สู้ต่อไประริน
น้ำเสียงค่อนข้างฉุนเฉียว ดังมาจากห้องบรรทมขององค์ฟีรอส ฮาฟซาและระรินถลาเข้าไปในห้องพร้อมกันยุติการสนทนาเพียงเท่านั้น
"ใครเป็นคนจัด แท่นบรรทมของเราวันนี้"
ฮาฟซามอง ไปที่แท่นบรรทมพร้อมกับหลุดเสียงหัวเราะออกมาทันทีก้มหน้าแล้วเหลือบตามองระรินยิ้มๆ อะไรของเขายิ้มเสียหล่อเชียว
" ระวิน กระหม่อม "
อาการกลั้นหัวเราะเปลี่ยนเป็นอมยิ้มแต่อีกคนไม่ขำด้วย สายตาคมกริบ แข็งกร้าวหันมามองระรินแทบจะกินเลือดกินเนื้อ ระรินเสียวสันหลังวาบ
๑_๑ อะไรอีกหนอทีนี้
"บอกมันสิฮาฟซา ว่าทำไม ว่ามันผิดอะไร"ชี้นิ้วเรียวยาวมายังระรินดวงตาดั่งเปลวเพลิงลุกโชน
สายตาตำหนิยังคงส่งมาถึงร่างบอบบางที่ทำตัวลีบ อยากจะหายตัวในบัดดล
" เจ้านี่นะระวิน เห็นไหมว่าต้องวางหมอนไว้ตรงไหน เจ้าวางผิดตำแหน่ง"
ฮาฟซาเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นจริงจัง ซวยอีกแล้ว ทำไมไม่มองเลย คงจะคิดถึงบ้านมากไปหน่อยเหม่อไปนิดคิดไถลไปหน่อยเฮ้อ! หันไปทางผิดทางทิศต้องห้าม โธ่ถัง ระรินเอาอีกแล้ว เรียนการโรงแรมแต่เรื่องเล็กน้อยกับพลาดไม่เป็นท่า
"เดี๋ยวกระหม่อมจัดการให้ใหม่"
ฮาฟซารู้สึกสงสารระรินจับใจ ดวงตากลมโตคล้ายลูกกวางระวังภัยนั้นตื่นตกใจไม่น้อยวันแรกก้เจอแจ็คพร็อตเลยทีเดียว
"ทำให้มันดูเป็นตัวอย่างสิ คราวหลังถ้าทำผิดอีก เราจะให้มันนอนกลับหัวบนแท่นนอนนี้แทนเรา"
ระรินหน้าตาบูดบึ้งแต่ก้รีบก้มหน้า ฮาฟซาขยิบตาเป็นสัญลักษณ์
ระรินรีบปรับสีหน้าให้เรียบเฉย
"ให้มันนอนอยู่ห้องเดิมของเจ้าคนเก่านะ เรามีอะไรต้องเรียกใช้มันอาจจะทั้งคืน" ฮาฟซาส่งสายตาแสดงความเห็นใจ ความสงสารแล่นเข้าสู่หัวใจของฮาฟซาอย่างไม่รู้ตัว ระรินเข่าอ่อนเวรแล้วระรินเอ่ย
ห้องนอน กว้างโอ่อ่าเครื่องปรับอากาศทำห้องเย็นเฉียบ ระรินนอนพลิกตัวไปมา นอนไม่หลับจ้องมองไปยังประตูห้อง ที่เชื่อมต่อกับข้างๆห้ององค์ฟีรอส ผู้ชายหน้าตาดีแต่ค่อนข้างน่ากลัวในสายตาระริน ทำไมทั้งลุงบุญสมและองครักษ์ฮาฟซา ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทรงเป็นองค์เดียวที่ใจดีที่สุดในวังทองคำแห่งนี้
ระรินนอนไม่หลับแอบย่องเงียบกริบไปยังระเบียงซึ่งหันหน้าไปทางทิศใต้ อากาศข้างนอกค่อนข้างอุ่นแต่ไม่ถึงกับร้อน เพราะเป็นเวลาดึกพอสมควร ทหารยามสองสามคน ยืนประจำจุดแข็งขันไม่มีทีท่าว่าจะง่วงนอนทั้งทั้งที่เป็นเวลาดึก เธอนึกปลงว่าอีกหน่อยเธอก็คงไม่ต่างจากพวกเขาที่ต้องตาสว่างในเวลากลางคืนแล้วไปนอนยามเช้าที่แดดส่องตา
ระรินคอยเงี่ยหูฟังเสียงเรียกตลอดเวลา ระเบียงตำหนักที่ทอดยาวหันหน้าเข้าสู่ตัวตำหนักอีกตำหนักหนึ่งซึ่ง ระรินลืมไปสนิทว่าจะเอ่ยปากถามองครักษ์ฮาฟซา ว่าเป็นตำหนักของใครด้วยความเหมือนของโครงสร้างทว่าตำหนักที่หันหน้ามาทางตำหนักนี้มีความหรูหราและสวยงามกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทุกอย่างถูกตกแต่งอย่างประณีตงดงาม ระรินไม่อยากคิดถึงมูลค่าของการตกแต่ง ตำหนักองค์ฟีรอสจึงกลายเป็นเพียงตำหนักที่สวยงามแบบเรียบๆ ถ้าเทียบกับตำหนักตรงกันข้ามแสงไฟสว่างไสวไปทั่วตำหนัก
ระรินปล่อยใจให้ล่องลอยไปสู่ตำหนักตรงหน้า มองสำรวจจนพอใจฉับพลันนั้นเอง สายตาเจ้ากรรมดันไปประสบเข้ากับกล้องส่องทางไกล ของใครคนหนึ่งที่กำลังจับจ้องมาที่เธอ ณ.ริมตำหนักสวยนั้น ลักษณะการแต่งกายที่ละม้ายองค์ฟีรอส หากแต่การแต่งกายไม่ได้ยึดติดเหมือนคนอาหรับทั่วไป เป็นการแต่งกายแบบตะวันตก ผสมการแต่งกายแบบอาหรับที่ลงตัว เธอยืนตะลึงอยู่กับที่จนกระทั่ง คนผู้นั้นลดกล้องลงยกมือขึ้นโบกเป็นการทักทายเธอ ระรินนิ่งงันคนผู้นั้นจ้องมองพร้อมกับยิ้มแย้ม ทั้งใบหน้าและดวงตา ใบหน้าที่ละม้ายองค์ฟีรอสหากแต่แววตาอ่อนโยนกว่านัก
"เจ้าระวิน แกอยู่ไหน"
เสียงดังออกมาจากห้องบรรทม ระรินรีบถลาเข้าไปในห้อง คนฝั่งตรงข้ามจ้องมองจนลับตา
"อยู่นี่กระหม่อม"ส่งเสียงอ้อมแอ้มไม่กล้าสบตาด้วยซ้ำ
"เรียกตั้งนานไม่รู้หรืออย่างไรว่าต้องคอย.. ฟังเสียงเรียก"
ดวงตาคมนั้น มีแววดื้อรั้นปนอยู่ในนั้น
"รู้กระหม่อมแต่.. กระผม ..เอ่อ.. ออกไปรับลมมา"
ระรินไม่กล้าโกหก
"ฉันนอนไม่หลับ"
เวร.. แล้ว จะให้กล่อมเลยไหม
"จะให้ทำอย่างไร กระหม่อม"