มิตรภาพ
ระรินเดินตามระเบียงสูงของตำหนักใหญ่
ความสวยสง่าเมื่อยามต้องแสงอาทิตย์อัสดง เธอหยุดอยู่หน้าห้องก่อนจะเคาะประตูห้องส่วนตัวสองสามทีไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา ระรินผลักประตูเบาๆก่อนที่จะแทรกร่างบางเข้าไปห้องโอ่อ่าสวยงามตกแต่งแบบตะวันตก
ทุกอย่างคล้ายกับถูกจัดวางไว้อย่างลงตัว สวยงามหรูหราจนไม่อาจละสายตา ระรินเดินเข้าไปเรื่อยเรื่อยแต่ไม่พบใครเธอจึงถือโอกาส มองสำรวจด้วยความชื่นชมในความสวยงามลงตัว เงินนี่ทำได้ทุกอย่างจริงระรินคิดในใจเดินลูบคลำนู่นนี่เรื่อยเปื่อย จนเดินมาหยุดที่เตียงใหญ่ เสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาว ร่างสองร่างกอดก่ายกันอยู่บนเตียงเสื้อผ้าฝ่ายหญิงหลุดลุ่ยระรินมองแว๊บเดียวก็รู้ได้ทันทีว่านั่นคือองค์ฟีรอส และสาวนางแบบนางนั้นที่เธอเห็นเมื่อตอนกลางวัน ระรินตัวแข็งทื่อหันหน้าเดินหนี แต่ช้าไปเสียแล้ว
“หยุดอยู่ตรงนั้นนะ เจ้าเข้ามาได้อย่างไร”
เสียงเข้มดุดัน ระรินอยากจะหายตัวได้ในทันที หันหน้ามาทำเอาร่างบางชนเข้ากับอกกว้าง ฉลองพระองค์ที่ถือมาร่วงพล่อยลงไปกับพื้น อกใหญ่ที่ปราศจากอาภรณ์ กลิ่นกายของชายชาตรีระรินหน้าแดงทันที ร่างสูงตรงหน้าคว้าแขนบางกำไว้แน่น
“กระผมเอาฉลองพระองค์มาให้ขอรับ”
ระรินละล่ำละลักก้มหน้าหลบแก้มแดง
“นึกว่ามาแอบดู .....ออกไปได้แล้ว...”
ระริน รีบสาวเท้าเดินออกมาแขนแข็งแรงคว้าข้อมือบางไว้ทันที
“ไม่ใช่เจ้า ...เธอ... หมดอารมณ์แล้ว^_^”
มือชี้ไปยังร่างระหงของสาวสวยบนเตียงนุ่ม สาวเจ้าจัดแจงเสื้อผ้าชุลมุนหน้างอหงิก ฉับพลันก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มเดินเฉิดฉาย มาหยุดอยู่ตรงหน้าของ องค์ฟีรอสระรินหลบตาวุ่นวาย ก้มหน้านิ่งแขนแข็งแรงยังไม่ปล่อยเธอ
“ถ้า พระองค์ต้องการหม่อมฉันเมื่อไหร่”
สายตาหวานหยดย้อยนั้นทำเอาระริน แทบจะแทรกแผ่นดินหนี
“ก็ เรียกนะเพคะ หม่อมฉันจะรอ”
มือสวยที่ทาเล็บสีแดง ลูบไล้ไปบนอกกว้างที่ปกคลุมด้วยไรขน คนโดนกระทำไม่สนใจสะบัดหน้าหนีก่อนจะ กดหัวเธอให้ก้มลงไปเก็บฉลองพระองค์
“เก็บมันขึ้นมา แล้วตามมาเตรียมน้ำในอ่างให้เราด้วย แล้วรอจนกว่าเราอาบน้ำเสร็จ”
พูดเสร็จก็จะปล่อยเธอแล้วเดินหันหลังทำท่าคล้ายจะเปลื้องผ้าของตัวเอง
ก่อนจะเปลี่ยนใจบ่นพึมพำ
“องครักษ์ไปไหนหมด ถ้าเป็นคนร้ายเรามิตายไปแล้วหรือ”
ระรินอกสั่นขวัญหายก่อนจะเดินแบบเร็วรี่ไปยังอ่างอาบน้ำ ระฆังช่วยชีวิตไว้ทันพอดี เป็ง เป็ง
“พระองค์เกิดเหตุอะไรหรือ กระหม่อมได้ยินเสียงเอะอะ”
ฮาฟซาองครักษ์หุ่นล่ำหล่อร้ายเข้ามาขัดจังหวะระรินมองคนนู้นทีคนนี้ที
“เจ้าระวิน ลุงบุญสมตามหาเจ้าอยู่”
เสียงทุ้มนุ่มหู พูดพลางพยักหน้าไล่ส่งระรินรีบเดินตัวลีบออกไปทันที นึกขอบคุณองครักษ์หนุ่มหล่อ
“อย่าเพิ่งให้มันไปให้มันเตรียมน้ำให้เราก่อน”
เสียงเกรี้ยวกราด
“ไม่เป็นไรกระหม่อม ประเดี๋ยวกระหม่อมจะเตรียมถวายเอง มันได้เวลารับประทานอาหารเย็นแล้ว ประเดี๋ยวจะไม่ทันเวลาพาลจะอด”
องครักษ์หนุ่มออกตัวแทน ด้วยทราบอารมณ์ของผู้เป็นนายได้ดี ระรินเดินผ่านประตูออกมาช้าๆ ด้วยกลัวว่าคำสั่งจะเปลี่ยนแปลง แต่เงียบไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดใดอ๋อหรือว่าจะเป็นคู่จิ้นกันหนอ เหมือนกับจะเกรงใจท่านองครักษ์ใหญ่ชอบกล
“เกือบซวยอีกแล้วซี่เจ้าระวิน ไม่ดูตาม้าตาเรือคราวหลังถ้าจะเข้าไปต้องส่งเสียงให้องค์ฟีรอสท่านก่อนไม่ใช่แอบเข้าไปอย่างนั้นทรงกริ้วมากรู้ไหม ดีที่ท่านฮาฟซาเข้าไปพอดี”
เสียงลุงบุญสมบอกเล่าเรื่องที่เธอควรปฏิบัติ
“ไป๊ ไปกินข้าวกัน กินได้ไหมอาหารที่นี่มีแต่อาหารมุสลิมเดี๋ยวอยู่ไปนานๆลุงจะพาไปเดินตลาด”
เธอซาบซึ้งในความห่วงใยจนเกือบจะร้องไห้ อย่างน้อยคนบ้านเดียวกันก็ไม่ทิ้งกัน
“ทำไม องค์ฟีรอสท่านอารมณ์ร้ายจังล่ะลุง”
ลุงบุญสมจุ๊ปาก
“ห้ามนินทาหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง เป็นบางเรื่องที่ท่าน ขี้โมโห บางเรื่องก็แสนจะดี*___*”
ตรงไหนหนอ ระรินคิดในใจจะมีดีดีบ้างไหม
หน้าตาที่แสดงว่าไม่เชื่อของระรินปิดไม่มิด
“เดี๋ยวอยู่ไปนานๆ ก็รู้เองแหละว่าองค์ฟีรอสท่านดีที่สุดในวังนี้ไม่เหมือนองค์อื่นพวกเรารักท่านทุกคน”
“............”
ระรินกินอาหารมุสลิมอย่างเงื่องหงอยอาหารที่มีแต่อาหารเลี่ยนๆ คิดถึงอาหารไทยรสจัดที่บ้านจับใจ หนุ่มอีกคนที่ถูกคัดเลือกให้มาทำงานในวังพร้อมกัน มองดูระรินจากที่ไกลไกลก่อนจะขยับเข้าใกล้
“ระวิน นายเคยเข้าไปในห้องบรรทมขององค์ฟีรอสแล้วใช่ไหม”
ระรินพยักหน้าแทนคำตอบ
“คือ คือว่าเราอยากขอร้องนาย"