ตอนพิเศษ ท่านประธานขี้หึง [2]
ลลิลหัวเราะแห้งๆ รู้ดีแก่ใจว่ารุ่นพี่คนสวยที่เป็นทั้งเลขาและภรรยาท่านประธานไม่ได้หงอหรือขี้ขลาดตาขาว ทุกครั้งที่มีเรื่องเกี่ยวกับพนักงานในบริษัท พริมาก็จะจัดการเคลียร์ให้ก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ถึงจะยอมส่งเรื่องให้ท่านประธานเป็นคนจัดการแทน แต่ครั้งนี้ท่านประธานกลับเป็นคนเรียกตัวเข้าไปสอบสวนเอง คงเป็นเรื่องใหญ่ที่ให้คนอื่นจัดการแทนไม่ได้
“ก่อนที่ระเบิดจะลงห้องทำงาน จะทำกล้าๆ กลัวๆ อยู่ตรงนี้ไม่ได้ จำเป็นต้องเข้าไปดูข้างในหน่อยแล้วว่ามันเรื่องอะไรกันแน่ถึงต้องทำเสียงดังแบบนี้”
พริมาส่ายหน้าด้วยความเอือมระอาพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ใบหน้าสวยซึ้งตรึงใจเผยแววกังวลกลัวว่าพนักงานพสกนั้นจะโดนมากกว่าตวาดด่าน่ะสิ ทำเอาเธอทนอยู่เฉยไม่ได้ต้องรีบเดินไปเคาะประตูแล้วขออนุญาตเข้าไป โดยไม่รอฟังเสียงตอบรับจากคนด้านในเลขาสาวพ่วงตำแหน่งภรรยาก็พาร่างอวบอิ่มมีน้ำมีนวลในชุดเดรสปาดไหล่ซ้ายสีชมพูอ่อนยาวคลุมเข่าเปิดประตูเดินเข้าไปเฉยเลย
โยธินมั่นใจว่าคนที่ก้าวเข้ามาในห้องโดยพลการคือภรรยาแสนรักของเขาเอง ชายหนุ่มปรับสีหน้าให้หายเกรี้ยวกราดทำตาดุร้ายเหมือนเสือเตรียมฉีกร่างพนักงานสามคนเบื้องหน้าให้เป็นชิ้นๆ เมื่อร่างอวบอัดเย้ายวนเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ ดวงตาเรียวสวยก็ตวัดมองใบหน้าหล่อเหลาคมคายอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นด้านในก่อนหน้านี้
“ช่วยอธิบายให้พรีมฟังหน่อยได้ไหมว่ามันเรื่องอะไรกัน ถึงต้องทำเสียงดังทะลุออกไปถึงข้างนอก”
“ก็พนักงานพวกนี้เอาพรีมไปคุยเล่นสนุกปาก พูดจาเสียๆ หายๆ ไม่น่าฟัง ผมถึงเรียกมาตักเตือน ว่าแต่พรีมเถอะเข้ามาทำไม แค่ผมอนุญาตให้ทำงานไม่ได้แปลว่าให้คุณหักโหมงานหนักได้เหมือนเก่า”
“พรีมจะโหมทำงานหนักได้ยังไง ในเมื่อคุณโยสั่งลลิลให้คอยจับตาดูพรีมตลอดเวลา ไม่ยอมให้คลาดสายตาเลย แล้วที่ว่าเสียๆ หายๆ คือยังไงคะ พวกเขาว่าอะไรพรีม”
“พรีมอย่าฟังเลย มันไม่ดีหรอก”
“ไม่ดีก็จะฟังค่ะ พรีมจะได้รูไงว่าคนในบริษัทนี้คิดยังไงกับพรีมบ้าง ถ้าเป็นไปได้พรีมก็อยากจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น แต่ถ้าดูจากน้ำเสียงของคุณโยที่โกรธจัดก็คงหนีไม่พ้นเรื่องที่พรีมใช้เรือนร่างเข้าแลกกับตำแหน่ง ใช้ความสาวความสวยและความใกล้ชิดเข้าแย่งชิงตำแหน่งภรรยามาจากผู้หญิงคนอื่น”
พริมาปรายตามองพนักงานชายสามคนที่ยืนก้มหน้าก้มตาสำนึกผิด พลันสะดุ้งคอแข็งเมื่อได้ยินคำพูดถากถางรู้ทันความคิดสกปรกของพวกเขา ใช่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดถึงเธอในทางเสื่อมเสีย ซึ่งถ้าหากพูดความจริงออกไปแล้วก็ไม่มีอะไรผิดไปจากที่คนพวกนี้คิด เธอเป็นอย่างนั้นจริงๆ
“แต่ว่าการพูดจาถึงเพศแม่ด้วยคำพูดไม่น่าฟังก็แสดงถึงความไม่เป็นลูกผู้ชาย การที่บริษัทมีพนักงานแบบนี้อยู่ด้วย แล้วบังเอิญไปทำกิริยาท่าทางไม่เหมาะสมกับลูกค้าเข้า ชื่อเสียงของเราคงดูแย่และอาจติดลบในด้านความน่าเชื่อถือก็ได้นะคะ ควรจะไล่ออกไปเลยดีไหม”
“...!”
ไม่มีใครคาดคิดว่าพริมาจะพูดจาฉะฉานได้ลื่นไหลเป็นธรรมชาติอย่างนี้ แม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มใจดี แต่กลับเชือดเฉือนนิ่มๆ ไร้ปรานีกันเลยทีเดียว
โยธินหลุดเสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจ แต่พวกพนักงานชายที่ปากเสียใส่ภรรยาเจ้าของบริษัทถึงกับสะดุ้งสะเทือนไปต่อไม่เป็น สิ่งเดียวที่ทำได้คือการขอโทษพร้อมกับวิงวอนขอร้องให้พริมายอมยกโทษให้ หวังว่าจะได้รับการให้อภัย
“พวกผมขอโทษครับ ได้โปรดอย่าไล่พวกเราออกเลย!”
“ต่อไปจะไม่พูดจาว่าร้ายคุณเลขาอีกแล้ว ยกโทษให้พวกผมเถอะนะครับ”
“ให้อภัยพวกเราสักครั้งเถอะครับ”
“แค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะคะ ตัวฉันจะเป็นยังไงไม่สำคัญหรอก แต่เราจะเก็บพนักงานที่ชอบพูดจาดูถูกคนอื่นไว้ไม่ได้ ภาพลักษณ์ของบริษัทจะเสียหาย และถึงฉันจะเป็นอย่างที่พวกคุณพูดมา มันก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะเอาไปพูดเล่นสนุกปากได้ เพราะถ้ามีครั้งต่อไปฉันจะแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท พูดจาให้คนอื่นเสียหาย รับรองว่าจะไม่แค่ถูกไล่ออก แต่โดนค่าปรับจัดหนักแน่ ฉันไม่ได้พูดขู่ให้กลัว คิดว่าคงได้ยินกิตติศัพท์ของฉันมาบ้างแล้ว คงรู้ว่านี่เป็นคำเตือนครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันจะให้พวกคุณ”
ใบหน้างดงามหวานละมุนตาปราศจากรอยยิ้ม นัยน์ตาสวยซึ้งดำขลับเจือแววร้ายกาจดูราวกับมีนางมารซ้อนทับบนร่างก็ไม่ปาน กลิ่นอายรอบตัวมีความกดดันเฉียบขาด ใครก็ตามที่ละเมิดกฎคิดท้าทายเธอก็จะถูกลงโทษอย่างไร้ความปรานี
โยธินอึ้งทึ่งไปกับความเด็ดขาดของภรรยา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นพริมาในโหมดจริงจัง ชื่นชมก็ส่วนชื่นชม ทว่าในใจก็แอบหวั่นๆ เพราะนับวันภรรยาคนสวยหุ่นเซ็กซี่ของเขาก็ชักจะโหดขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน ถ้าเผลอไปทำความผิดเข้าคงถูกเธอทำโทษแบบจัดเต็มแน่