บท
ตั้งค่า

3

"เย็นนี้แกกลับห้องช้านิดนะยัยดิว"

เสียงเพื่อนรูมเมทกระซิบบอก เมื่อถึงตอนพักทำกิจกรรม โอบเดือนขมวดคิ้วน้อยๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยมากเรื่อง ไม่ค่อยถามของเธอ ก็ทำให้เธอพยักหน้า

"อืม...ได้สิ"

"กลับมาสักสี่ทุ่มนะ ห้ามมาก่อนเวลาล่ะ"

นันทวรรณทำเสียงคาดคั้น กฎของปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัยนี้ คือถ้าพักหอพักต้องพักหอกับรูมเมทในคณะเดียวกันเป็นเวลาหนึ่งปี ก่อนที่จะแยกได้เมื่ออยู่ปีต่อไป ต้องพักเพศเดียวกันเท่านั้น ห้ามพักแบบหญิงชาย ห้ามนศ. หญิงขึ้นหอ นศ.ชายเกินเวลา นศ.ชายก็เช่นกัน เป็นการป้องปรามการเกิดเหตุชู้สาวไปในตัว แต่ก็อย่างว่ามีกฎก็ต้องมีแหกกฎ บางทีคนคุมหอพักหละหลวมบ้าง โดนสินบนใต้โต๊ะบ้าง ก็ปล่อยปละละเลยในบางหอ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกันไปก็มี

"เอ่อ..."

ไม่ทันจะตอบรับอะไร นันทวรรณก็ค่อยๆ คลานออกไปจากกลุ่มรุ่นน้องที่กำลังนั่งรับน้องกันอยู่ แล้ววิ่งปร๋อหายไปก่อนที่รุ่นพี่จะทันเห็นและเรียกตัวไว้ได้

"ซวยหน่อยนะยัยดิว อยู่กับยัยอิ๋วอะ ตัวแสบเลย"

เพื่อนที่นั่งถัดไปรีบกระเถิบเข้ามาหาโอบเดือน พร้อมกับบอกอย่างเห็นใจ

"ยังไงเหรอ"

โอบเดือนทำตาปริบๆ เธอเพิ่งมาอยู่กรุงเทพฯ ก็เพราะมาเรียนต่อในมหาวิทยาลัยนี้ที่เอ็นท์ติด ต้องห่างจากพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด ที่รักและเลี้ยงเธอแบบไข่ในหิน โอบเดือนค่อนข้างซื่อ มองโลกในแง่ดี นั่นเพราะคนรอบข้าง ต่างดูแลเธอมาแบบถนอม สาวน้อยแทบจะไม่เข้าถึงคำว่าด้านมืดของคน เพราะคนรอบตัวคอยปกป้อง คุ้มครองเธอไม่ให้เจอะเจอกับคนแบบนั้น โอบเดือนมักจะมองทุกคนในแง่บวกไว้ก่อน อย่างนันทวรรณ เพื่อนรูมเมทของเธอ ที่มาพักด้วยกันแค่ไม่ถึงอาทิตย์ บางอย่างก็เอาเปรียบเธอ แต่โอบเดือนก็หยวนๆ ก้มหน้าก้มตาทำไปเพราะไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องเสียเปรียบและเหนือบ่ากว่าแรงอะไร

"ยัยอิ๋วซิ่วมาจากคณะอื่น ก็ขึ้นชื่อลือชาอยู่ล่ะ ทั้งเรื่องร้าย แรง แล้วก็แรด" ทางนั้นเริ่มตั้งหน้าตั้งตา 'เล่า' อย่างเอาจริงเอาจัง

"เธออยู่ห้องเดียวกันไม่เคยเจออิทธิฤทธิ์ของยัยนี่บ้างหรือไงกัน ยัยดิว พี่สาวฉันเจอเต็มๆ จ้า ตอนอยู่ห้องเดียวกัน ถึงกับยอมเสียเงินค่าหอ แล้วก็เสียเงินค่าใต้โต๊ะให้กับคนเฝ้าหออะ ย้ายออกข้างนอก ปล่อยหล่อนครองห้อง เพราะไม่ไหวจริงๆ หิ้วกล้วยมานอนบ้าง...ทำห้องรกสกปรกไม่ยอมทำความสะอาด กินทุกอย่างในตู้เย็นไม่สนใจอะว่าคนเค้าซื้อไว้ สุดๆ ล่ะแม่นี่"

"หิ้วกล้วย?"

ไอ้คำนี้...มันฟังแล้วแปลกๆ คนพูดทำกลอกตาบน แล้วมองหน้าใสๆ ซื่อๆ ของโอบเดือน แล้วทำเสียงสูง

"ไม่รู้จริงอะ ว่าหิ้วกล้วยมันคืออะไรยัยดิว"

"ก็...หิ้วกล้วย"

คิ้วของโอบเดือนเริ่มขมวดเข้าหากัน สมองก็คิดไปด้วยว่าไอ้คำว่าหิ้วกล้วยที่เพื่อนว่ามันจะแผลงเป็นอะไรได้บ้าง แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก

"กล้วยนี่มันของกินไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องหิ้วมานอน ไม่หิ้วมากิน?"

"โอ๊ยยยย"

ทางนั้นลากเสียง แล้วหยิกแก้มป่องๆ ของโอบเดือนอย่างหมั่นไส้ ในความซื่อ...ซื้อ...ซื่อนี้

"ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งยะ หิ้วกล้วยก็" ว่าแล้วก็กระเถิบเข้าไปกระซิบ

"หิ้วผู้มากินไงล่ะ"

"หืม" โอบเดือนตาโตเบิกกว้าง ทางนั้นเห็นท่าทางของสาวซื่อก็กำชับอีกหน เพราะเกรงว่าแม่เจ้าประคุณจะไม่เข้าใจอีก

"กินที่ว่านี่ ไม่ใช่เอามาหั่นกินนะยะ กินแบบ แบบอื่นน่ะ อะไรของผู้ที่เหมือนกล้วยล่ะแก"

"เข้าใจแล้ว"

โอบเดือนหน้าแดงแจ๋เลยหนนี้ ทางนั้นเลยยักไหล่

"เรื่องมันเป็นแบบนี้ หล่อนอะเตรียมเดือดร้อนได้ หาที่นอนฉุกเฉินไว้บ้างก็ดีนะยัยดิว จริงๆ ก็อยากจะเสนอตัว แต่แบบ...จนใจที่อยู่กับนังกรีน ตัวใหญ่เต็มเตียง หล่อนคงมาเบียดลำบาก เพราะฉันก็ไม่ได้ตัวเบาๆ เต็มเตียงพอกัน มานอนด้วยกัน หล่อนกลายเป็นหมูแฮมกลางไส้แซนวิชพอดี"

โอบเดือนถึงกับขำกิ๊ก เพราะพอจะนึกภาพตัวเองออก ถ้าจะต้องไปนอนกับพวกของเนตรรัตน์เข้าจริงๆ เธอได้แต่พึมพำขอบคุณ และบอกว่าจะจัดการตัวเองได้ ถ้าเกิดว่า...เข้าห้องไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ

ความร้ายของนันทวรรณ ที่ทางนั้นเล่าให้ฟัง ทำให้โอบเดือนนึกหวาดอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าจะไปหาที่พักสำรองตอนนี้...มันก็คงจะยาก เธอก็จะต้องขอค่าใช้จ่ายจากทางบ้านเพิ่ม พวกท่านจะต้องถามไถ่ และเรื่องอาจจะบานปลาย โอบเดือนเป็นห่วงความรู้สึกของพ่อกับแม่ของเธอ เพราะรู้ดีว่าพวกท่านห่วงเธอมากขนาดไหน ที่มาเรียนที่นี่ไกลหูไกลตา ก็ต้องคอยไลน์รายงานทุกวัน วีดีโอคอลหากันเพื่อให้ท่านดูว่าเธอสบายดี

การเป็นไข่ในหินของพ่อแม่ที่ช่างปกป้อง กับคนแวดล้อมที่ทำกับเธอเหมือนเป็นเด็กตัวเล็กอยู่ตลอดเวลา บางหนก็ทำให้โอบเดือนอึดอัด และเกรงว่าถ้าเธอทุกข์ พวกเขาเหล่านั้นจะต้องทุกข์และเดือดร้อนไปกับเธอด้วย

ปีนี้เธออายุสิบแปดแล้ว...เป็นสิบแปดปีเต็มที่แทบจะไม่มีเรื่องร้ายใดๆ มาแผ้วพาน ไม่มีการสูญเสียครั้งใหญ่ อ้อ...มีหนหนึ่งคือแมวตัวโปรดของเธอตาย นั่นก็ทำให้เธอเศร้า แต่ที่เศร้ายิ่งกว่าคือพ่อแม่และคนแวดล้อมของเธอ เดือดร้อนกับการจากไปในครั้งนี้ของมัน เพราะท่านเกรงว่าเธอจะทุกข์ จะทนไม่ได้อีกถ้าจะต้องรับมือกับความสูญเสีย แน่ล่ะ...มันทำให้โอบเดือนอดเลี้ยงสัตว์อีกเลย จนเมื่อปีก่อนนี้ ท่านเห็นว่าจิตใจเธอน่าจะเข้มแข็งขึ้นแล้ว ถึงเอ่ยออกปากว่าอยากจะเลี้ยงอีกก็เลี้ยงได้นะลูก...

ท่านไม่รู้หรอกว่าโอบเดือนก็แอบเลี้ยงสัตว์นะ ก็คือตุ๊กแก จิ้งจกในห้องนั่นแหละ เหงามากเข้าก็คุยเล่นกับมัน เอาข้าวมาให้ จับแมลงมาให้จนพวกนี้ชักจะเชื่อง...เฮ้อ...

จริงๆ แล้วโอบเดือนเข้มแข็งกว่าที่พวกท่านคิดไว้เยอะ แต่พวกท่านนั่นแหละ ที่ตีโพยตีพายไปเหนือลูกสาว และดูจะอ่อนแอเสียจริง กับเรื่องความทุกข์ความสุขของเธอ

นั่นล่ะ...เรื่องนี้ขืนบอกไป ว่าเจอรูมเมทที่นิสัย...อืม...เธออาจจะโดนย้ายมหาวิทยาลัยก็เป็นได้ ฉะนั้น เธอควรจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ถ้ามันเกิดขึ้นด้วยตัวเอง

โอบเดือนตกลงใจกับตนเอง

"เอ้า! น้องๆ พักกันมามากแล้ว ลุยกันต่อเลยจ้า"

เสียงรุ่นพี่เรียกไปบูมดังขึ้น โอบเดือนลุกขึ้นอย่างไม่ลังเล ตอนนี้พวกเธอกำลังยืนเรียงหน้ากระดาน เพื่อจะทำความรู้จักกับพี่รหัสของตน คนที่จะช่วยดูแลช่วยเหลือน้อง ในเรื่องต่างๆ ในมหาวิทยาลัย เป็นเรื่องที่ดี ที่ส่งต่อกันรุ่นต่อรุ่น

"สวัสดี...จ้ะ"

เสียงทุ้มที่เอ่ยทักทายเธอ ทำให้โอบเดือนต้องเงยมองหน้าคนพูด เพราะความสูงของเขา ช่างต่างจากเธอยิ่งนัก

เมื่อเธอมองสบกับนัยน์ตาคมกริบวาวหวานนั่น มองใบหน้าที่มีเสน่ห์นั่น โอบเดือนก็ถึงกับตื่นตะลึง ตาค้าง อ้าปากหวอกันเลยทีเดียว

"พี่ชื่อไม้สน"

เขาเอ่ยแนะนำตัว เขาเองก็มองใบหน้ากลม จิ้มลิ้มน่ารักของอีกฝ่าย นัยน์ตาคมนั่น หลุบบังประกายบางอย่างไว้เสีย ก่อนจะเปิดขึ้นมาเต็มตาเพื่อมองหน้าของเธอให้ชัดอีกหน

"พี่รหัสของน้อง ยินดีที่ได้รู้จัก...จ้ะ"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel