงหน้าประตู

“จะเลิก?”

“คิดว่าไงล่ะ” เธอย้อน ยิ่งทำเขาไม่สบอารมณ์ “ทำตัวเองใหม่ซะนะกันต์ ถ้ายังเป็นแบบนี้ไม่มีใครทนอยู่ได้หรอก ถึงเดียร์จะรักกันต์แต่ทนต่อไปไม่ไหวจริงๆ”

“เลิกกันแล้ว มายุ่งทำไม” แต่คำพูดของเขายิ่งทำให้เธอเสียใจ อุตส่าห์พูดดีเพราะอยากจากกันด้วยดี ยังเห็นแก่ความทรงจำดีๆ ที่เคยมีร่วมกัน แต่เหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น ร่างบางแสยะยิ้มสมเพชตัวเอง

“คนที่อารมณ์ร้ายและเอาตัวเองเป็นศูนย์อย่างกันต์น่ะ” เธอก้าวกลับเข้ามาหยุดยืนตรงหน้า นิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าอกเขา “ต้องอยู่คนเดียวไปจนตาย”

“เดียร์!”

มือหนาคว้าเข้าที่ต้นแขนของดลภา แรงบีบถึงจะเจ็บแต่เธอกลับยิ้มเย้ย

“เดียร์พูดผิดเสียที่ไหนล่ะ” ก้มมองมือเขา

“เหอะ” กันตรวีรีบสะบัดออก หันหน้าหนีไม่อยากมองหน้าไม่งั้นอารมณ์เขาคงเดือดกว่านี้แน่

“นี่กันต์” เขาหันกลับมาตามเสียงเรียก สบตากับดลภา ในใจเขายังหวังให้เราคืนดีกัน มีโอกาสอีกสักครั้ง

“ถ้าแต่งงานเมื่อไหร่ ชวนเดียร์ด้วยนะ”

เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์โกรธ

“เดียร์อยากเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร คนที่รับกันต์ได้ทุกอย่างหรือคนที่กันต์พร้อมจะเปลี่ยนเพื่อเขา”

เธอยื่นมือไปจับมือเขา

“อยากให้กันต์โชคดี”

เขาก้มมองมือเธอที่ตบเบาๆ บนหลังมือเขาก่อนจะชักกลับ เงยหน้ามองเธอราวกับคนไม่เคยรู้สึกอะไร

“ถ้าจะไปก็ไป ไม่ต้องพูดอะไร ไม่อยากได้ยิน”

ดลภาหน้าชา คำพูดหวังดีของเธอถูกเขาตอกกลับอย่างไร้ความหมาย น้ำตาใสคลอเบ้าเตรียมไหลลงมาแต่ ณ เวลานี้เธอไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็น น้ำตาไม่ช่วยอะไร สุดท้ายหญิงสาวหันหลังเดินออกมาอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อพ้นประตูน้ำตาที่กลั้นไว้ก็ทะลักอาบแก้ม ที่ผ่านมาเธออยู่กับความทน ยังเต็มไปด้วยความรัก แต่หากวันนี้ที่ตัดสินใจก้าวออกมาเธอไม่ได้หมดรักเขาแต่หมดแรงที่จะทนต่อไปแล้วต่างหาก

ฝ่ายคนที่ยังอยู่ในห้องทรุดบนเก้าอี้อย่างอ่อนแรง จู่ๆ เธอมาพูดแบบนั้นเขาก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน แม้ในใจตอนนี้มีความหวังที่เราจะคืนดีกันแต่ดูเหมือนว่ามันจะริบรี่จนมองไม่เห็น หากเธอเลือกแบบนั้นเขาก็คงไม่รั้งไว้ ความรักห้าปีของเขากับดลภาจบลงตั้งแต่วันนั้น

กันตรวีสะดุ้งเมื่อจู่คนข้างๆก็มาสวมกอด หันไปมองพบว่าเธอยังหลับตาสนิท

“พี่นอนไม่หลับเหรอ”

เขาคงทำให้เธอตื่น ร่างหนาพลิกตัวสวมกอดเธอบ้าง

“หรือน้ำหมด ให้เค้าลงไปเอาไหม” เห็นเขาไม่ตอบ เธอจึงพูดอีกทั้งที่หลับตา

“เปล่า นอนเถอะ” ลูบหลังภรรยาไปมาอย่างที่เธอชอบ

“ไฟเข้าตา ปิดไฟหน่อยค่ะ”

เสียงพูดราวกับคนละเมอทำเขาเผลอยิ้ม เอื้อมมือไปปิดโคมไฟฝั่งเขา แล้วหันกลับมาสวมกอดภรรยา ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะผ่านอะไรมา เขาไม่สนใจใครอีกแล้ว ทั้งชีวิตเขาไม่มีอะไรสำคัญกว่าคนตรงหน้า ยกเว้นลูกตัวน้อยๆ ที่เกิดจากผู้หญิงคนนี้ในอนาคต

พัทธนันท์หมุนดูตัวเองในกระจกเช็กความเรียบร้อย ไม่บ่อยนักที่กันตรวีจะพาเธอไปที่อู่เขา นอกเสียจากไปรอเขาสองสามชั่วโมง โดยให้เหตุผลว่าคนเยอะ วุ่นวาย และอยู่บ้านสบายกว่า เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยร่างบางก็รีบลงมาข้างล่าง เห็นสามีนั่งกินข้าวอยู่เพียงลำพัง

“จะสายแล้ว”

กันตรวีมองคนที่นั่งลงตรงข้ามในชุดที่เดรสกระโปรงสีฟ้าลายตาราง มันยิ่งทำให้เธอดูเด็กกว่าวัย

“เค้าว่าจะเอาผลไม้ไปกินด้วย”

เธอว่าพลางตักข้าวต้มคำโตเข้าปาก แต่โดนเขาส่ายหัวยื่นทิชชูให้เธอ

“สายแล้ว ค่อยไปซื้อ”

ถ้าเป็นปกติเวลานี้เขาออกไปทำงานแล้ว แต่วันนี้เป็นวันแรกที่พัทธนันท์จะไปด้วย ทั้งทำอาหารเช้า แต่งตัวก็กินเวลาไปมาก

ไม่นานทั้งคู่ก็มาที่หน้าอู่ซ่อมเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจรองของที่บ้านฝ่ายชาย แต่ก่อนกรติพ่อของเขาเป็นคนดูแล ก่อนจะยกให้เป็นกิจการส่วนตัวของกันตรวีได้สี่ปีแล้ว ชายหนุ่มยื่นกุญแจให้ลูกน้องที่รออยู่ก่อนแล้ว ประตูแผงเหล็กถูกดันเปิดขึ้น

“เดี๋ยวตามไปข้างในด้วย”

เขาบอกบรรดาลูกน้อง แล้วเดินนำร่างบางเข้าไปข้างในโซนออฟฟิศ ตามด้วยลูกน้องทุกคน

“รู้ใช่ไหมว่าคนนี้เป็นใคร” เขาหมายถึงเธอ

“ใครๆ ก็รู้ครับ” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย “เป็นเมียเฮียไง ตอนงานกินเลี้ยงหลังแต่งพวกเราก็ไป”

เออจริง แถมพวกลูกน้องยังเคยเห็นเวลาเขาพาหญิงสาวมานั่งรออยู่บ้าง เขาจะเกริ่นให้ยาวทำไม ส่วนหญิงสาวทำตัวไม่ถูกได้แต่ระบายยิ้มจางๆ ให้ลูกน้องของสามี

“เออนั้นแหละ” เขาพูดต่อ “เดี๋ยวพร้อมจะมาช่วยงานบัญชีที่อู่ ทำทุกอย่างให้เหมือนกับฉันนะ”

ทุกคนรับทราบตรงกันแล้วแยกย้ายไปทำงานตามหน้าที่ ส่วนกันตรวีอยู่สอนงานคร่าวๆให้หญิงสาวก่อน

“เล่มนี้เป็นสมุดที่พวกช่างจะมาเขียนเบิกว่าเอาอะไรออกไปบ้าง” เอาหยิบสมุดเล่มยาวออกมา เปิดให้เธอดู “ส่วนใหญ่จะมาจดกันเรื่อยๆ แต่พวกนี้ไว้ใจได้ทำกับพ่อพี่มานาน”

“ค่ะ”

“ส่วนอันนี้เป็นเล่มบิลที่เราต้องเขียนรายการซ่อม อุปกรณ์ที่เปลี่ยน ราคาของรถทุกคัน”

เขาหยิบสมุดบิลเปิดดู “ใบแรกเราจะเก็บไว้ อีกใบให้ลูกค้า ก่อนเขียนอย่าลืมตราประทับ”

หญิงสาวพยักหน้า พอรู้อยู่บ้างตามที่เคยเรียนกับฝึกงานมา

“อ๋อ รายการเบิกต้องเอามาลงคอมฯ ด้วย”

กันตรวีสอนงานให้เธอคร่าวๆ บ้างก็ทำให้ดูตอนที่มีลูกค้าเข้ามา ตลอดช่วงเช้าหมดไปกับการสอนงานผู้ช่วยคนใหม่

“เป็นไง โอเคไหม” เขาถามคนนั่งข้างกาย

“โอเคค่ะ” เธอยิ้ม

“จะเที่ยงแล้ว หิวยัง” เห็นเธอพยักหน้า เขาจึงลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวพี่ไปบอกลูกน้องก่อน”

กันตรวีลุกนำออกไป ครั้นเมื่อเธอเก็บของเสร็จก็ตามเขาออกไป

“อยากกินอะไร” เขาถามขึ้นขณะหมุนพวงมาลัยเข้าสู่ถนน

“แถวนี้มีอะไรอร่อยบ้างคะ”

“ปกติพี่กินแต่ร้านประจำ”

“ร้านประจำพี่ก็ได้ค่ะ”

มื้อเที่ยงทั้งคู่ฝากท้องกับร้านอาหารประจำของฝ่ายชาย พัทธนันท์มองดูบรรยากาศแล้วเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเขาถึงเลือกกินร้านนี้

“พี่ชอบกะเพราไก่ร้านนี้” มือเขาเปิดดูเมนูไป

“พี่กินบ่อยมากเลยเหรอคะ”

“ก็บ่อยอยู่” เขามองหน้าเธอที่เหมือนกับราวมีคำถาม “ทำไม”

“มากินคนเดียวเหรอคะ ร้านใหญ่มากเลยนะ” เธอว่าพลางมองดูรอบร้าน

“สั่งไปกินที่ร้าน” เขาอธิบายต่อ “ออกมากินข้างนอกบ่อยๆ ใครจะดูร้านล่ะ”

“เค้ายังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

พัทธนันท์พูดยิ้มๆ ส่วนเขาส่ายหัวราวกับไม่ได้สนใจคำพูดเธอ ทั่งคู่ใช้เวลาทานข้าวไม่นานก็กลับไปช่วยกันทำงาน

การได้ออกไปทำงานแม้จะเป็นงานที่แทบจะไม่มีอะไรเลย ไม่หนักก็เหมือนได้ช่วยธุรกิจของครอบครัว แต่ได้เปิดหูเปิดตาบ้าง มันกลับเพิ่มความรู้สึกดีให้กับพัทธนันท์มากๆ อย่างน้อยมันรู้สึกดีกว่าอุดอู้อยู่ในบ้านทั้งวัน มื้อเย็นวันนี้เธอทำไปด้วยความอารมณ์ดีกว่าทุกวัน

“เค้าลืมถามพี่เมื่อวันก่อน”

“ถามอะไร”

“ว่าพี่ทะเลาะอะไรกับพี่พลหรือเปล่า”

กันตรวีละสายตาจากจอหันไปมองพัธทนันท์ที่ก้มๆ เงยๆ เตรียมมื้อเย็นอยู่ในครัว

“ไม่”

“แล้วทำไมหน้าเครียดจัง” เป็นเธอที่มองเขาบ้างแต่เขากลับหันไปสนใจจอโทรทัศน์เสียแล้ว “บอกเค้าได้นะ”

“ไม่มีอะไร” เขายังพูดแบบเดิม “พร้อมไม่ต้องรู้หรอก พี่จัดการเองได้”

อีกครั้งที่เป็นเช่นนี้เสมอ กันตรวีไม่เคยที่จะเล่าอะไรให้เธอฟังเลยสักครั้ง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เธออยากรู้เรื่องของเขาบ้าง ไม่ใช่มีแค่เขาที่รู้เรื่องของเธอทุกอย่างฝ่ายเดียว

ในขณะที่เธอเปิดใจบอกทุกอย่างที่เขาอยากรู้ กลับกันเวลาเธออยากรู้เรื่องอะไรขนาดถามเขายังไม่ค่อยอยากบอก ยิ่งถ้าไม่ถามเลยแทบจะเป็นศูนย์ที่เธอจะรู้เรื่อง เพราะแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกน้อยใจเขาอยู่บ่อยครั้ง

3 เดือนก่อน

สองสามีภรรยาเดินทางมาเยี่ยมบ้านครอบครัวสามีเป็นประจำทุกเดือน มีแต่เดือนก่อนที่พลาดเพราะเธอไม่สบายนอนซมอยู่บ้าน ครอบครัวเขาต้อนรับเธอด้วยความอบอุ่นเช่นเดิม

“หายดีแล้วใช่ไหมลูก” กัญญรัตน์แม่สามีเดินเข้ามากอด

“หายแล้วค่ะแม่” พัทธนันท์ส่งยิ้มหวาน “แม่สบายดีนะคะ”

“สบายดีจ๊ะ” กัญญารัตน์มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเอ็นดู พบเจอกี่ครั้งพัทธนันท์ก็ยังมีรอยยิ้มสดใสประดับใบหน้าเสมอ “ปะ เข้าบ้านกันพ่อรออยู่ เจ้าโมบายก็อยากเจออาพร้อมเต็มทีแล้ว”

สองสาวต่างวัยจูงมือกันเข้าบ้าน พัทธนันท์หันหน้ามาสบตาคนข้างหลัง กันตรวีพยักหน้ามองภาพนั้นแล้วยิ้มในใจ เขาดีใจที่หญิงสาวเข้ากับที่บ้านเขาได้ดีเสมอมา

“อาพร้อมขา” แค่เห็นว่าใครเดินเคียงข้างคุณย่ามา หนูน้อยโมเบลก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที

“สวัสดีค่ะพ่อ” เธอไหว้ทักทายพ่อสามี ส่วนท่านก็รับคำด้วยรอยยิ้ม “อาพร้อมคิดถึงโมบายจังเลยค่ะ”

พัทธนันท์ย่อตัวคุยกับหลานสาวตัวน้อยวัยสามขวบครึ่ง ครั้นมองแก้มแดงๆ สองข้างก็อดใจไม่ไหวที่จะหอมให้ชื่นใจ

“คิดถึงอาพร้อมด้วยค่า” แม้จะพูดไม่ชัดแต่อยากพูดเอาใจน้าสาวคนโปรด

เสียงคุยเจื้อยแจ้วของน้าหลานเรียกรอยยิ้มจากทุกคน พัทธนันท์อุ้มร่างป้อมไปนั่งรวมกันกับคนอื่นๆ

“เป็นไงกันบ้างช่วงนี้” กรติประมุขของบ้านเอ่ยถาม

“เหมือนเดิมครับพ่อ” กันตรวีนั่งลงข้างๆภรรยา เด็กหญิงโมบายเมื่อเห็นคุณอาก็เข้ามาจอแจ “พ่อโมบายไปไหน”

“คุณพ่ออยู่ข้างบนค่า”

“โมบายกินข้าวยังคะ” ถามคนที่เกาะติดไม่ห่าง

“โมบายรอกินกับอาพร้อมค่า”

คำพูดออเซาะเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน ขนาดกันตรวียังอดใจไม่อยู่ที่จะไม่ยื่นมือไปบีบแก้มหลานสาว

“ขี้โม้เหมือนพ่อไม่มีผิด”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel