ดลใจให้มาที่นี่
“อืม..”
เขาแกล้งคิดเพื่อถ่วงเวลาเธอสักเล็กน้อย
“ถ้าอย่างงั้น เจอผมที่ผับท้ายซอยก็ได้ครับ ซอยที่คุณไปเมื่อคืนวานน่ะ”
เธอนึกขึ้นได้ว่าเธอไปที่นั่นแล้วเขาทำงานตรงนั้น ผับที่ลูกค้านัดเธอเมื่อคืนวาน
“อ่าวแล้วทำไมฉันไปผับนั้นไม่ได้ล่ะคะ มันก็ใกล้ดีนะ ทำไมต้องเป็นผับท้ายซอย”
เธอถามเขาด้วยความสงสัย เพราะท้ายซอยก็ลึกอยู่ถึงจะไม่เงียบเลยเธอก็ไม่อยากเดินผ่านสายตาใครต่อใครหลายคนเข้าไปในนั้น
“ผมอยากให้คุณไปผับท้ายซอยมากกว่าครับ ลูกค้าที่นั่นไม่เยอะจนเกินไปไม่แออัดแล้วก็กว้างกว่า แล้วอีกอย่างผมเลิกงานที่ผับนั้น เราจะได้มีเวลาคุยกัน หากว่าวันไหนคุณว่าง แล้วก็ไม่ต้องรีบตื่นไปทำงาน ถ้าอยาก Relax ก็ไปหาผมที่นั่นได้ครับ” รติกาลอธิบาย
“งั้น ตกลงค่ะ เอ่อ ฉันขอตัวนะคะ ไว้เจอกันค่ะ” เธอตอบเขาพร้อมกล่าวอำลา
“น่าเสียดายจังเลยนะครับถ้าเสื้อผ้าผมแห้งผมคงไปส่งคุณได้”
เธอชะงักมือจับลูกบิดประตู หญิงสาวผลักประตูออกแล้วหันมาบอกเขาว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เธอส่งยิ้มให้เขาปิดประตูแล้วก็เดินจากไป รติกาลนึกอะไรขึ้นได้บางอย่าง จึงรีบกระโดดลงจากเตียงแล้วเปิดประตูชะโงกหน้าออกไปเรียกเธอ
“คุณญาดาครับ”
“คะ!!!” เธอหยุดแล้วหันมาทางเขา
“คราวหน้าถ้าคุณต้องไปที่อโคจร อย่าเดินก้มหน้าดูมือถือเป็นอันขาดนะครับ ผมเกรงว่าคุณจะไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้”
เขาเตือนเธอ ญาดาหลุบตาลงกลอกตามองพื้นไปมา อย่างคนกำลังใช้ความคิด แล้วก็เงยหน้ามองเขา
“ค่ะ”
เธอตอบรับคำแล้วส่งยิ้มให้รติกาลพร้อมทั้งยกมือโบกไปมาให้ชายหนุ่มเป็นการบอกลา รติกาลโบกมือลาตามหลังเธอทำหน้ามุ่ย
“แล้วเราจะได้เจอกันอีกไหมนะ”
เขาทำหน้าเศร้าก้มหน้ารับความจริงแล้วปิดประตูเดินไปขึ้นเตียงหลับตาลงนอนต่อ ในขณะที่เขาอยู่ในอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น เสียงหนึ่งที่เขาคุ้นเคยก็ดังขึ้น
“กาล รติกาล”
เสียงนั้นเรียกชื่อเขาเป็นเสียงที่ทุ้มลึกดังก้องกังวานอยู่ในหัวจนทำให้เขาสะดุ้งโหยง เขาหรี่ตามองตามเสียงเห็นชายร่างสูงใหญ่ ล่ำสัน หน้าตาหล่อเหลา แม้จะมีอายุขัยนับพันปี แต่ก็ยังดูเหมือนคนอายุราว 45 ค่อยๆ ปรากฏกายขึ้นอยู่ข้างเตียงนอนของชายหนุ่มแล้วเอ่ยทักทายทำให้เขาตื่นเต็มตาทันที
“ไงลูกพ่อ”
“ท่านพ่อ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
เขารีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อลงไปทำความเคารพผู้เป็นบิดา รติกาลคุกเข่าลง 1 ข้าง ใช้มือ 1 ข้างแตะที่เท้าพ่อแล้วแตะหน้าผากตัวเองแล้วจึงลุกขึ้น มันเป็นธรรมเนียมของพวกเขามาช้านาน จากนั้นชายหนุ่มก็โผเข้ากอดบิดา ตามประสาพ่อลูกที่ไม่ได้เจอกันมานาน ผู้เป็นพ่อตบหลังลูกชายเบาๆ
“ไม่เห็นต้องพิธีรีตองเลยลูกรัก”
“ท่านพ่อมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
รติกาลถามบิดาด้วยความสงสัยอย่างหนัก
“มานานแล้ว ตั้งแต่ลูกเอาแม่สาวผมทองนั่นอยู่ แต่พ่อขี้เกียจดู”
ผู้เป็นพ่อพูดพลางเอียงคอยักไหล่ขวา
“พ่อเลยไปนั่งรอที่ผับที่ลูกทำงานอยู่ผับแรก กะว่าพอลูกเสร็จกิจกับแม่หญิงผมทองคนนั้น พ่อถึงจะมาหาใหม่ แต่บังเอิญว่า ไปเจอแม่หนูคนนั้นเสียก่อน ตอนแรกกะจะตามไปเพื่อช่วยเธอ แต่ดันนึกได้ ว่าพ่อช่วยเธอไม่ได้ พ่อเลยดลจิตดลใจไอ้เลวสองคนนั่น ให้มันพาสาวน้อยคนนั้นมาที่นี่ในเวลาที่พอเหมาะพอควร”
“เอ้า!? งั้นท่านพ่อก็เห็นหมดสิครับ ว่าผมอ่ะทำอะไรบ้าง”
เขาพูดและรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดง
“แหม ไอ้ลูกรักไม่ต้องอายหรอกเรื่องพวกนี้ธรรมชาติของผู้ชาย พ่อเป็นมาก่อน ก่อนจะเจอแม่ของลูกพ่อก็หาอยู่นานเหมือนกัน ถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาคงติดโรคตายห่าไปนานแล้ว” ผู้เป็นพ่อกล่าว
“แล้วท่านแม่เป็นยังไงบ้างครับ”
รติกาลถามถึงมารดาผู้ให้กำเนิด
“ก็..เธอยังคงอยู่ที่นั่นแหละ ออกมาไม่ได้หรอก ขืนฝืนออกมา สภาพเธอคงค่อยๆ เปลี่ยน แล้วคงตายจากพ่อไป พ่อไม่อยากตามหาเธอข้ามภพข้ามชาติอีก ที่นั่นช่วยรักษา ทั้งดวงจิต และกายหยาบของเธอไว้ ให้คงสภาพเดิม ทำยังไงได้ ก็แม่ของลูกเป็นมนุษย์นี่นา แล้วลูกล่ะ เป็นยังไงบ้างลูกรัก ลูกเจอผู้หญิงของตนเองสักครั้งรึยัง”
เขาถามกลับลูกชาย ผู้เป็นพ่อรู้ดีว่าหลายร้อยปีมานี้ รติกาลผ่านผู้หญิงมามากหน้าหลายตา แต่ก็ยังไม่เจอคนที่จะสามารถรับพลังไอปีศาจที่สืบทอดไปจากเขาได้
“ยังเลยครับท่านพ่อ ผมยังไม่เจอเธอคนนั้นเลย” รติกาลตอบ
“อ๋อ ของแบบนี้มันอยู่ที่โชคชะตา แม้แต่ตัวพ่อเอง กว่าจะเจอแม่ของลูก พ่อก็ต้องใช้เวลาถึงแม้ว่าพ่อจะล่วงรู้หลายๆ อย่าง แต่เรื่องนี้พ่อกลับล่วงรู้มันไม่ได้เลย ถึงรู้พ่อก็ไม่สามารถบอกได้ เอาเป็นว่าถึงเวลาเธอคงจะมาเจอลูกเอง”
เขาพูดปลอบใจรติกาลพลางตบไหล่เขาเบาๆ
“ครับท่านพ่อ”
เขาตอบพ่อพร้อมทั้งก้มหน้าหลุบตาลงเพื่อไม่ให้พ่อสังเกตเห็นความเศร้าหมองในจิตใจของเขา แต่ถึงอย่างไร พ่อก็คือพ่อ เขาตบไหล่ลูกชายเบาๆ อีกครั้ง แล้วบอกกับลูกชายว่า
“ไม่ต้องห่วงนะ พ่อว่าลูกจะเจอเธอคนนั้นสักวัน แต่ลูกก็ไม่ได้เหงานี่ ใช่ไหมเห็นมีสาวน้อยสาวใหญ่แวะเวียนมาให้ได้ใช้งานไม่ขาดสายนี่ ฮ่าๆๆๆ” พูดแล้วก็หัวเราะเสียงดังลั่น
“ครับ” รติกาลตอบ
“เอาเป็นว่าครั้งนี้ พ่อนำข่าวสารจากแม่เจ้ามาบอกเจ้า เธอคิดถึงลูกมากแล้วจะมาเองให้ได้อันที่จริงก็พอจะมาได้อยู่ล่ะ แต่กลัวเธอไม่ยอมกลับเธออยากให้ลูกพาผู้หญิงของลูกกลับไปเยี่ยมพวกเราบ้าง เธออยากอุ้มหลาน พ่อขออวยพรให้ลูกชายของพ่อเจอผู้หญิงคนนั้น ในเวลาอันใกล้นี้”
“ครับท่านพ่อ”
รติกาลตอบรับในสิ่งที่พ่อพูด ในใจก็คาดหวังให้เป็นอย่างนั้น
“พ่อคงต้องไปแล้ว เกรงว่าหากไม่เห็นพ่อนานเกินไปแม่ของลูก จะหาทางออกมายังโลกมนุษย์ เดี๋ยวจะเกิดปัญหาใหญ่เปล่าๆ ยังไงซะ ถ้าลูกยังไม่เจอผู้หญิงคนนั้น ก็อย่าลืมกลับไปเยี่ยมแม่บ้างล่ะ”
“ครับผม”
เขารับคำผู้เป็นพ่ออีกครั้ง จากนั้นผู้เป็นพ่อก็ค่อยๆ เลือนรางจางหายไป รติกาลจึงรีบบอกกับพ่อว่า
“ฝากบอกท่านแม่ด้วยนะครับ ว่าลูกก็คิดถึงท่านแม่มากเช่นกัน”
ผู้เป็นบิดายิ้มให้กับบุตรก่อนรอยยิ้มจะจางหายไป
12:45 น.
“มาแล้วเหรอคะคุณญาดา”
เสียงแม่บ้านประจำบริษัทที่เธอทำงานอยู่ร้องถาม เธอหันไปยิ้มให้แม่บ้านที่ทักทายเธอ แล้วก็บอกกับแม่บ้าน ให้เอากาแฟดำไปให้เธอที่ห้องทำงานด้วยแม่บ้านรับคำแล้วก็เดินเข้าห้องไปทำกาแฟให้เธอ จากนั้นก็ถือถ้วยกาแฟ เดินตามหลังไปยังโต๊ะทำงานของเธอ
“นี่ค่ะคุณญาดากาแฟดำ”
แม่บ้านวางถ้วยกาแฟไว้บนโต๊ะทำงานของเธอ เธอหันมายิ้มให้แล้วตอบกลับแม่บ้าน อย่างมีมิตรไมตรี
“ขอบคุณค่ะป้าน้อย ป้าน้อยไปทำงานต่อเถอะค่ะ”
แม่บ้านได้ยินเช่นนั้น เธอก็ยิ้มให้หญิงสาวแล้วก็เดินออกไป
เลขาของเธอ เคาะประตูหน้าห้องแล้วเอาเอกสาร วาระการประชุมมาให้เธอ
“ขอบคุณนะเจน”
“ยินดีค่ะ คุณญาดา”
เธอตอบแล้วเธอก็เดินออกจากห้องทำงานของญาดาไป
ญาดายกกาแฟขึ้นจิบพลางพลิกเอกสารดูวาระการประชุมต่างๆ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีเธอก็ปิดแฟ้มเอกสาร และยกกาแฟซดจนหมดถ้วยระหว่างที่รอเข้าประชุมเธอก็เฝ้านึกถึงแต่ใบหน้าของรติกาล
ติ๊ง เสียงข้อความดังขึ้นเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่าน
‘ที่รัก ผมคิดถึงคุณ ผมขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้ไปหาคุณ เมื่อคืนวาน พอดี ผมติดธุระด่วน’
คำพูดใน Messenger นั้น ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย เธอกลับรู้สึกว่า เหมือนกำลังถูกซ้ำเติม ใช่แล้วเมื่อคืนแฟนของเธอนัดเธอว่าจะไปรับเธอที่ผับ หลังเธอคุยกับลูกค้าเสร็จและเขาไม่อยากเสียเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันเลยให้เธอเปิดห้องที่โรงแรมเอาไว้ด้วย ซึ่งบังเอิญว่าที่ที่ลูกค้านัดเธอนั้นเป็นผับที่รติกาลทำงานอยู่
เธอไม่รู้ว่าเขาจะติดธุระเธอจึงไม่ได้เอารถยนต์ส่วนตัวของเธอไป เธอยอมนั่งแท็กซี่ เพื่อรอเขาไปรับที่นั่นหลังเสร็จธุระ และหวังว่า เขาจะมารับเธอกลับที่พักที่ได้จองเอาไว้ แล้วเธอเองก็อยากใช้เวลาอยู่กับ
เขาด้วยตามประสาคนคบกันมานานแต่ไม่ค่อยมีเวลาได้เจอ หลายครั้งที่นัดกัน เขาจะมีธุระด่วนเข้ามาเกือบทุกครั้งจนเธอเซ็ง
สุดท้ายเธอรอจนแล้วจนเล่า จนเลยเวลาผับปิดเขาก็ไม่โผล่หัวมาให้เห็น เธอต้องเดินออกมาคนเดียวและพยายามกดโทรหาเขา เขาก็ไม่รับสาย เพราะมัวแต่ก้มหน้าพยายามติดต่อแฟนจนไม่ทันระวังตัว เลยต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ โดยไม่ได้คาดคิด แต่ยังโชคดีที่มีคนเห็นเข้าและช่วยเธอเอาไว้ได้ ไม่อย่างงั้นชีวิตของเธออาจจะไม่มีโอกาสได้มานั่งอยู่ตรงนี้แล้วก็ได้