3. เด็กขาย
ครองขวัญตื่นขึ้นมาพร้อมกับสมองอันหนักอึ้งเพราะยังไม่สร่างเมาดี พยายามทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งที่สมองยังสับสน สิ่งที่เธอจำได้คือเธอหิ้วหนุ่มเชียร์ดริ้งกลับมา คิดจะหิ้วไปโรงแรมแต่เขากลับพามาคอนโดของเขาซึ่งเป็นคอนโดเดียวกับของเธอเสียด้วย หญิงสาวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับดึงผ้าห่มที่หมิ่นเหม่อยู่มาห่มจนถึงหน้าอก ก่อนจะมองสำรวจรอบห้องนอนเขา ลักษณะการวางเฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้ก็เป็นลักษณะเดียวกับห้องของเธอต่างกันเพียงแค่สี ห้องเธอจะคุมโทนสีขาวเทา ส่วนห้องเขาเป็นสีฟ้าค่อนข้างดูสดชื่นและสว่างไสว ซึ่งก็ดูเหมาะกับบุคลิกของเจ้าตัวดี แต่เพราะเธอซื้อเองจึงรู้ว่าห้องแบบนี้ราคาไม่ใช่น้อยเลย เธอต้องเก็บเงินอยู่หลายปีถึงเริ่มดาวน์ห้องได้ สมองเล็กๆ ของเธออดคิดไม่ได้เลยว่าชายหนุ่มที่ดูอายุน้อยขนาดนั้นจะหาเงินจากไหนมาซื้อคอนโดหรูแบบนี้นอกจากมีคนเลี้ยง คิดดีไม่ได้เลยจริงๆ
เสียงตรงประตูเป็นสัญญาณว่ากำลังจะมีคนเปิดประตูเข้ามาทำให้เธอละสายตาจากการชื่นชมห้องหันไปมอง
“ตื่นแล้วเหรอครับ” เขาเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับผมที่เปียกชื้นเพราะเหงื่อ เสื้อยืดแขนกุดและกางเกงขาสั้นของเขาก็มีรอยชื้นจากน้ำเล็กน้อย
“ผมไปฟิตเนสมา แล้วก็สั่งอาหารเช้าขึ้นมาให้เลย ออกมาหาอะไรกินก่อนเถอะ
ครองขวัญพยักหน้าตอบรับคำเชิญของเขา เมื่อคืนเธอใช้พลังงานไปเยอะมาก ตื่นเช้ามาก็เริ่มรู้สึกหิว ได้หาอะไรรองท้องก่อนก็ดีเหมือนกัน
“ฉันขออาบน้ำล้างหน้าก่อนได้ไหม” เธอเอ่ยขอเจ้าของห้องอย่างเกรงใจ ไม่มั่นใจว่าเขายินดีให้เธอใช้อุปกรณ์ในห้องเขาหรือเปล่า เพราะบางคนก็ต้องการความเป็นส่วนตัว เมื่อคืนถึงบอกให้เขาไปโรงแรมเสียแต่แรกก็จบเรื่อง
“ตามสบายเลยครับ ผมก็ต้องอาบน้ำเหมือนกัน หรือจะอาบพร้อมกันเลยดี”
ครองขวัญตวัดค้อนไปให้คนช่างแหย่ เรียกรอยยิ้มกริ่มจากเขา นี่ถ้าไม่ติดว่าอายุเธอไม่ใช่น้อยๆ แล้วก็อยากขว้างหมอนไปใส่ใบหน้าเจ้าเล่ห์นั่นสักป๊าบ โทษฐานที่ขยันแหย่เธอนัก แต่เธอก็ทำเพียงรวบรวมสติ ดึงผ้าห่มพันกาย รวบชุดที่อยู่ข้างเตียงขึ้นมาถือไว้ด้วยท่าทางที่พยายามให้ดูสงบที่สุด
“อ่อ ผมเตรียมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นของผมไว้ให้ที่ปลายเตียงนะ ซื้อมายังไม่เคยใช้เลย คุณใช้ได้เลย ชุดคุณน่าจะใช้ไม่ได้แล้ว” เขาบอกอย่างใจดี
ครองขวัญรับความหวังดีของเขามาโดยไม่คิดปฏิเสธ อดชื่มชมไม่ได้ว่าเขาช่างดูแลเอาใจใส่ลูกค้าดีเสียจริง พออาบน้ำเสร็จความง่วงงุนก็เริ่มหายไปเมื่อความรู้สึกสดชื่นเข้ามาแทนที่ เธอเริ่มสังเกตว่าชุดที่เขานำมาให้เธอเปลี่ยนนั้นแม้จะเป็นเสื้อยืดสีขาวธรรมดาแต่กลับเป็นแบรนด์เนมที่ราคาหลายหมื่นบาท เธอยังไม่ได้จ่ายทิปเขาเสียด้วยสิ เมื่อวานพอเธอชวน เขาก็พามาที่คอนโดแบบหนุ่มใจง่ายสุดๆ ไม่ได้ถามเรื่องราคาที่เธอต้องจ่ายเขาเลยด้วยซ้ำ
"เมื่อคืนหลับสบายมั้ยครับ"
เมื่อเธออาบน้ำเรียบร้อยแล้วเปิดประตูออกมา ก็พบเขากำลังจัดอาหารเช้าอย่างง่ายเตรียมไว้ให้บนโต๊ะ ส่วนเขาก็อยู่ในชุดใหม่แล้วเช่นกัน ร่างของเธอเตี้ยกว่าเขาที่น่าจะสูงถึง 180 เซนติเมตรทำให้เสื้อที่เธอใส่กลายเป็นเดรสสั้นเลยเข่า ซึ่งมันยาวกว่ามินิเดรสที่เธอใส่มาเมื่อคืนเสียอีก ครองขวัญเดินไปนั่งลงตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะอาหารที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ นึกชื่นชมเขาในใจว่าบริการดีมาก ดีสุดๆ แบบนี้ไม่รู้เงินในกระเป๋าเธอจะมีพอจ่ายหรือเปล่า ในกรณีที่เขาเรียกแพงๆ
“เสื้อตัวนี้แพงไปหรือเปล่า เอามาให้ยืมใส่แบบนี้” ครองขวัญเริ่มพูดอ้อมแอ้มเสียงค่อย กรณีที่เขาจะรวมค่าเสื้อไปด้วยนี่ก็ไม่ควรนะ เพราะเธอไม่ได้เรียกร้อง หาเสื้อยืดธรรมดามาให้เธอยืมก็ได้นี่นา หรือคิดดีๆ อาจเพราะเขาไม่มีเสื้อยืดธรรมดาเลยก็เป็นไปได้ เพราะเสื้อยืดสีดำที่เขาใส่ตอนนี้ก็เป็นแบรนด์จีวองชี่ซึ่งราคาคงไม่เบาเหมือนกัน
“ของก๊อบซื้อจากตลาดจีนแดงครับ” คนพูดกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นอาการคิดมากของเธอ
ครองขวัญเผลอปล่อยลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น ไม่รู้เลยว่าเดี๋ยวนี้ของปลอมเขาทำได้เหมือนขนาดนี้ เพราะมัวแต่สนใจกับของปลอมที่ทำได้เหมือนมากๆ บนตัว เธอจึงไม่ได้เงยหน้ามองรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานของเขา
“ทานก่อนเถอะครับ เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย” เขาบอกอย่างเอาใจใส่
ครองขวัญเริ่มลงมือกินเพราะท้องเธอเองก็ร้องประท้วงด้วยความหิว หนุ่มแปลกหน้านั่งลงตรงข้ามกันแล้วเริ่มกินบ้าง
เอ๋! ไม่ใช่หนุ่มแปลกหน้าแล้วสิ เมื่อคืนเขาก็บอกชื่อกับเธอแล้วด้วย
“คุณ…ชื่ออะไรนะคะ” เธอถามแบบเกรงใจสุดๆ ไม่รู้เขาจะเคืองกันไหมที่เขาบริการเธอดีขนาดนั้น แต่เธอก็ยังจำชื่อเขาไม่ได้
“แจ็คครับ” เขาบอกอย่างใจดีไม่ถือสา “เพิ่งรู้ว่านาใส่แว่นด้วย”
แว็บแรกเลยคือครองขวัญแปลกใจใครคือนา แต่เมื่อสมองของเธอค่อยๆ ปะติดปะต่อเรื่องราวก็นึกขึ้นได้ว่านาก็คือชื่อของเธอที่บอกเขาไปเมื่อวาน นา ที่มาจาก ‘นาฬิกา’ พอคิดว่าตัวเองช่างคิดอะไรประหลาดๆ ออกมาได้ในจังหวะนั้นก็เผลอเผยรอยยิ้มออกมา จึงได้เห็นตาคมของเขาที่มองมาตาพราวระยิบเมื่อเห็นเธอยิ้ม ตาพราวที่คงทำให้ผู้หญิงหลงมัวเมาไปกับเสน่ห์ของเขาได้ง่ายๆ ก็เหมือนเธอเมื่อคืนนั่นไง ครองขวัญกระแอมก่อนจะตอบเขา
“ปกติก็ใส่แว่น แต่เมื่อคืนใส่คอนแท็กต์เลนส์”
คนฟังพยักหน้ารับรู้โดยไม่พูดอะไรอีก
“คุณคงตกใจมากที่เมื่อคืนกับตอนเช้านี่เหมือนคนละคนกันเลย”
เธอบอกอย่างอับอาย เขาจะคิดว่าเธอไม่ตรงปกหรือเปล่านะ เหมือนในข่าวเวลาเห็นคนโพสต์ว่าตกใจที่คู่นอนตัวเองพอล้างเครื่องสำอางกับเวลาแต่งหน้าเป็นคนละคนกันเลย
“ไม่ตกใจครับ หน้าสดคุณก็น่ารักดี”
ครองขวัญเบิกตาโตขึ้น ขนลุกเกรียวเมื่อได้ยินคำพูดเขา อยากจะร้องคำว่าโอ้โหออกมาดังๆ เขาปากหวานมาก เอาใจเก่งมาก ประสบการณ์เมื่อคืนก็ไม่แย่เลย ความจริงต้องเรียกว่ามันยอดเยี่ยมมากด้วยซ้ำ ตอนนี้เธอไม่แปลกใจแล้วหากจะมีผู้หญิงสักคนถูกใจเขาถึงขั้นซื้อหรือเช่าห้องแพงๆ แบบนี้ให้
“ขอบคุณนะ เมื่อคืนมันดีมาก” เธอเองก็ต้องคุยธุระของเธอกับเขาบ้างแล้วเหมือนกัน
แจ็คค่อนข้างแปลกใจที่เธอพูดออกมาตรงๆ บอกตามตรงเธอดูขี้อายมากกว่านั้น ทั้งเมื่อคืนขณะมีอะไรกันและตอนนี้ด้วย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาภูมิใจมากที่ทำให้เธอประทับใจกับประสบการณ์ครั้งแรกได้ เพราะนั่นหมายความว่าอาจจะมีครั้งต่อๆ ไป ชายหนุ่มเงียบรอฟังว่าเธอจะพูดอะไรต่อ ดีที่หญิงสาวเอาแต่ก้มหน้า เพราะถ้าเงยหน้าขึ้นมาเห็นแววตาและรอยยิ้มเหมือนหมาป่าของเขา อาจอยากกลืนเอาคำชมกลับไปก็ได้
“เมื่อคืนมันเยี่ยมมากจริงๆ แต่คุณไม่คิดแพงใช่ไหม ฉันอาจจะมีเงินจ่ายไม่พอ” เมื่อไม่รู้จะพูดอ้อมๆยังไงเธอก็ตัดสินใจถามเขาไปตรงๆเลยแล้วกันจะได้จบๆ
“คิดอะไรนะ?” เขาถามเธอแบบงงสุดๆ ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ยินไม่ชัด คิดอะไรแพง? ทำไมประโยคเมื่อกี้ถึงฟังดูแปลกๆ
“ปกติต้องจ่ายเท่าไรคะ ฉันไม่เคยซื้อ” เมื่อคืนเป็นครั้งแรกของเธอ เขาก็น่าจะรู้แหละว่าเธอไม่เคยซื้อกิน ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน
คราวนี้ตาคู่คมของคนที่ใจดีอยู่เสมอตั้งแต่ได้พบกันเป็นประกายด้วยโทสะเมื่อเพิ่งทำความเข้าใจกับประโยคคำถามของเธอ เธอคิดว่าเขาเป็น ‘เด็กขาย’ เหรอ อย่างเขานี่นะ ถ้ามีผู้หญิงเข้ามาหา เขายังใจดีขนาดซื้อกระเป๋า เสื้อผ้า น้ำหอม หรือแม้กระทั่งแบรนด์เนมให้ ไม่เคยขอเงินผู้หญิงที่ไหนใช้นอกจากแม่บังเกิดเกล้าของตัวเอง
“คุณคิดว่าผมขายเหรอ” เสียงทุ้มต่ำของเขาถามเหมือนคนพยายามระงับอารมณ์เต็มที่
“เอ่อ...คือ ขอโทษนะ ถ้าถามอะไรที่ทำให้คุณไม่สบายใจ” เธอพูดเสียงอ่อนเมื่อเห็นสีหน้าโกรธจัดของคนตรงหน้า ความจริงมันก็เรื่องส่วนตัวของเขาด้วย เธอก็รู้ว่าไม่ควรเอามาพูด แต่เธอก็แค่อยากบอกเขาว่าประทับใจนะและยินดีจ่าย แค่กังวลว่าเขาจะเรียกเยอะจนเธอจ่ายไม่ไหวเพราะไม่ได้ตกลงกันก่อน จึงถามออกไปเผื่อว่าเรียกเยอะเกินจะได้ขอผ่อนผันเสียหน่อย
“คุณคิดว่าผมขายตัว?”
ตอนแรกเธอจะพยักหน้า แต่คนตัวเล็กก็เปลี่ยนใจเป็นส่ายหน้าแบบเอาตัวรอดสุดๆ เมื่อเห็นท่าทางโกรธจัดของเขา มีความเป็นไปได้อีกอย่างคือเขาอาจไม่ได้ขายแค่เชียร์ดริ้ง แล้วเมื่อคืนถูกใจหน้าที่แต่งมาจนหนาเตอะของเธอจึงมาต่อกันที่ห้อง ข้อนี้ก็เป็นไปได้เหมือนกัน
“ฉันขอโทษ” เธออ้อมแอ้มพูดอย่างสำนึกผิด ยิ่งเห็นสีหน้าโกรธจัดของคนตรงหน้ายิ่งรู้สึกผิด
“คุณกลับไปเถอะ กุญแจรถวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง”
ความจริงเขาโมโหจนอยากทำลายข้าวของระบายอารมณ์ แต่เมื่อเห็นท่าทางหงอยของเธอ เขาก็พยายามถอนหายใจระงับอารมณ์ ในหัวยังตีกันยุ่งเหยิงว่าท่าทางเขาเหมือนเด็กขายขนาดนั้นเชียว
ครองขวัญลุกขึ้นอย่างระมัดระวังเลื่อนเก้าอี้ให้เบาที่สุดเพราะกลัวจะไปกระทบอารมณ์ของเขาเข้า เดินเข้าไปหยิบกุญแจและข้าวของของเธอตามที่เขาบอก ตอนนี้เขาดูโมโหมากๆ ที่เธอพูดไม่เข้าหู โมโหจนอาจเผลอระบายโทสะฆ่าเธอทิ้งเหมือนที่เห็นในข่าวก็ได้ ครองขวัญถือคติรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี จึงคิดจะออกไปจากห้องตามที่เขาต้องการ เผื่อไม่เห็นหน้าเธอแล้วจะทำให้เขาอารมณ์เย็นลงบ้าง
แต่ก่อนออกไปก็ไม่ลืมหันมาถามเรื่องสำคัญอีกเรื่อง
“แล้วชุดนี่...” ถึงเขาจะบอกว่าเป็นของก๊อบ แต่ก๊อบเหมือนขนาดนี้ราคาคงไม่เบาเลย
“ผมยกให้ คุณรีบออกไปเถอะก่อนที่ผมจะโมโหไปมากกว่านี้”
“ค่ะๆ” เจ้าตัวยอมออกไปโดยไม่ถามอะไรอีก ก่อนที่ระเบิดอารมณ์ของเขาจะมาลงเอากับเธอจริงๆ