บท
ตั้งค่า

ยอมให้ก็ได้ 2

การประชุมประจำไตรมาสในรอบครึ่งปีแรกยาวนานหลายชั่วโมง แม้ตัวเลขของผลประกอบการจะเป็นที่พอใจมาก แต่กลับไม่ทำให้ภากรแย้มรอยยิ้มออกมาได้เท่าที่ควร เนื่องจากสมองตอนนี้ครุ่นคิดถึงคำพูดของเกณิกาที่กล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะลงจากรถในช่วงเช้าที่ผ่านมา รวมไปถึงประโยคที่หญิงสาวเอ่ยกับเขาเมื่อคืนนี้อีกล่ะ

เตยต้องการห้องใหม่เร็วที่สุดค่ะ แต่ถ้าคุณคิดจะให้เตยอยู่ที่นี่ต่อ เตยจะฟ้องคุณท่านว่าคุณตะวันเอาผู้หญิงคนอื่นมาที่ห้องเตย

“ดรัณนายเข้ามาหาฉันที” กดอินเตอร์คอมเรียกเลขาเข้ามาพบ ลมหายใจอุ่นก็ถูกกระแทกออกมาอย่างไม่รู้ตัว

รอไม่นานประตูห้องก็ถูกเคาะขออนุญาตจากทางด้านนอก ตามมาด้วยร่างสูงของเลขาคนสนิทและยังเปรียบเสมือนเพื่อนสนิทอีกคนก็ว่าได้ เพราะอายุอานามของดรัณก็ไล่เลี่ยกันกับตน

“ครับนาย”

“ถามเตยสิ ว่าจะให้ฉันหาห้องให้หรือเธอจะหาเอง” คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้ว่าระหว่างเกณิกากับเจ้านายเอ่ยปากคุยอะไร ก็เผลอขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างใคร่สงสัย ครั้นจะถามออกไปก็ดูจะเป็นการเสียมารยาทจนเกินไป

“ครับนาย” ว่าแล้วก็หมุนตัวจะเดินออกจากห้องไป ทว่าเสียงเรียกที่ดังตามหลังมาก็รั้งให้ดรัณหยุดและหมุนตัวกลับมาดังเดิม

“จะไปไหน”

“ก็ออกไปโทรถามคุณเตยตามที่เจ้านายสั่งยังไงล่ะครับ”

“โทรตรงนี้ เดี๋ยวนี้” อ้าว! แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะครับเจ้านาย ดรัณอยากจะแย้งกลับแต่ก็จำต้องเก็บไว้ในใจ รีบล้วงโทรศัพท์มือถือต่อสายตรงหาเกณิกา

“เปิดลำโพงด้วย” เอ่ยสั่ง ทว่าสายตากลับแสร้งทำเป็นสนใจงานตรงหน้าเสียหนักหนา ทั้งที่จริงหูผึ่งรอฟังอย่างตั้งใจ

(สวัสดีค่ะ) เมื่อเสียงหวานกรอกมาตามสาย ดรัณก็ลอบสังเกตอาการเจ้านาย ที่เหลือบสายตาขึ้นมองเล็กน้อย

“สวัสดีครับคุณเตย พอดีเจ้านะ...” เกือบจะหลุดปากออกไป แต่เมื่อเห็นตาคมถลึงใส่ ก็ต้องรีบหุบปากลงทันควัน

“ผมจะโทรมาคุยกับคุณเตยเรื่องห้องพักครับ ไม่ทราบว่าคุณเตยจะหาเองหรือให้ผมช่วยหาครับ”

(เตยหาเองก็ได้ค่ะ ไม่อยากรบกวนคุณดรัณ) คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้คนที่ร่วมฟังด้วยถอนหายใจออกมา

ขืนให้หาเองมีหวังได้ห้องเล็กเท่ารูหนู เตียงนอนแข็งๆ เหมือนห้องเดิมอีกแน่ ภากรจึงส่ายหน้าและชี้ไปดรัณ

“เอ่อ ไม่ต้องเกรงใจเลยครับ เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมเป็นธุระจัดการให้ดีกว่านะครับ คุณเตยจะได้ไม่ต้องลำบากหา ได้เรื่องยังไงเดี๋ยวผมแจ้งให้ทราบนะครับ”

(แต่ว่า...)

(ตกลงตามนี้นะครับ สวัสดีครับ) ไม่รีรอให้ปลายสายแย้งออกมาอีก ดรัณก็จัดการรวบรัดตัดความวางสาย มองหน้าเจ้านายที่นั่งพิงพนักเก้าอี้มองมาที่ตนเช่นกัน

“ฉันส่งคอนโดให้แล้ว นายจัดการได้เลย” พูดจบก็ก้มหน้าลงเซ็นเอกสารต่อ

“เช่าหรือซื้อครับ” มือที่กำลังจะเซ็นเป็นอันต้องชะงัก เหลือบสายตาขึ้นมองลูกน้อง

“นายคิดว่าไง” ย้อนถามกลับเสียงเรียบ ก่อนจะก้มหน้าลงเซ็นเอกสารตามเดิม เลยไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของลูกน้องที่ยืนอมยิ้มอยู่หน้าโต๊ะทำงาน

“งั้นผมซื้อให้คุณเตยเลยแล้วกันนะครับ ถือเป็นของขวัญวันเกิดให้เธอเลย วันที่เจ็ดเดือนหน้าเป็นวันเกิดคุณเตยนะครับ”

“ฉันถาม” ไอ้นี่ชักจะเอาใหญ่ ทำงานเกินหน้าที่เกินค่าจ้างเกินไปแล้วไหม

“เปล่าครับ ผมแค่พูดคนเดียวเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นขอตัวไปจัดการของขวัญวันเกิดให้คุณเตยก่อนนะครับ ถ้าคุณเตยรู้ว่าเจ้านายซื้อให้เป็นของขวัญคงดีใจมากแน่ๆ” พูดทิ้งท้ายไว้ เดินยิ้มออกจากห้องทำงานไปจัดการงานที่ออกจะเกินหน้าที่ไปเสียหน่อย แต่ในเมื่อเจ้านายไม่ได้คัดค้านหัวชนฝา นั่นแสดงว่าสิ่งที่เอ่ยออกไปก่อนหน้าย่อมทำได้

นี่แหละเจ้านายเขาที่ชื่อภากร ภากรที่แปลว่า ปากไม่ตรงกับใจ

เมื่อประตูห้องทำงานปิดลง คนที่เหมือนไม่สนใจก็ละสายตาจากงานตรงหน้า เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ทอดสายตามองไปยังปฏิทินตั้งโต๊ะ ยื่นมือไปพลิกดูเดือนถัดไปสายตาเพ่งไปยังเลขเจ็ดตามคำสั่งของสมอง เรียวปากหยักยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเปิดปฏิทินกลับมายังเดือนปัจจุบัน

“นั่งอมยิ้มอะไรคนเดียวไม่ทราบครับท่านประธาน” เสียงเย้ากวนประสาทดังแทรกเข้ามา พร้อมกับเจ้าของเสียงเดินยิ้มเข้ามาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงหน้า

“มีอะไร” ฟ้าครามน้องชายเพียงคนเดียวของภากร และยังดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัทยิ้มให้ รอยยิ้มที่ภากรเห็นแล้วได้แต่ส่ายหน้า เพราะคงมีเรื่องอะไรมาให้ตามแก้อีกเป็นแน่แท้

“ทำไมถามน้องแบบนี้ล่ะครับพี่ตะวัน การที่น้องมาหาจะหมายความว่าน้องคิดถึงไม่ได้เหรอครับ”

ภากรส่ายหน้าให้คำว่าคิดถึงที่น้องชายบอก ไม่รู้เชื่อถือได้จริงกี่เปอร์เซ็นต์กัน คิดถึงตอนมีปัญหาน่ะสิไม่ว่า

“อย่ามาเล่นลิ้น มีปัญหาอะไรก็ว่ามา”

“ไม่ได้มีจริงๆ ครับ แต่ที่มาเนี่ยแค่จะมาบอกว่า...” แสร้งทำเป็นเว้นวรรคเพื่อกระตุ้นความอยากรู้ของพี่ชาย ซึ่งก็ดูเหมือนจะได้ผลเมื่อเห็นคิ้วเข้มค่อยๆ ขมวดมุ่นเข้าหากัน

“ตกลงจะพูดไหม ถ้าไม่ ประตูอยู่ด้านนู้น”

“ใจร้อนจริงพี่ชาย ก็แค่จะมาบอกว่าคุณย่าคิดถึงและถามหาหลานสะใภ้คนโปรดด้วย ช่วงนี้หายหน้าหายตาไปนาน พาเตยกลับไปหาย่าบ้างสิพี่”

ภากรแสดงสีหน้าเบื่อโลกออกมาอย่างชัดเจน หลานสะใภ้คนโปรดอย่างนั้นเหรอ

“หลานสะใภ้อะไร นายก็รู้ว่าพี่ไม่ได้อยากได้ยัยนั่นเป็นเมีย เป็นได้แค่ที่ระบายความเงี่ยนแค่นั้นแหละ นี่ถ้าคุณย่าไม่ขึ้นไปเห็นและบังคับนะ พี่ไม่มีวันยอมหรอก” ฟ้าครามฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า

เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ก็ยังเล่นด้วยกันอยู่เลย แถมพี่ชายตัวเองยังแอบปกป้องเกณิกาจากเด็กผู้ชายอยู่บ่อยครั้ง ตนไม่คิดว่าเหตุการณ์ในวันนั้นจะทำให้พี่ชายที่แสนดี แสนอบอุ่นจะเปลี่ยนเป็นเย็นชากับเกณิกาได้มากขนาดนี้

“พี่พูดแบบนี้ถ้าเตยมาได้ยินจะเสียใจเอานะครับ อีกอย่างเตยก็บอกไม่ใช่เหรอว่าไม่ได้เป็นคนวางยาพี่ และผมก็คิดว่าเตยไม่น่าทำแบบนั้นด้วย ที่เตยขึ้นไปเพราะคุณย่าท่านสั่งนะครับ และที่สำคัญเลยนะข้อนี้ พี่คือคนข่มขืนเตยนะ” คนฟังถอดถอนใจ ที่น้องชายกล่าวมาก็ถูก แต่ก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อยัยนั่นดันมาเช็ดตัวให้เขาเอง

“นายก็อีกคน เชื่ออะไรกับอีแค่ลมปากของผู้หญิงหน้าเงินคนนั้น อีกอย่างฉันก็ไม่ได้กินเหล้าจากคนอื่นเลยวันนั้น นอกจากเหล้าที่ยัยนั่นถือมาให้ และถึงแม้ยัยนั่นจะไม่ได้วางยาปลุกเซ็กซ์พี่จริงๆ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ผลาญเงินไปตั้งเท่าไหร่”

“ก็ป้าเตยไม่สบาย น้องก็ต้องเอาเงินไปรักษาไหมล่ะครับ”

“แก้ตัวแทนกันเก่ง นายก็เหมือนย่าหลงยัยนั่น เอ็นดูยัยนั่น ไม่สงสารพี่บ้างเลย คนที่น่าสงสารคือพี่ต่างหาก ที่ต้องเลิกกับมิลา เพราะต้องมารับผิดชอบผู้หญิงหน้าเงินอย่างยัยนั่น” ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห พาลไม่เข้าใจคุณย่าตัวเองด้วยซ้ำ ว่าทำไมต้องให้เขารับผิดชอบเกณิกาด้วย ในเมื่อยัยนั่นก็ยืนกรานว่าไม่ต้องการความรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น

ฟ้าครามพูดไม่ออก กับตรรกะความคิดของพี่ชาย ที่โยนความผิดตูมใหญ่ให้เกณิกาทั้งหมด ทั้งที่จริงเกณิกาต่างหากที่ต้องโกรธหรือเกลียดพี่ชายตน เพราะเธอคือผู้เสียหายก็ว่าได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel