ตอนที่3(โจรปล้นใจ)
ต้นฝน ซาโยโกะจัง.....
“มึงต้องพาตัวมินตรากลับมาหากูให้ได้ ไม่งั้นมึงตาย!!!”โอ้โหโหดซะด้วยเว้ยอีตานี่ ฉันค่อยเดินย่องๆเข้าไปหาร่างสูงที่ยืนหันหลังให้ฉันและมองหาอาวุธรอบๆตัวแต่แล้วก็ไม่มีอะไรมาเป็นอาวุธให้ฉันได้เลยน่ะสิ
“เออใช่”ฉันเอ่ยขึ้นเมื่อมองต่ำลงไปและสบสายตาเข้ากับรองเท้าส้นสูงส้นตึกของฉันคู่นี้ ฉันยิ้มขึ้นมาและค่อยๆก้มลงไปถอดรองเท้าส้นตึกของตัวเองมาถือไว้ และค่อยๆย่องเข้าไปแนบชิดกับร่างสูงนั้น เขาสูงกว่าฉันมากเลยน่ะเนี่ย หัวฉันอยู่แค่ไหลเขาเองแฮะ
พรึบ
“อย่าขยับไม่งั้นฉันยิงนายไส้แตกแน่!”ฉันเขย่งปลายเท้าอีกข้างให้ขึ้นไปเทียบตัวเขาและใช้มือไปคล้องคอของชายผู้โชคร้ายคนนั้นไว้ส่วนมืออีกข้างก็ใช้ปลายส้นตึกจี้ไปที่แผ่นหลังของเขาอย่างหนักๆเพื่อทำให้เขาเชื่อว่าวัตถุที่ฉันใช้ในการปล้นครั้งนี้เป็นปืนจริงๆ
“อะอะไรของเธอ เล่นอะไรอยู่เนี่ย!”ร่างสูงสบถออกมาเป็นภาษาไทยเพราะฉันพูดภาษาไทย เขาฟังภาษาไทยรู้เรื่องเหรอ?
“อย่าหันอย่าขยับไม่งั้นฉันยิงนายแน่!”
“คนไทย?”
“ก็ใช่น่ะสิ เห็นเป็นคนญี่ปุ่นเหรอไง ถามแปลกๆ!”ฉันพูดใส่อารมณ์กับเขาและพูดเสียงเข้มให้ดูน่ากลัว
“ใครจ้างเธอมาให้ฆ่าฉัน”เขาไม่ได้ขยับตัวแต่เอ่ยถามฉันกลับมาด้วยความสงสัย
“เอ่อออ”ฉันอ้ำๆอึ้งๆไม่รู้จะบอกว่าใคร เพราะไม่มีใครจ้างฉันให้มาฆ่าหมอนี่นี่น่า
“มันจ้างเธอมาเท่าไหร่?”เขาถามฉันกลับมาพร้อมกับทำท่าทางขยับ ฉันจึงรัดคอเขาให้แน่นขึ้น
“โอ้ว ฉันจะหายใจไม่ออกอยู่แล้วเนี่ย!”เขาโวยวายใส่ฉัน
“อย่าแตะตัวฉัน!!”ฉันก็โวยใส่เขาทันทีที่มือหนาของเขากำลังจะจับโดนแขนของฉัน และฉันก็ตกใจเผลอปล่อยมือจากคอเขาเพราะฉันกลัวการแตะเนื้อต้องตัวเป็นที่สุด
พรึบ
“แฮ่กๆๆๆเกือบตายหายใจไม่ออก”เขาบ่นขึ้นและเขาก็จับชายคอเสื้อของเขาให้คลายคอลงฉันจึงรีบใช้มือปัดตามแขนของตัวเองและถูไปมาจนรู้สึกเจ็บแสบ
“อะไรจะขนาดนั้นแม่คุณ!”เขาหันมามองการกระทำของฉัน แต่ฉันก็ยังไม่เลิกใช้มือถูไปกับต้นแขนของตัวเอง ท่าทางที่ฉันเป็นมันแสดงออกได้เลยว่าฉันรังเกียจเขามาก
“ผมไม่ได้สกปรกซกมกโสโครกขนาดนั้น!”เขาเดินมาประชิดร่างฉันอย่างไว ฉันก็ถอยหลังหนีเขาอย่างไวเช่นกันตามสัญชาตญาณ
พรึบ
“โอ้ย!”ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจและเจ็บปวดเมื่อแผ่นหลังของฉันไปชนเข้ากับต้นไหม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังฉัน
พรึบ
“คุณไม่ต้องมาเฉไฉบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าใครส่งคุณมา?”ชายร่างสูงเดินเข้ามาแนบชิดตัวฉันและเขาก็ใช้ท่อนแขนแข็งแรงกั้นทางไม่ให้ฉันออก ฉันก็เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาแต่ฉันก็มองเขาไม่เห็นหรอกเพราะที่ตรงนี้มันมืดมาก
“อื้อออ”ฉันหลับตาปี๋เบนหน้าหลบปลายจมูกโด่งของเขาที่อีกนิดเดียวก็จะมาชนเข้ากับโครงแก้มของฉันอยู่แล้ว
“สวย ใหญ่”
“อะไรใหญ่ยะ?”ฉันเบือนหน้ากลับไปหาเขาและเอ่ยถามเขาด้วยความไม่พอใจและในจังหวะนั้นแก้มของฉันก็ไปชนเข้ากับจมูกที่โด่งเป็นสันของเขาเข้าอย่างจัง
“ฟอดดดดดด”
“นี่!นายหอมแก้มฉันเหรอ!!”ฉันโวยใส่เขาเสียงดังและรีบยื่นมือขึ้นมากุมแก้มตัวเอง
“คุณหันแก้มของคุณเข้ามาหาจมูกของผมเองนะ”เขาพูดด้วยนำ้เสียงเฉยชา อีตาบ้า!!!ช่างกล้าพูด ฉันก็เขินเป็นน่ะเว้ย!
“แล้วนายสูดดมทำไมเล่า!!!”ฉันโวยกลับก็อีตาบ้านี่มันสูดดมกลิ่นแก้มของฉันน่ะสิ
“มีโอกาสก็ต้องกอบโกย”เขาตอบมาหน้าตาย ทำให้ฉันเริ่มที่จะโมโหเขาแล้วนะ
“ไอ้คนฉวยโอกาส!”
“ใครฉวยโอกาส ผมน่ะเหรอ?”เขาทำนำ้เสียงยียวนกวนประสาทฉัน ถึงฉันจะมองไม่เห็นหน้าเขาแต่ฉันก็มั่นใจว่าหน้าตาของอีตานี่ต้องเห่ยมากแน่ๆ
“ก็ใช่ไง!”
“ผมไม่ได้ฉวยโอกาสเลยนะ ก็คุณทำงานพลาดฆ่าผมไม่ได้อีกไม่นานคุณก็จะต้องโดนนายจ้างของคุณสั่งเก็บ”เขาบอกฉันมาและเริ่มขยับใบหน้าเข้ามาหาฉันใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้นจนฉันได้ยินเสียงหัวใจของฉัน ไม่สิมันสองเสียงนะ
ตึกตักตึกๆ ตึกตักตึกตักๆ
ฉันหลับตาปี๋เมื่อฉันรับรู้ได้ว่ามีปลายจมูกนุ่มมาคลอเคลียอยู่ตรงบริเวณซอกคอของฉัน
“ถ้าคุณไม่บอกผมว่าใครจ้างคุณมา....ผมปล้ำคุณตรงนี้แน่!”เขากดเสียงต่ำกระซิบที่ข้างหูฉัน ทำให้ฉันขนลุกซู่แต่แปลกแฮะ ทำไมฉันไม่รู้สึกขยะแขยงหมอนี่กันนะ?
“จะบอกหรือไม่บอก”เขากดเสียงต่ำถามฉันอีกครั้งแต่ครั้งนี้เขาเม้นริมฝีปากขบติ่งหูฉันเบาๆเพื่อตอกย้ำให้ฉันพูด ฉันจะพูดได้ยังไงเล่า!!ก็ไม่มีใครจ้างฉันมาทั้งนั้นแหละโว้ยยยยย!มันจะคาดคั้นอะไรฉันนักหนาวะ!
“อื้อออออออ”ฉันร้องออกมาพลางเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นเพราะไอ้เห่ยนี้มันค่อยๆลากปลายจมูกของมันออกมาจากซอกคอฉันขึ้ยมาเรื่อยๆจนจะถึงริมฝีปากของฉันอยู่แล้ว
“ห๊อมหอม”
“ไอ้โรคจิต!!”
“ปากก็ด่าว่าผมไอ้โรคจิตทำท่าเหมือนรังเกียจขยะแขยงผมแต่มือกลับไม่ขัดขืน?”เขาเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย มันจะไปพูดไกลๆจากปากฉันไม่ได้รึไงนะ จะจูบกันอยู่แล้วเนี่ย!! จะขัดขืนได้ยังไงล่ะ ก็มือของฉันถือส้นตึกซ่อนไว้ด้านหลังอยู่อ่ะ
“ฉันไม่อยากโดนตัวนายต่างหากล่ะ!!!”
“ทำไมกลัวไฟช็อตรึไง?”
“หรือว่า.....กลัวหักห้ามใจเวลาอยู่ใกล้ๆผมไม่ได้^_^”
“ช่างมั่นหน้าเนอะ”ฉันเอ่ยบอกเขาไปด้วยความหมั่นไส้ อยากจะเห็นหน้าตาของเขาจริงๆว่ามันจะหล่อวัวตายควายล้มรึเปล่า!!!!
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย ตกลงใครส่งคุณมา?”เขากดเสียงต่ำถามฉันอีกครั้ง ใครจะส่งฉันมาเล่า ฉันนี่แหละส่งตัวเองมา
“ถ้าฉันบอกคุณ คุณจะให้อะไรฉัน”ฉันเอ่ยต่อลองเขาไป ยังไงๆวันนี้ฉันก็ต้องไปจากที่นี้ให้ได้
“ผมจะไม่ฆ่าคุณ”เขาตอบฉันมา ฉันก็หันไปมองหน้าเขาถึงจะไม่เห็นก็เถอะ
“ฉันขอเงินคุณสักห้าแสนแล้วฉันจะไปให้ไกลจากคุณและคุณก็จะไม่ได้เจอฉันอีกเลย”ฉันบอกเขาไป เขาก็เงียบไป อะไรของอีตานี่
“เหอะมันจะไม่มากไปเหรอ?”
“และที่สำคัญคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาต่อลองอะไรกับผม”
“มีสิ..ไม่งั้นฉันยิงนายแน่!”ฉันพูดขึ้นอย่างคนที่เหนือกว่าและเอาปลายส้นตึกจ่อไปที่หน้าท้องแข็งๆของอีตาบ้านี้เพื่อเป็นการขู่หลอกเขาว่าฉันฆ่าเขาแน่ถ้าเขาไม่ให้สิ่งที่ฉันต้องการ
“อ่ะ....ก็ได้แต่ผมไม่มีเงินสดนะแต่ผมจะเซ็นเช็คให้คุณแทน”เขาบอกฉันมาแต่นำ้เสียงของเขาไม่ได้แสดงออกว่ากลัวอะไรเลย
“ไม่!”ฉันบอกเขาไปทันควัน กว่าฉันจะเอาเช็คไปขึ้นเงินมีหวังโดนลูกน้องของท่านมิซานจับได้ซะก่อน
“อะไรของคุณอีกเนี่ย?”เขาทำน้ำหงุดหงิดใส่ฉัน
“ฉันกำลังจะหนีนะคุณ ไม่มีเวลาเอาเช็คของคุณไปขึ้นเงินหรอก!”ฉันโวยใส่เขา
“เออจริงด้วย งั้นเอาไงดี?”เขาพูดและเงียบไปสักพักเหมือนเขากำลังจะใช้ความคิด ฉันก็ยืนนิ่งมือยังคงถือรองเท้าส้นตึกจ่อไปที่หน้าของเขาอย่างไม่ลดละ
“เอางี้ ผมมีเงินติดตัวอยู่แค่ไม่กี่เยนแต่เงินสดจำนวนที่คุณพูดถึงอยู่ในรถผม เดี๋ยวผมจะเดินไปเอาให้คุณ”เขาบอกฉันหลังจากที่เขาเงียบไปสักพักหนึ่ง
“ก็ได้ แต่ถ้านายคิดตุกติกล่ะก็...นายตาย!”
“นี่ก็ขู่จังเว้ย!!”เขาโวยใส่หูฉัน หูฉันแทบแตกน่ะไอ้บ้า!!!
“ฉันไม่ได้ขู่แต่ฉันทำจริงแน่!”ถ้ามันเป็นปืนจริงๆนะแต่นี่มันเป็นปืนปลอมไง ถ้าหมอนี่รู้ว่าฉันเอาส้นของรองเท้ามาแกล้งทำเป็นปืนเพื่อขู่เขาล่ะก็มีหวังเขาฆ่าฉันทิ้งแน่
“อ่ะๆถ้าคุณไม่เชื่อใจผมคุณก็เดินตามผมไปแค่นั้นเอง”
“ก็ได้ งั้นนายก็เดินนำไป!”
“เค”เขาตอบฉันสั้นๆและถอยหลังห่างจากฉันไป ฉันก็เดินตามเขาไปเอาส้นตึกจี้แผ่นหลังเขาและออกแรงดันให้เขาเดินนำทางไป
“แล้วนี่ตกลงใครส่งคุณมา?”เขาเอ่ยถามฉันในขณะที่เรากำลังเดินไปตามพื้นหญ้า
“ซาโนะ”ฉันเอ่ยบอกเขาไป ใช่ฉันต้องทำให้คนที่ชื่อซาโนะหายไปจากชีวิตฉันไม่งั้นมีหวังฉันได้แต่งงานกับมันแน่!
“ซาโนะ?”เขาเอ่ยถามฉันกลับมาด้วยความแปลกใจ
“ใช่”ฉันตอบเขาไปด้วยนำ้เสียงหนักแน่น
“มิซาโนะ ซานโต้นะเหรอที่ส่งให้คุณมาฆ่าผม”
“ใช่”
“อืมมมม”เขาอืมยาวเหมือนเขาจะเชื่อฉันน่ะ
“แล้วคุณไปรู้จักกับซาโนะได้ยังไง?”
“ฉันก็ไม่ได้อยากจะรู้จักกับมันสักเท่าไหร่หรอก”ฉันบอกเขาไปอย่างไม่ใส่ใจอะไรมากและสอดส่องสายตามองไปข้างทาง เดินมาตั้งไกลยังไม่เห็นโรงจอดรถเลยนะ!!
“อ้อเหรอ แล้วทำยังกับผมอยากรู้คุณอย่างงั้นแหละ”
“นายว่าอะไรนะ!”ฉันเอ่ยถามเขาไปเพราะเมื่อกี้ฉันว่าอีตานี่มันพูดจาแปลกๆเหมือนตัวเองเป็นซาโนะอย่างงั้นแหละ แต่คงไม่น่าใช่หรอกมั่ง
“เปล๊า”เขาตอบฉันกลับมาด้วยนำ้เสียงกวนโอ๊ย
“นี่ นายโกหกฉันรึเปล่าอ่ะ ไม่เห็นมีรถยนต์สักคันเลย!”ฉันโวยใส่เขาไปและจ้องเขม่นไปที่แผ่นหลังกว้างของเขาที่ตอนนี้ฉันเริ่มจะมองเห็นเขาได้ชัดขึ้นเพราะที่แถวนี้มีไฟติดไว้พอให้ความสว่างได้
“ผมไม่ได้โกหกนะ แต่ผมจะพาคุณไปปู้ยี้ปู้ยำตั้งหากล่ะ^_^”
“อะไรนะ!!”ฉันเผลอร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจทำให้เขาหันมาหาฉันและใช้มือใหญ่ของเขาปิดปากฉันทันที ฉันเบิกตาโตขึ้นเมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่สวยนัยน์ตาสีดำจมูกโด่งเรียวเป็นสันริมฝีปากหยักได้รูปสีชมพูระเรื่อใบหน้าที่ขาวใสไร้ที่ติ หล่อมาก!
“คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่?”เขาเอ่ยถามฉันมาริมฝีปากของเรามีเพียงแค่มือหนาของเขากั้นไว้ตรงกลางแค่นั้น ลมหายใจอุ่นๆหอมๆของเขาทำให้อัตราการเต้นของหัวใจฉันผิดจังหวะและรัวเร็วขึ้น คิ้วของเขาขมวดเกือบจะเป็นปมเมื่อเขามองหน้าฉัน เราสองคนจ้องหน้ากันเนิ่นนานเหมือนที่ตรงนี้มีแค่ฉันกับเขาอยู่ในห้วงภวังค์ของกันและกัน เขาสวมสูทสีดำไม่ได้ผูกเนคไททำให้เสื้อเชิ้ตด้านในถูกปลดกระดุมออกสองเม็ดทำให้ฉันมองเห็นรอยสักที่ต้นคอของเขาผิวๆของเขาถูกแต่งเติมไปด้วยรอยสักมากมายแม้กระทั่งที่มือเขายังมีเลย ถึงรอยสักเขาจะเยอะแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถทำให้ความหล่อของเขาลดน้อยลงเลยกลับทำให้เขาดูเท่แบดขึ้นไปอีก เห้ย!นี่ฉันเปลี่ยนสเปคผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่!
“จ้องนานขนาดนี้ ไม่เคยเห็นคนหล่อสิท่า”
“หลงตัวเองชะมัด”ฉันพึมพำพูด
“พูดอะไรนะ?”
“นายก็ปล่อยมือเค็มๆของนายออกไปจากปากฉันสิ”ฉันพูดอ้อมแอ้มๆแต่ก็พอจะทำให้คนฟังเรื่องรู้ว่าฉันพูดอะไรเพราะเขาไม่ได้ปิดปากฉันแน่นเท่าไหร่
“แล้วใช้ปากผมปิดปากคุณแทนอย่างงั้นเหรอ?”เขาจ้องมองตาฉันพลางทำแววตาเป็นประกายแวววับ อีตาบ้านี่!!!
“ใช่!”ฉันก็บ้าจี้ประชดตอบเขาไป อยากจะตบปากตัวเองจริงๆ!