บทที่ 6 เก็บอาการไม่อยู่
ส่วนชายหนุ่มใบหน้าอันหล่อเหลาที่สาวๆ เรียกร้องอยากให้ขึ้นร้องเพลงบนเวทีนั้น
“เชี่ยมอส สาวๆ มอ เราอยากให้มึงขึ้นร้องกันใหญ่เลยว่ะ” ร่างสูงในชุดตัวเดิมตั้งแต่เมื่อช่วงเช้ายันดึก ใบหน้าอันหล่อเหลากระตุกยิ้มที่มุมปาก นัยน์ตาคู่ดุเปล่งประกายหวานฉ่ำ
“มันเมาแล้ว เชี่ยเทล อย่า กูเตือนมึงไว้ก่อน อย่าเอาหน้าตาหล่อๆ ของมันขึ้นไปให้ขายขี้หน้าสาวๆ” แค่จะยืนยังเซ รามเอ่ยปากไล่ดีเทล
“ไม่ขึ้นเวที ไม่ว่า ไมพวกมึงมานั่งแดกกันหลังคอน ทำไมไม่ไปสนุกกับเขาอะ” ดีเทลถามด้วยสีหน้าสงสัย ไม่เห็นที่หน้าเวที ที่ไหนพวกเพื่อนเชี่ยนี้มันมานั่งแดกหลังเวทีแทน
“สัส เทล รถกูแม่งเละขนาดนั้น ใครมันจะสนุกลง” มอส เอ่ยน้ำเสียงยานมากที่เมากรึบๆ ได้ที่แล้วนั้น
“อ้าว แล้วไหนบอกไปตามหา ผู้ร้าย สรุปไม่ได้เรื่องอะไร”
“เสียเวลากูชิบหาย” มอสเอ่ยกับดีเทล ไอ้เจมส์มันลีลามากเรื่องบอกรู้จักคนโน้นคนนี้ วันนี้ผมแม่งก็ไม่ได้เรื่องอะไร
“ไง มึงเลยนั่งแดกเหล้ายอมใจ” ไอ้โรมว่าให้ผม เพราะตอนนี้ไอ้รามและไอ้วาคิมแม่งเท ผมกับไอ้โรม ไปสนุกที่หน้าเวทีแล้ว ส่วนเชี่ยคิณก็ขึ้นแสดง
“เขาเรียกคลายเครียดโว้ย...” ใครมันจะไปสนุกลง แค่ผมส่งคลิปให้โชว์รูมดู เห็นราคาแล้วต่อให้ผมจะรวยมากซื้อขับเล่นๆ อีกเป็นร้อยๆ คัน มาดามริช ก็ห้ามผมใช้ตังไปกับสิ่งของสิ้นเปลือง น้องเชอรี่ลูกรักของผมก็จัดอยู่ในหมวดนั้น ราคาที่ทางนั้นแจ้งมาเข่าผมแทบทรุด
“สรุปราคาเท่าไหร่ ถ้ามันแพงมากมึงก็แก้แค่บางจุดสิ สีห่าเหวไร มันขัดไม่ออกเลยเหรอวะ” ไอ้โรมถามผม
“เขายังไม่คอนเฟิร์มราคาที่แท้จริงมา พรุ่งนี้ต้องขับไปให้เขาดู” ใบหน้าอันหล่อเหลาเอ่ยด้วยสีหน้าคิดหนัก
“สัสมอส ระดับลูกเจ้ริช...แค่นี้ขนหน้าแข้งมึงไม่ล่วงหรอก”
“สัสโรม ละใครมันจะยอมจ่าย ของที่เราไม่ได้ทำวะ”
“หาตัวคนทำไม่ได้ แล้วมันจะใครละ ก็ต้องเจ้าของรถไหม ที่รับผิดชอบ หมา แมว แถวนั้นเปล่าทำรถมึง” โรมว่าให้กับมอส
3 วันต่อมา
@คณะศิลปศาสตร์
ร่างบางในชุดกระโปรงพลีทสั้น เสื้อนักศึกษาไซส์ XL ผมยาวจากสีดำ เปลี่ยนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง ด้านเชอเนมหลังจากที่จบงานนิทรรศการนี้ก็ผ่านมา 3 วันแล้ว สภาพที่นอนไม่เต็มหลับเต็มอิ่มของฉัน สีเละรถหรูซะขนาดนั้นใครมันจะนอนหลับ
“ยัยเนมเป็นไง เจ้าของรถคันนี้ พ่อลัมโบกินี่ เขายังไม่จับแกเข้าคุกใช่ไหม” พอฉันเดินเข้าในห้องเรียน ยัยวาววาที่นั่งข้างหน้าก็หันมาถามฉันทันที
“ยัยวา นี้ปากแกหรือนั้น พูดไม่เป็นมงคลเลย” ฉันว่าให้ยัยวาววา คนยิ่งเครียดๆ อยู่
“คงไม่แล้วล่ะ ฉันว่า เจ้าของรถคันนั้นอาจจะเป็นนักศึกษา หรือไม่อาจารย์จากมหาลัยอื่นก็ได้ วันนั้นงานนิทรรศการไม่ได้มีแค่ มอเรานิ” ยัยนับดาวสันนิษฐาน
“เออ น่าเป็นไปได้ โล่งอกไป 50 เปอร์เซ็นต์ พวกแกรู้ไหม ฉันนอนไม่หลับมา 3 วัน 3 คืนเต็มๆ”
“สวดมนต์ภาวนา ขอให้เขาไม่เอาเรื่องฉัน” วิธีไหนที่เพื่อนแนะนำมาฉันก็ทำหมดแล้ว รวมทั้งเปลี่ยนสีผม ทรงผมฉันก็ลองดู เผื่อเขาใจดี ถ้าเขาเอาเรื่องฉัน โทษหนักจะกลายเป็นเบา ทว่าในจังหวะนั้นวาววาและนับดาวถึงกับขมวดคิ้ว จะว่าไปวันนี้ยัยเนมดูแปลกๆ
“มีไร...” คนตัวเล็กเอ่ยด้วยสีหน้าสงสัย
“แกดูแปลกๆ ไปทำไรมา”
“สีผมป่าว...”
“นี้อย่าบอกนะเชอเนม ว่าแกเปลี่ยนแปลงตัวเอง เปลี่ยนลุคแล้ว” เพราะที่สองสาวสงสัยนั้น ดูสภาพแล้ว แทบจะไม่เปลี่ยนและต่างอะไรเลย
“นี้พวกแก ห้ามขำนะ ฉันเปลี่ยนได้เท่านี้แหละ”
“เห้ย...” วาววาถึงกับถอนหายใจ
“อย่าว่า แต่คู่กรณี พ่อหนุ่มลัมโบกินี่เลย เป็นฉันแบบนี้ก็ไม่ลดราคาให้หรอกนะ ดูสิ ทั้งหน้าทั้งผมแกดูได้ที่ไหน” เอ่ยจบนับดาวก็จับคนตัวเล็กหนุมเก้าอี้เข้าหาทันที
“แกยัยเนม หัดใช้หน้าสวยๆ ของแกให้เป็นประโยชน์บ้าง ไอ้แว่นกันแดดใหญ่ๆ นี้แกจะใช้มันทำไม ตาบอดสี หรือไง” นับดาวส่ายหัวให้กับรสนิยมของเชอเนม สวย น่ารักนะ แต่เพื่อนฉันนางแค่แต่งหน้าแต่งตัวไม่เป็นค่ะ
“หึ...นิฉันดูไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอแก”
“ส่องกระจก ก่อนออกจากบ้านไหมเถอะ” นับดาวเอ่ย
“ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทที่รักแกมาก ฉันคงไม่มานั่งบอกแกแบบนี้หรอก แกคงไม่พอใจ” นับดาวเอ่ยตรงไปตรงมา
“มะ...ไม่ดี ดีซะอีกถ้าพวกแกสองคนไม่บอก ฉันก็ไม่รู้ตัว ใครมันจะไม่อยากสวยละ จริงไหม”
“งั้นเย็นนี้เลิกเรียน เริ่มเลย ฉันจะไปเปลี่ยนทรงผมพอดี ร้านนี้ร้านประจำฉัน ออกแบบทรงเกาหลี เกาใจได้ถูกใจฉันมาก” วาววาไม่พูดเปล่า แต่นางกับยื่นสมาร์ตโฟนขึ้นมาเปิดดูภาพนางแบบผม
“ว้าว...ทรงนี้น่ารักมาก”
“เหมาะกับหน้าแบ๊วๆ อย่างแกเลยนะเนม” แต่ขณะที่สาวๆ กำลังดูแบบทรงผมอยู่นั้น
“เชอเนม เชอลิตา มีคนมาหาน่ะ” เสียงหัวหน้าห้องยัยคมสันเอ่ยมาเช่นนั้น ใบหน้าสวยถึงกับชะงักซีดเผือกลง
“แก...ใครอะ” เชอเนมหันไปถามคมสันชายหนุ่มหัวหน้าห้องใจหญิง
“คนหล่อ...คนนี้ หล่อมาก ตอนแรกคิดว่าจะอยากเจอฉัน แต่ที่ไหนได้ เรียกยัยเนม อร้าย.. อิจสุดๆ ฝากถ่ายรูปคนหล่อมาด้วยนะ คนนี้คมมี่รักเค๊า” ยัยคมสันเอ่ยมาเช่นนั้น ทำเอาฉันโล่งอกไปหน่อย แต่นั้นก็อดสงสัยไม่ได้คนหล่อที่ไหนจะมาอยากเจอฉัน หรือจะเป็นพี่นิกซ์เพื่อนพี่ปูเป้งั้นเหรอ ใบหน้าสวยถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยสีหน้าสงสัย
“ใคร...เหรอ” เชอเนมยังคงถามต่อ
“ไปดูเองสิ อย่าให้พี่เขารอนานละ เดี๋ยวคนหล่อฉันจะหงุดหงิด” ยิ่งยัยคมสันเอ่ยมาเช่นนั้น ฉันยิ่งสงสัยหนักเขาไปอีก
“ใครเหรอ หล่อมากขนาดไหนกันเชียวที่มาหาฉัน ยัยคมสัน คมมี่บอกมาแบบนั้นยิ่งอยากเห็น ถ้าไม่หล่อ ไม่เข้าตาฉันโดนหนักแน่” ฉันว่าให้ยัยคมมี่ ชื่อนี้นางตั้งเอง
“หล่อมากขนาดนั้นเลยนะพวกแก อยากจะกรี๊ดๆ” เมื่อคมสันเอ่ยมาเช่นนั้น เชอเนมก็ไปที่ห้อง 329 ทันที แต่ขณะที่ร่างบางเดินมาหยุดที่หน้าห้อง 329 นั้น ร่างบางถึงกับทำหน้างงงวยใครวะ คนหล่อๆ คนนั้น นี้ฉันไปรู้จักคนหล่อด้วยเหรอ แต่ช่างเถอะคงไม่ใช่เจ้าของรถอย่างที่ฉันคิดก็พอแล้ว
!! พรึ่บ!! มือเรียวที่เปิดประตูเข้าห้องนั้น ภาพตรงหน้าที่เห็น ร่างสูงในชุดเสื้อนักศึกษาพับแขน เปิดกระดุมโชว์แผ่นอกขาวจั้วถึงสองเม็ด ใบหน้าอันหล่อเหลาของคนตรงหน้าสบตาเข้ากับเธอ เชอเนมที่เห็นร่างสูงรูปงามอันคุ้นตานั้น คนตัวเล็กถึงกับตาค้าง พระเจ้าฉันเจอเขาอีกแล้ว หล่อไม่ไหว อยากจะกรี๊ดๆ พี่...พี่มอสคนนี้คือหล่อมาก ได้แต่เก็บอาการ
“เธอ...ใช่ไหม เชอลิตา” มอสสบตาเข้ากับคนตัวเล็ก ที่เธอตกใจ ชะงักหลงเสน่ห์เขาจนตาค้าง
‘เขารู้จัก ชื่อฉัน’ มือเรียวยกขึ้นมาปิดที่ปาก เธอดีใจหัวใจพองโตที่เขารู้จักชื่อฉัน เชอเนมเปลี่ยนสีหน้าตกใจ ให้ดูเป็นปกติ เธอมองเขา ตาพริบๆ นัยน์ตาคู่สวยมองคนตรงหน้าเป็นประกายหวานฉ่ำ รามที่เห็นอาการของหญิงสาวตรงหน้าถึงกับกลั้นขำไม่ไหว มอสจ้องมองคนตัวเล็กด้วยสายตาดุดันโกรธ พร้อมเอาเรื่องสุดๆ แต่เธอมองหน้ามันเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ เห็นแล้วสงสารไม่ไหว
ส่วนอีกคนกับมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันหลงไหล คนตรงหน้าตกเขาอย่างจังๆ หึ...เธอจะรู้ไหมเถอะ ว่าเพื่อนเขามันพร้อมเอาเรื่องเธอสุดๆ แล้ว