เพื่อนร้ากกกกก
ตากลมโตของระรินเบิกกว้าง
“เราเห็นนาย กล้าดี คืออีกอย่างเรา.... กลัวองค์ฟีรอส ลุงบุญสมบอกให้มาตกลงกันเอาเอง”
ระรินยิ่งสงสัยหนัก
“เรื่องอะไร”
“คือเรามีหน้าที่.. ถวาย.. ปรนนิบัติ ...แบบ... แบบว่าประมาณว่าทำที่หลับที่นอน เออตรวจตราที่บรรทม ประมาณว่าที่นอนหมอนมุ้งให้องค์ฟีรอสแต่เราอยากขอเปลี่ยนกับนาย เราจะทำหน้าที่แทนทุกอย่างข้างนอกนี่ยกเว้นในห้องบรรทมจะได้ไหม”น้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ
จนได้ไหมล่ะระรินคิดในใจ แล้วไอ้ที่ยิ้มร่าดีใจตอนถูกเลือกกับเสียงหัวเราะที่หัวเราะเยาะเธอเมื่อขอสละสิทธิ์ นี่มันใช่คนเดียวกันไหมที่แบบนี้ไอ้คนนั้นไปไหนเสียล่ะ
ระรินถอนหายใจยาวเหยียด
“เราทำแทนทุกอย่างเลย ทุกอย่างจริงจริงนายทำแค่สองอย่างได้ไหมเพื่อนรัก”
โอ้ ระรินกลายไปมีเพื่อนรักตั้งกะเมื่อไหร่
“หรือจะให้เราแบ่งค่าจ้างส่วนของเราให้นายก็ได้นะ”ใจป้ำซะด้วย
ไปกันใหญ่เลย ระรินรู้ดีว่ามาอยู่ที่นี่ค่าจ้างสูงสิบ งานสบายที่อยู่ที่กินก็ดีต่างจากพวกที่อยู่ข้างนอกที่ต้องดิ้นรน แต่เธอก็ไม่อยากได้ของใคร แม้จะคิดว่าจะพยายามเก็บเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะได้กลับบ้านไปเรียนต่อถ้าหากไม่ถูกจับได้เสียก่อน
“ไม่เป็นไร เราไปเองก็ได้”
ไอ้หนุ่มขี้กลัว เผลอตัวคว้ามือระรินขึ้นมากุมไว้ด้วยความดีใจระรินชักมือออกด้วยความตกใจเหมือนกัน สายตาคมกริบของฮาฟซาจ้องมองแบบจับผิดจากมุมหนึ่ง
“ดีใจจริงจริงเลยเพื่อนยาก เริ่มคืนนี้เลยนะเพื่อน”เช็ดมือไปมา
แหวะระรินอยากจะบ้าตาย นี่นายกะจะไม่เข้าไปเจอองค์ฟีรอสเลยหรืออย่างไร เฮ้อ!
ยามเย็นที่แสนจะวุ่นวายผ่านไปเสียทีระรินยืนอยู่ที่ระเบียงยาวทอดไปสู่ห้องบรรทม องครักษ์หลายคนประจำตามจุดต่างๆระรินมองคนนู้นทีคนนี้ทีพลางทอดสายตาไปสู่ดวงจันทร์ดวงกลมใหญ่ ที่ต่างจากดวงจันทร์ที่เธอเคยเห็นเพราะมีขนาดใหญ่กว่า ความสวยงามก็มากกว่า เสียงฝีเท้าจากด้านหลังทำเอาระรินสะดุ้ง
“ตกใจหรือ”
ฮาฟซาเดินมาจากทางห้องพักขององครักษ์ที่อยู่ติดกันกับห้องบรรทม ระรินพยักหน้าสายตาคมกริบยังมีแววจับผิด ระรินหลบตาก้มหน้า ฮาฟซายิ่งเขม่นมองอย่างค้นคว้า ด้วยว่ารูปหน้าที่งดงามอย่างหาที่ติไม่ได้ของระรินความหวานที่ฉาบทาอยู่ไม่อาจปิดบังได้
“มายืนเหม่ออะไรอยู่ที่นี่ ยังไม่พักผ่อนอีกหรือ”
เสียงทุ้มนุ่มหูเจือไว้ด้วยความห่วงใยกลายกลาย
“มารอถวายการรับใช้ใน…. ห้องบรรทมขอรับท่านฮาฟซา”
แม้จะดัดเสียงให้ห้าวหาญเพียงใด ก็ไม่อาจกลบความหวานของน้ำเสียงได้ ระรินกระแอมเบาเบา
“อ้าวหน้าที่ของเจ้ารึ ตามจริงต้องผลัดกันสองคนกับเจ้าประพันธ์ไม่ใช่รึ”
ฮาฟซาเหมือนจะรู้รายละเอียดในงานของเด็กรับใช้เป็นอย่างดี
“ประพันธ์บอกว่าลุงบุญสมให้ตกลงกันเอาเองขอรับ”
แววตาอ่อนโยนด้วยความเห็นอกเห็นใจ ฉายออกมาเพียงแวบเดียวก็หายไป
“เหนื่อยแย่”
“เขารับปากว่าจะทำอย่างอื่นแทนขอรับ”
ฮาฟซาเลิกคิ้วทำท่าตกใจ ทำให้ใบหน้าคมยิ่งน่ามองยามผ่อนคลาย
“เจ้านี่กล้าหาญไม่น้อย ใครใครก็กลัวองค์ฟีรอสส่วนเจ้าช่างกล้า”
ทำอย่างไรได้ระรินคิดตกกระไดพลอยโจนแล้วนี่
“องค์ฟีรอสท่านใจดีจะตายไป คนมาใหม่ใหม่กลัวท่าน ทุกคนแต่อยู่ไปนานนานเดี๋ยวก็รัก แต่อย่าไปทำให้ท่านโกรธหรือขัดใจถ้ามีเรื่องให้ช่วย บอกเราได้ทุกเวลา ^_____^”
รอยยิ้มหวานถ้าเป็นเวลาอื่นระรินอาจใจละลายไปแล้วแต่ขณะนี้ไม่มีแก่ใจจริงจริง
แสงจันทร์นวลส่องจับใบหน้าสวยหวานของระรินเพียงเสี้ยววินาทีนั้น ดวงหน้าที่ไม่อาจปกปิดได้ของระรินอยู่ในสายตา องครักษ์หนุ่มหัวใจไหววูบด้วยมีบางอย่างแล่นเข้ามาในความคิดคำนึง ผู้ชายทำไมถึงได้มีบางอย่างที่น่ามองและชวนหลงไหลเพียงนี้-
"เจ้าอายุเท่าไหร่"
คำถามที่จงใจถามเพื่อคำตอบ
"ยี่สิบ ครับ ผมอายุยี่สิบ"
ระรินตอบตามความจริง เธอเพิ่งเรียนจบ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาการโรงแรมมาเมื่อไม่กี่วันนี้เองก็ไม่จำเปแ้นต้องปิดบังอยุ่แล้วในเมื่อใบสมัครที่ส่งมาก็ยี่สินระวินเองก็อายุเท่ากัน
"หน้าตาเจ้า ไม่น่าถึงยี่สิบ"
อมยิ้มที่มุมปากเหมือนจะหยิกแกมหยอก ชิชะหาว่าเราอ่อนหัด ระรินคิดในใจ
"มีแฟนรึยัง"
ไม่บอก ระรินคิดต่างจากคำพูดคิดถึงเพื่อนร่วมห้องที่เคยคบหากันมาแต่สุดท้ายก็เลิกรากันไปด้วย ความห่างเหินเมื่อเขาต้องไปเรียนต่อมหาลัย
"ใครอยู่ข้างนอกเข้ามาข้างในหน่อย"