ตอนที่4(จูบแรกของกันและกัน)
“ให้จูบจริงดิ?”เขาทำหน้าทะเล้นถามฉัน ฉันก็มองหน้าเขา
“ไม่จริง!!”ฉันตอบเขาไปและในจังหวะนั้นฉันก็จัดการใช้เข่าของฉันเตะเข้าไปที่ของสงวนของเขาเต็มๆเลย แน่นดีจริงๆเอ้ยไม่ใช่ล่ะ!!!
โพล๊ะ แหวกกกก
“โอ้ยยยยยย!”เสียงร้องโอดโอยของเขาพร้อมกับร่างสูงที่ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นอย่างคนที่หมดแรง หน้าตาเหยเกของเขาบ่งบอกได้ว่าเขาเจ็บและจุกมากเพียงใดแต่ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเขาจะดึงอะไรขาดไปเพราะฉันได้ยินเสียง
“ทีหลังอย่ามาทำทะลึ่งกับฉันอีก ฉันไม่ชอบ!!”ฉันชี้หน้าเขาพลางใส่อารมณ์ในน้ำเสียง เขาก็เงยหน้าเหยเกของเขาขึ้นมามองฉันและเขาก็ค่อยๆเบิกตาทั้งสองข้างของเขาโตขึ้นเรื่อยๆเหมือนคนที่ตกตะลึงเห็นเข้ากับอะไรสักอย่าง
“ขาว”
“ใหญ่”
“ชมพู”นายนั้นพูดออกมาด้วยนำ้เสียงแผ่วเบาพลางทำหน้าเคลิ้มฝันและเขาก็กลืนน้ำลายลงคอดังอึกใหญ่ ฉันก็มองตามสายตาของอีตานั้นมาเรื่อยๆจนมาสะดุดเข้ากับหน้าอกที่ใหญ่โตมโหฬารของตัวเองและฉันก็อ้าปากค้างออกมาด้วยความตกใจ
พรึบ
“ไอ้บ้า!ไอ้โรคจิต!!”
“ไอ้ลามก!!”
“ไอ้ไอ้ไอ้!!”ฉันรีบชายเกาะอกขึ้นมาปิดหน้าอกตัวเองและร้องตะโกนด่าเขาไปด้วย เขาที่เหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์หลังจากที่จดจ้องหน้าอกของฉันเต็มตาแล้วเขาก็เหมือนจะได้สติ สงสัยเห็นของของฉันหายเจ็บเลยมั้งน่ะ
พรึบ
“ผมไม่ได้พิศวาสอะไรคุณมากมายหรอก แฟนผมนะสวยกว่าหุ่นดีกว่าและนมใหญ่กว่าคุณตั้งมากมาย”เขายืนขึ้นและถอดเสื้อสูทมาคลุมร่างให้ฉันพลางเอ่ยพูดจาดูถูกฉัน ถ้าของแฟนนายใหญ่กว่าของฉันจริงเนี่ยทำไมต้องทำสายตาเคลิบเคลิ้มขนาดนั้นด้วยย่ะ เล็กกว่าของฉันล่ะสิไม่ว่า
“ไอ้ลามก!”ฉันมองค้อนเขาและค่อยๆถอยห่างจากเขามา เขาก็มองต่ำลงมาที่เท้าของฉันที่มันแปลกพิศดารกว่าคนอื่นก็เพราะฉันใส่ส้นสูงข้างเดียวน่ะสิ ตายแผนแตกแน่
“ถ้าผมลามกคุณมันก็บ้าล่ะว่ะ คนอะไรเอารองเท้าส้นสูงมาจี้เอวคนอื่นบอกว่าเป็นปืน”
“แล้วนายก็เชื่อ?”
“ใครเชื่อก็โง่แล้วคุณ!!”เขาตวาดเสียงใส่ฉันอย่างไม่พอใจ นี่แสดงว่าเขารู้ตั้งแต่แรกแล้วอย่างงั้นเหรอ?หน้าแตกดังเพล้งเลยฉัน
“โห่แล้วทำเหมือนเชื่อ!”ฉันพูดอย่างนึกเสียดายเวลา ถ้าฉันไม่จมปรักเชื่ออีตาบ้านี่น่ะ ป่านนี้มีหวังฉันได้ไปหาเยื่อรายใหม่แล้ว
“อ้าว ก็เห็นคุณจริงจัง^_^”
“กวนประสาท!”ฉันเบะปากใส่เขาอย่างนึกหมั่นไส้และก้มลงไปถอดรองเท้าอีกข้างเพื่อจะให้มันเดินได้สะดวกขึ้น
“แล้วคุณต้องการเงินจำนวนนั้นไปทำอะไรอ่ะ?”เสียงฝึเท้าหนักๆที่เดินตามหลังฉันมาเอ่ยถามฉันขึ้น
“ทำไมคุณจะให้เงินฉันรึไงถ้าฉันบอก?”ฉันยกชายกระโปรงขึ้นมาและเดินเร่งฝีเท้าเพื่อไปหาที่นั่ง ตอนนี้ฉันรู้สึกเจ็บข้อเท้ามากและรู้สึกโหวงๆเหวงๆที่ส่วนบนด้วย
“ก็ไม่แน่ ผมอาจจะใจดีอยากช่วยคนแปลกหน้าก็ได้”
“แล้วทำไมคุณพูดไทยได้ล่ะ?”ฉันเอ่ยถามเขาไปอย่างสงสัยเป็นในจังหวะเดียวกับที่ฉันเดินมาถึงม้านั่งเรียบร้อยแล้ว และฉันก็ไม่รอช้าที่จะทิ้งก้นงอนๆงามๆขตัวเองลงไปนั่งบนม้านั้น
“ก็ผมมีเเฟนเป็นคนไทย”เขาตอบฉันมาพลางทิ้งตัวลงนั่งข้างๆฉัน
“ไม่ต้องใกล้มากก็ได้”ฉันบอกเขาพลางใช้มือชี้บอกเขาในขณะที่เขาจะขยับเข้ามานั่งชิดตัวฉัน
“คุณนี่ก็เเปลกคนเนอะ?”เขามองฉันพลางจ้องฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าเท้าจรดหัว
“แปลกยังไงย่ะ?”ฉันดึงเสื้อของเขามาปิดหน้าอกตัวเองที่ข้างมันผ้าทำให้เสื้อเกาะอกของฉันจะคอยหลุดอยู่เรื่อย ก็อีตาบ้านี่นั้นแหละ ตอนที่เขาจะล้มลงไปสงสัยจะดึงชุดของฉันลงไปด้วยน่ะสิ หึย!!
“ก็คนดีๆที่ไหนเขาไม่มาปล้นผู้ชายหรอกคุณ!”
“เอ้าก็ฉันจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆหนิคุณ!”
“จะเอาเงินมากมายนั้นไปทำอะไร?”
“มองหน้าตาการแต่งกายของคุณก็มองเป็นคนมีเงิน”เขาไม่ว่าเปล่ายังจ้องมองฉันแต่เขาไม่ได้เลื่อนสายตาไปไกลจากหน้าอกฉันเลยน่ะย่ะ
“จะจ้องอีกนานไหม?”ฉันตวัดสายตามองเขาไปด้วยความไม่พอใจ เกิดมามีของใหญ่ก็แบบนี้แหละ ลำบากจริงๆอยู่ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัย พวกผู้ชายมันก็เลวแบบนี้เหมือนกันทุกคนนั้นแหละ
“ก็มันใหญ่เห้ยไม่ใช่ๆๆ!”เขาเผลอพูดออกมาและเมื่อนึกได้เขาก็รีบทำท่ารนรานทันที
“เห้อ!”ฉันผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายและเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ไปอย่างคนที่สิ้นหวังแล้วทุกอย่าง
“ผมขอโทษ”เขาเอ่ยขอโทษฉันด้วยนำ้เสียงที่รู้สึกผิดจริงๆ
“ไม่เป็นไรหรอก”ฉันบอกเขาพลางอย่างไม่สนใจ ถ้ามันคิดจะปล้ำฉันน่ะ ฉันจะกระทืบน้องชายมันให้สูญพันธุ์ไปเลยคอยดู
“ไม่เป็นไร?”เขามองหน้าฉันอย่างไม่อยากเชื่อ
“แล้วทำไมล่ะ หรือว่านายอยากให้ฉันโกรธนาย”
“ก็ไม่อ่ะ ผมมีศัตรูก็เยอะพอตัวอยู่แล้วอยากจะหาพันธมิตรบ้าง”เขาบอกฉันพลางเอนแผ่นหลังพิงเข้ากับพนักเก้าอี้ตัวเดียวกับฉัน นำ้เสียงของเขาฟังดูเหนื่อยๆ
“นายไม่มีเพื่อนหรือไง?”
“ไม่อ่ะ แล้วคุณล่ะ?”เขาตอบฉันและถามฉันกลับเขาเหลือบตามามองหน้าฉัน ฉันก็มองหน้าเขาและยิ้มขำๆออกมา
“มีสิ เพื่อนฉันเยอะแยะแต่ไม่ได้อยู่ที่นี้”
“เออจริงสินะ คุณเป็นคนไทยนี้น่า”
“ใช่แล้วคุณล่ะ?เป็นลูกครึ่งเหรอ?”
“เปล่าหรอก พ่อแม่ผมก็เป็นคนญี่ปุ่นทั้งคู่แต่พอดีพ่อผมมีภรรยาลองเพราะท่านอยากมีลูกสาวและท่านก็ไปมีภรรยาเป็นคนไทยผมจึงมีน้องสาวเป็นคนไทยแต่ธุรกิจของผมมันอันตรายเกินไปน่ะที่จะพาน้องสาวมาอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วยกันผมเลยต้องไปญี่ปุ่นกลับไทยอยู่บ่อยๆเลยทำให้ผมพูดภาษาไทยได้คล่อง”เขาบอกฉันมาเหมือนเขาอยากจะระบายความในใจกับใครสักคน
“แต่ชีวิตคุณก็น่าจะมีความสุขมากไม่ใช่เหรอ?”
“ก็ใช่น่ะ แต่มันก็เหมือนขาดอะไรบางอย่างไปอยู่ดี”เขาพูดเสร็จเขาก็เงียบไปฉันจึงหันหน้าไปมองหน้าเขาก็เห็นว่าเขาหลับตาอยู่ ใบหน้าที่หล่อไร้ที่ติขาวใสไม่มีริ้วรอยไม่รอบแผลเป็นริมฝีปากสีชมพูระเรื่อที่ไม่ต้องแต่งเติม เป็นโครงหน้าที่เพอร์เฟคที่สุด
“แล้วคุณล่ะ มาทำอะไรที่นี้?”เขาถามฉันทั้งๆที่ยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมามองฉัน
“เล่ามาเถอะยังไงๆพอพ้นคืนนี้ไปเราก็ไม่ได้เจอกันอยู่ดี”เขาพูดออกมา ฉันก็คิดตามใช่เดี๋ยวพอพ้นวันนี้ไปเราก็ไม่ได้เจอกันอยู่ดี
“นั้นสิเนอะ^_^”
“อืม”
“พ่อฉันเป็นคนญี่ปุ่นแต่ไปพบรักกับแม่ฉันที่ประเทศไทยและท่านทั้งสองก็ตกลงที่จะแต่งงานอยู่กินกันที่ประเทศไทยและมีฉันเกิดมาแต่พอฉันได้สิบขวบพ่อกับแม่ก็หย่ากันและเขาก็ทิ้งให้ฉันอยู่กับแม่แค่สองคนฉันต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย”
“น่าเหนื่อยจริงๆ”เขาบอกฉันอย่างคนที่เห็นใจฉัน ฉันก็อมยิ้มและเริ่มเล่าต่อ
“ใช่ ฉันเหนื่อยมากจริงๆแหละและพอฉันอายุสิบแปดแม่ก็มีสามีและที่บัดซบไปกว่านั้นคือแฟนใหม่และลูกชายของแฟนใหม่แม่ฉันจ้องจะปล้ำฉันทั้งสองคนเลย”
“เห้ยจริงดิ!”ที่นี้หมอนี่ลืมตาตื่นมาจ้องมองหน้าฉันอย่างตกใจ
“คุณไปอ่อยเขารึเปล่า?”
“นี่นาย!”ฉันลุกขึ้นนั่งตัวตรงชี้หน้าเขาด้วยความไม่พอใจ
“ขอโทษๆผมล้อเล่น^_^”เขายกมือสองข้างขึ้นมาทำท่ายอมแพ้
“ไม่เล่าแล้ว!”
“เล่าเหอะ ผมอยากฟัง”เขามองมาที่ฉันพลางทำสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นจริงๆนั้นแหละ
“แล้วตกลงเขาสองคนพ่อลูกปลุกปล้ำคุณได้ป่ะ?”
“นี่นาย!!!”
“พอโกรธแล้วสรรพนามเปลี่ยนทันทีเลยวุ้ย^_^”เขาทำท่าล้อเลียนฉัน ฉันก็มองค้อนเขาและยกแขนขึ้นมากอดอก
“มาทำอะไรที่นี้อ่ะ?”อยู่ดีๆเขาก็เอ่ยถามฉัน
“แล้วนายล่ะมาทำอะไร?”
“ผมถามคุณก่อนนะคุณก็ต้องตอบผมก่อนดิ”
“พ่อฉันมารับตำแหน่งที่นี้”
“รับตำแหน่ง?”เขาทวนคำตอบฉันพลางขมวดคิ้วอย่างงุนงง
“ก็พ่อฉันเป็นท่านนายกรัฐมนตรีน่ะสิ!”ฉันกระแทกเสียงใส่เขาไป เขาก็หน้าเหวอมองหน้าฉันด้วยความตกใจ
“ทำไม พ่อฉันเป็นหนึ่งในศัตรูของนายรึไง?”ฉันถามเขาไป เขาก็จ้องมองหน้าฉันตาไม่กระพริบ ฉันก็มองหน้าเขาพลางขมวดคิ้วอย่างงุนงง
“เธอชื่อซาโยโกะจังอย่างงั้นเหรอ?”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม?”ฉันเอ่ยกวนเขาไป
“พ่อเธอชื่ออะไร?”
“เอ้าอีตานี่ถามแปลกๆก็พ่อฉันเพิ่งจะได้รับการเลือกตั้งขึ้นเป็นนายกจะให้ชื่ออะไรล่ะย่ะ!”ฉันก็โวยใส่เขาและในจังหวะนั้นฉันเองก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่กำลังเดินมุ่งหน้ามาทางนี้
“หาตัวนังซาโยโกะให้เจอ มีคำสั่งให้จับเป็น!”เสียงเหี้ยมเกรียมตะโกนดังลั่นทำให้ฉันหันไปชะเง้อคอมองหาต้นเสียงเพราะรู้สึกเหมือนเขาจะเรียกชื่อฉันไม่ใช่เหรอไง แต่ร่างของฉันก็โดนกระชากลงไปบนร่างของผู้ชายคนนั้นอย่างไว
พรึบ
“ทำอะอื้อออ”ฉันเบิกตาโพรงขึ้นด้วยความตกใจเมื่อริมฝีปากของฉันถูกอีตาบ้านี่บดขยี้อย่างรุนแรงมือทั้งสองข้างของฉันก็ทุบตีลงไปบนแผ่นหลังของเขาหลายตุบยิ่งฉันทุบเขาแรงมากขึ้นเท่าไหร่อีตาบ้านี่ก็ยิ่งบดขยี้ริมฝีปากฉันแรงมากขึ้นเท่านั้น ฉันจะหายใจไม่ออกอยู่แล้วเนี่ย!
“เห้ยอะไรของเด็กสมัยนี้ว่ะ ไม่รู้จักอายกันบ้างเลย!”เสียงของใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ฉันกำลังจะหันหน้าไปขอความช่วยเหลือ
“อื้อออออออ่ยโอออ”
“จ๊วฟฟฟ จ๊วฟฟฟฟ”อีตาบ้านี่มันดูดริมฝีปากฉันแรงขึ้นแถมยังส่งลิ้นสากๆของเขาเข้ามาในโพรงปากฉันด้วยอีกน่ะ ต้นฝนจะบ้าตาย
ตุ๊บๆๆๆ
“รุนแรงจริงๆเว้ยฮ่าๆๆๆ”เสียงหัวเราะชอบใจของคนปริศนาพวกนั้นเอ่ยขึ้นหลังจากที่ฉันทุบกำปั้นลงไปบนแผ่นหลังของอีตาบ้านี่หนักขึ้น
“ไปเว้ย!เดี๋ยวนายจะด่าเอา!”
“เอ่อใช่ๆๆ!”
“นี่เป็นโอกาสทองเลยน่ะเว้ยที่เราจะได้ตัวนังคุณหนูนั้น!”
ตึกๆๆๆๆ
เสียงพูดคุยหายลงพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่วิ่งไปทางอื่น
“อ่ออยย!!”คราวนี้ฉันดึงกลุ่มผมนิ่มๆของอีตาบ้านี่อย่างแรงและออกแรงกระชากให้เขาปล่อยริมฝีปากฉัน
พรึบ
“เพลี้ยย!”
“ตบผมทำไมเนี่ย?”เขาหันหน้ากลับมาเอ่ยถามฉันพร้อมกับยื่นมือมาจับแก้มตัวเองที่โดนฉันตบหลังจากที่เขาปล่อยริมฝีปากฉันให้เป็นอิสละ
“จูบแรกของฉันนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!”
“จะแหกปากทำไมเดี๋ยวพวกมันก็มาหรอก!!จูบแรกของคุณคนเดียวซะเมื่อไหร่กัน”เขาพูดดุฉันเสียงดังแต่ประโยคหลังฉันได้ยินไม่ค่อยชัดว่าเขาพูดว่าอะไร
“เห้ย!นั้นมันอยู่นั้น!!”
“นั้นไง ซวยแล้วไหมล่ะ!!”
“ก็ใครใช้ให้นายจูบฉันเล่า!!”
“ผมช่วยคุณน่ะ!”
“ช่วยอะไร!!”
“จับมัน!!”
“หนีเร็ว!!”เขาพูดเสร็จก็คว้ามือฉันออกวิ่งอย่างไว ฉันก็มองแผ่นหลังกว้างที่วิ่งนำฉันอยู่ ทำไมฉันรู้สึกปลอดภัยเวลาหลบอยู่ข้างหลังแผ่นหลังกว้างๆนี่น่ะ น่าจะอบอุ่นน่าดู^_^