ตอนที่4 อาจจะเสียใจ
แผ่นดิน
“ไม่ใช่เธอเรียนอยู่ต่างประเทศเหรอวะ” เสียงไอ้ปลื้มพูดขึ้นด้วยความสงสัย ไอ้นี่มันขี้สงสัยและชอบใส่ใจ(เสือก)มาก
“นั่นดิ แล้วทำไมได้มาโผล่อยู่ที่นี่วะ” ตามด้วยไอ้องศาที่มันก็แปลกใจไม่ต่างกัน ไอ้นี่นิสัยเหมือนไอ้ปลื้มอย่างกับพี่น้อง
“ย้ายมาสิ ไม่เห็นยาก” เป็นไอ้ทินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ไอ้นี่มันไม่ได้เงียบขรึม แต่ก็ไม่ได้พูดมากเกินจำเป็น แล้วไม่ค่อยแสดงอาการทางสีหน้าเท่าไหร่
“แล้วทำไมถึงได้ไปอยู่กลุ่มเดียวกับคู่หมั้นมึงได้วะ” แล้วไอ้องศาก็หันมาถามผม
“กูจะรู้ไหม กูก็อยู่กับพวกมึง” ผมตอบกลับไป ในเมื่อก็นั่งอยู่และได้รู้เห็นอะไรๆ พร้อมพวกมัน แล้วยังจะมาถาม
“ก็ลองไปถามคู่หมั้นมึงดูสิ” ไอ้ปลื้มเสนอมา
“ไม่ต้องบอกกูก็ต้องถามอยู่แล้วไหมวะ” ผมพูดขึ้น ยังไงก็ไม่มีทางพลาดเรื่องนี้ไปแน่ๆ ในเมื่อคนที่ผมเคยชอบกลับมาอยู่ใกล้แค่นี้
ใช่ ผมเคยชอบแก้มบุ๋มตอนสมัยมัธยมปลาย เธอเป็นคนน่ารัก ดูเรียบร้อยและอ่อนหวานเหมาะกับการเป็นแม่ของลูก ตอนนั้นผมเคยบอกชอบและขอเธอคบด้วยนะ แต่เธอก็ยังไม่ได้ตอบตกลง แค่บอกว่าอยากให้ดูๆ กันไปก่อน จนกว่าเธอจะแน่ใจ แต่อยู่ๆ เธอก็ขาดการติดต่อไป
ผมก็ไม่ได้ตามสืบเรื่องของเธอมากหรอก แค่ถามๆ คนรู้จักเธอผ่านๆ บ้าง ทำให้ได้รู้ว่าเธอย้ายโรงเรียนไป ก่อนจะมาได้ยินอีกทีว่าเธอไปเรียนต่อมหา’ลัยที่ต่างประเทศ แต่อยู่ๆ ผมกลับมาเห็นเธออยู่ในมอเดียวกับผม แถมยังอยู่กลุ่มเดียวกับคู่หมั้นของผมอีก ถึงตอนนี้ความชอบที่เคยมีมันไม่ได้เหมือนเดิม แต่ก็ถือว่ายังน่าสนใจดี
ยิ่งเป็นเพื่อนกับเด็กนั่นด้วย...หึ!
“มึงยังไม่เลิกสนใจเธอ?” ไอ้ทินถามผมออกมา
“ก็ไม่เชิง แต่ถ้าได้ลองคุยกันอีกครั้ง อาจจะมีความรู้สึกเก่าๆ” ผมตอบมันกลับไปตามความจริง
ตอนนี้ผมก็ไม่ได้คบใคร ไม่ได้รักใคร ถ้าเกิดได้พูดคุยกับแก้มบุ๋มอีกครั้งมันอาจทำให้ความรู้สึกเก่าๆ ของผมกลับมาก็ได้
ถึงผมจะเลวและมั่วไปหน่อย(?) แต่ถ้าให้เลือกแม่ของลูก ผมบอกเลย ว่าแก้มบุ๋มนี่แหละสเปกผม ถึงผมจะห่ามและชอบความรุนแรง แต่ผมกลับชอบผู้หญิงที่ดูน่าทะนุถนอมยังไงไม่รู้ ส่วนผู้หญิงตายด้านที่ทนไม้ทนมือผมได้อย่างคู่หมั้นผม มันเหมาะกับการเก็บไว้เป็นของสะสม
“อย่าลืมว่ามึงมีคู่หมั้นแล้ว” ไอ้ทินพูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าผมนิ่งๆ ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่ผมหมั้นกับลูกศร มันก็ชอบพูดแบบนี้กับผม
“แล้วยังไง พวกมึงก็รู้ว่ากูไม่ได้คิดอะไรกับยัยนั่นหรือใครอยู่แล้ว” ผมพูดขึ้นท่าทีสบายๆ
“แล้วมึงไม่คิดจะถอนหมั้น?” มันถามกลับ แล้วนี่ก็เป็นอีกคำถามที่มันชอบถาม เวลาผมบอกว่าไม่ได้รักหรือคิดอะไรกับลูกศร
ผมก็เข้าใจนะ ว่ามันสนิทกับลูกศรมาก รวมถึงไอ้สองคนข้างผมด้วยที่ก็ค่อนข้างสนิทกับลูกศร
ก็อย่างว่าลูกศรเกิดและโตมาที่บ้านของผม เรียนที่เดียวกับผมมาตั้งแต่เด็ก เวลาพวกมันไปบ้านผมก็จะได้เจอกับลูกศรตลอด แม่ผมก็บอกว่าเป็นลูกเพื่อนท่าน นั่นทำให้ไอ้พวกนี้มันค่อนข้างเอ็นดูลูกศรเหมือนน้องคนหนึ่ง โดยเฉพาะได้ทินที่มันกับลูกศรสนิทกันเป็นพิเศษ
“ถอนก็โง่ดิ อย่างน้อยอยู่แบบนี้ยัยนั่นก็ไม่มีสิทธิ์นอกลู่นอกทางได้” ถึงผมจะไม่ได้รักลูกศร แต่ผมก็ไม่ต้องการให้เธอไปเป็นของใคร ยิ่งพยศแบบลูกศรนี่ด้วยแล้ว ผมจะปราบพยศเธอให้หมอบแทบเท้าผมให้ได้เลย
“กูไม่อยากให้มึงทำแบบนี้กับลูกศร” แล้วไอ้ทินก็พูดขึ้น ซึ่งเวลามันพูดถึงเรื่องลูกศร ผมรู้สึกว่ามันจะมีอะไรแอบแฝงตลอด ผมพยายามไม่คิดมาก แต่เวลาเห็นมันมีท่าทีห่วงลูกศร ผมกลับไม่ค่อยชอบใจ มันต่างกับไอ้สองตัวนั้น ที่เวลามันพูดถึงลูกศร ผมไม่ค่อยรู้สึกหงุดหงิดแบบนี้
“แต่อันนี้กูเห็นด้วยกับไอ้ทินนะเว้ย ยังไงลูกศรก็เป็นเหมือนน้องมึง ยิ่งตอนนี้เป็นเมียแล้วด้วย” ไอ้ปลื้มพูดขึ้น
“แล้วไง กูไม่สน” ผมไหวไหล่ให้พวกมันอย่างไม่ใส่ใจ ก็บอกแล้วว่าลูกศรเป็นของผม เธอต้องเป็นของผมแบบนี้ตลอดไป ในฐานะอะไรก็ได้ ที่ผมอยากให้เธอเป็น
“แล้วแต่มึงเลยครับ ถ้าวันหนึ่งเสียใจมาอย่ามาให้พวกกูช่วยนะ” ไอ้องศาพูดออกมา
“กูจำเป็นต้องเสียใจอะไรเพราะยัยนั่น?” ผมถามพวกมันกลับอย่างเป็นเรื่องตลก
“แล้ววันหนึ่งมึงอาจจะเสียใจ” แล้วนี่ก็เป็นเสียงนิ่งๆ ของไอ้ทินที่ดังขึ้นก่อนจะลุกออกจากโต๊ะ
แต่ผมไม่สนใจหรอก เพราะยังไงก็ไม่มีทางที่ยัยนั่นจะทำให้ผมเสียใจได้ นอกจากทำให้ผมหัวร้อนน่ะสิ