ตอนที่3 ซักฟอก
หนึ่งปีต่อมา...
ลูกศร
ตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่ในห้องเรียนด้วยความเบื่อ เพราะอาจารย์ท่านนี้แสนเนี๊ยบเหลือเกิน และตรงเวลาด้วย ตั้งแต่เข้ามาก็สอนๆ พอสอนเสร็จก็ยังจะสั่งงานอีก
“วันนี้อาจารย์จะให้จับกลุ่มสี่คน ทำรายงานมาส่งนะคะ” เสียงอาจารย์ดังขึ้นบอก
“แค่สี่เหรอคะ” เพื่อนคนหนึ่งถาม
“ค่ะ จำนวนนักศึกษาจะลงตัวพอดี จับกลุ่มได้แล้วเขียนชื่อให้ตัวแทนมาส่งพร้อมรับหัวข้อนะคะ” อาจารย์แจ้งต่อ ก่อนนักศึกษาในห้องจะเริ่มหากลุ่มของตัวเองที่ยังขาดเหลือ หรือแบ่งเพื่อนที่เกินไปกลุ่มอื่นๆ
“เอ่อ เราขออยู่กับพวกเธอได้ไหม” แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้พวกฉันหันไปมอง ก่อนจะเห็นเป็นแก้มบุ๋มนั่นเองที่ขออยู่
“อื้ม ได้สิ กลุ่มฉันยังไม่ครบด้วย” คุกกี้พูดขึ้น
ฉันมีเพื่อนสนิทสองคน คือโซดากับคุกกี้ เราสนิทกันมาตั้งแต่มัธยมแล้ว ส่วนแก้มบุ๋มคนนี้เป็นเพื่อนใหม่ของห้องเรา เธอพึ่งโอนหน่อยกิจมาจากที่ไหนไม่รู้ ที่ผ่านมาเธอก็ดูเป็นคนเรียบร้อย และตั้งใจเรียนมากคนหนึ่ง แต่กลับไม่ค่อยเข้าหาเพื่อนเลย นี่ก็เปิดเทอมใหม่ได้เป็นอาทิตย์แล้ว แต่เธอกลับยังไม่มีเพื่อนสนิทสักคน
“อื้ม งั้นเดี๋ยวเราไปส่งให้นะ” แก้มบุ๋มพูดพร้อมกับหยิบกระดาษที่พวกฉันเขียนชื่อตัวเองเสร็จทั้งสามคนไปเขียนชื่อตัวเอง แล้วลุกไปส่งอาจารย์
“ฉันว่ายัยนี่แปลกๆ” โซดาว่าออกมา
“แปลกยังไง” ฉันถามออกไป
“ก็ดูเหมือนแอ๊บๆ ยังไงไม่รู้ ดูไม่ธรรมชาติอ่ะ” โซดาว่าออกมา
“แกคิดมากไปหรือเปล่า” ตามด้วยคุกกี้
“ไม่นะ พวกแกก็รู้ว่าเซ้นส์ของฉันมันเม่น” โซดาว่าออกมาอย่างคาใจ
“ดูๆ ไปเถอะ ถ้าเขาไม่ได้ทำให้เราเดือดร้อนก็ไม่ต้องสนใจ” ฉันว่าออกไป เพราะต่อให้ใครจะเป็นยังไงก็ช่าง แค่ไม่ทำให้เราเดือดร้อนก็พอแล้ว
“อืม ก็จริง” แล้วโซดาก็ว่าออกมาอย่างปล่อยผ่าน พอดีกับแก้มบุ๋มเดินกลับมา
“วันนี้พอแค่นี้ค่ะ ไปพักได้” อาจารย์พูดขึ้น
“ขอบคุณค่ะ/ครับ” เสียงของนักศึกษาดังขึ้นก่อนจะเร่งมือพากันเก็บของลงกระเป๋าอย่างรีบร้อน
“เร็วๆ พวกแก ฉันหิวมากแล้ว” โซดาพูดขึ้น ยัยนี่มันจะออกแนวห้าวๆ ลุยๆ แต่ไม่ใช่ว่าห้าวแบบทอมอะไรหรอกนะ แค่เป็นแนวลุยๆ อ่ะ
“เออ ก็รีบอยู่” คุกกี้ตอบกลับ ส่วนฉันตอนนี้เสร็จแล้ว คุกกี้จะเป็นแนวมองโลกในแง่ดี และช้ากว่าเพื่อนตลอด
“ไปๆๆ” พอเสร็จกันทุกคน โซดาก็พูดขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องด้วยความรีบร้อน สงสัยจะหิวจริงๆ
พอมาถึงโรงอาหารกลางพวกเราก็เอากระเป๋าไปวางโดยไม่ลืมหยิบกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์มาด้วย ก่อนจะแยกย้ายกันไปซื้อข้าว ซึ่งตอนนี้มันเป็นเวลาเที่ยงพอดี ทำให้คนค่อนข้างเยอะ แล้วยิ่งนี่เป็นโรงอาหารกลางที่อยู่ใกล้หลายๆ คณะแถวนี้ด้วย ทำให้จำนวนนักศึกษายิ่งเยอะไปใหญ่
แต่ไม่นานฉันกับเพื่อนก็ได้ข้าวเที่ยงกันเรียบร้อย ก่อนจะเดินกลับมานั่งที่ที่จองไว้พร้อมกับน้ำและข้าวคนละแก้วคนละจานแล้วเริ่มลงมือกิน
แต่...
“เอ่อ เราขอนั่งด้วยคนได้ไหม” เสียงที่ทักขึ้นทำให้พวกฉันสามคนแทบชะงักช้อนที่จะจ่อปากแล้วหันไปมอง
“อ๋อ นั่งสิ” ฉันตอบกลับก่อนจะยกกระเป๋าวางบนตักของตัวเอง
“ขอบใจนะ” แก้มบุ๋มตอบกลับด้วยรอยยิ้มก่อนจะนั่งข้างๆ ฉัน เพราะว่าฉันนั่งตรงข้ามกับโซดาและคุกกี้
หลังจากพวกเราใช้เวลากินข้าวกันไม่นานก็เสร็จเพราะหิวมาก ก็หันมานั่งพูดคุยกันตามประสาเพื่อน แต่วันนี้คงมีประเด็นให้พูดใหม่ นั่นก็คือการซักเด็กใหม่อย่างแก้มบุ๋ม
“เธอย้ายมาจากไหนเหรอ” เป็นคุกกี้ถามออกไป
“เรามาจากมหา’ลัย XS น่ะ”
“แล้วทำไมถึงได้ย้ายมาล่ะ” คราวนี้เป็นโซดาที่ถามอย่างจับผิดมาก
“พอดีเรามีปัญหานิดหน่อยน่ะ เลยต้องย้ายกลับมาคืน” แก้มบุ๋มพูดขึ้น
“แปลกนะ เด็กนอกอย่างเธอ แต่ดูเรียบร้อยยิ่งกว่าพวกฉันอีก” โซดาพูดอย่างไม่เลิกจับผิด
“แฮร่ พอดีเราไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นทั่วไปหรอก” แก้มบุ๋มยิ้มแห้งๆ ก่อนจะพูดขึ้น
“แล้วเธออยู่ที่นั่นนานแล้วเหรอ” คุกกี้ถามต่อ
“ไม่หรอก เราพึ่งไปตอนจบมอปลายเอง แต่มันมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงกะทันมาก เลยทำให้ต้องย้ายกลับมาคืน”
“งั้นแสดงว่าตอนมัธยมเธอก็เรียนที่ไทยสิ” คุกกี้ถามต่ออย่างตื่นเต้น
“อื้มใช่”
“แล้วเรียนที่ไหนเหรอ เผื่อเราจะรู้จักกัน” คุกกี้ถามต่อ
“เราเรียนโรงเรียน YT น่ะ”
“หืม นี่มันโรงเรียนเดียวกับพวกฉันสามคนนี่ ทำไมถึงไม่เคยเจอ” โซดาถามออกมาอย่างแปลกใจ
“ฉันเรียนเอกวิทย์คณิตน่ะ แล้วพวกเธอล่ะ” แก้มบุ๋มถามกลับ
“พวกฉันเรียนศิลป์ภาษา” ฉันตอบกลับไปเอง
“ถึงจะเรียนคนล่ะเอก แต่มันก็มีแค่สิบสามทับรวมกัน ไม่น่าไม่เคยเจอกันได้ เธอก็ออกจะเด่นตาขนาดนี้” โซดาพูดออกมาอย่างวิเคราะห์
อะไรที่ตัวเองสงสัย เพื่อนฉันก็แบบนี้แหละ ได้คาใจอะไรก็จะไม่เลิกเชื่อจนกว่าจะได้คำตอบที่แน่ชัดด้วยตัวเองและหลายๆ อย่าง
“ตอนนั้นฉันคงเฉิ่มมากมั้ง เลยไม่ได้เป็นที่สนใจของใครๆ” แก้มบุ๋มพูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“คนอย่างเธอเคยเฉิ่มด้วยเหรอ” โซดาถามกลับอย่างจับผิด
ความหมายก็คงจะหมายถึงว่าเคยเป็นเด็กเฉิ่ม เด็กเนิร์ดอะไรแบบนั้นด้วยและมั้ง เพราะว่าแก้มบุ๋มเป็นคนสวยมากนะ ฉันยอมรับ มันเลยทำให้ไม่คิดว่าจะเคยอยู่ในลุคนั้นด้วย
“ช่างเถอะๆ ได้เวลาเรียนแล้ว ไปเรียนกันเถอะ” ฉันตัดบทออกไป ไม่งั้นเดี๋ยวยัยโซดาไม่เลิกสงสัยสักที รับรองแก้มบุ๋มโดนซักฟอกจนขาวแน่