บทที่ 7 หลานชาย
“คุณรัตน์เป็นอะไรคะ”
“กลุ้มใจน่ะสิฟ้า” ยุพารัตน์มองหน้าเฟื่องฟ้าผู้ช่วยของหล่อนแล้วถอนใจยาว
“เรื่องงานรึเปล่าคะตอนนี้ดิฉันติดต่อซื้อสมุนไพรได้แล้วค่ะที่จะเอามาทำครีมบำรุงทรวงอกน่ะค่ะ”
“เหรอ ดีนี่ แต่ที่ฉันกลุ้มอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องงานแต่เป็นเรื่องหลานชายฉัน”
“คนที่จะมาบริหารบริษัทน่ะเหรอคะทำไมคะเขาไม่ยอมเหรอคะ เด็กรุ่นใหม่ก็ยังงี้แหละค่ะมองไม่เห็นคุณค่าของสมุนไพรไทยสักเท่าไหร่”
“ไม่ใช่ยังงั้นที่กลุ้มอยู่นี่เพราะหลานฉัน..” ยุพารัตน์ชะงักคำพูด หล่อนควรจะเล่าเรื่องในครอบครัวให้เฟื่องฟ้าฟังดีหรือเปล่า
“ทำไมคะเขาไม่อยากให้เปิดบริษัทเหรอคะ”
“เปล่า ฉันไม่รู้จะเล่ายังไงดี ว่าแต่ฟ้าพอจะรู้จักหมอไทยรักษากระดูกมั้ย ฉันจะพาหลานไปรักษา”
“มีน่ะมีหรอกค่ะแต่คุณจะเชื่อรึเปล่าเท่านั้นแหละ” เฟื่องฟ้ามองหน้าผู้เป็นเจ้านาย
“เชื่อสิ ฉันยอมรับเรื่องสมุนไพรนานแล้วเธอก็รู้ไม่งั้นฉันจะให้เธอช่วยหาซื้อสมุนไพรมาทำเครื่องสำอางทำไมกันล่ะ สรรพคุณสมุนไพรบางตัวรักษาโรคได้หมอสมัยใหม่ยังยอมรับฉันก็เชื่อว่าต้องได้”
“คนสมัยก่อนเขาใช้สมุนไพรรักษาโรคกันทั้งนั้นแหละค่ะไม่มียาแผนปัจจุบันเหมือนสมัยนี้หรอก”
“รู้แล้ว ทีนี้จะบอกฉันได้รึยังว่าหมอรักษากระดูกที่เธอรู้จักอยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่บ้านดิฉันค่ะ คุณรัตน์ไปดูก่อนก็ได้ค่อยพาหลานไป” เฟื่องฟ้ามองหน้านายสาว
“งั้นเธอนำทางฉันทีไปเดี๋ยวนี้เลย”
ยุพารัตน์ไม่รีรอการตัดสินใจหล่อนต้องการให้วรรธนัยหายโดยเร็วที่สุด เฟื่องฟ้าพาเจ้านายมาที่หมู่บ้านทรายแก้วของหล่อน ที่นี่แม้จะมีความเจริญเข้ามาสู่หมู่บ้านนานแล้วก็ตามแต่การรักษาเกี่ยวกับโรคกระดูกของหมอบ้านอย่างส่งยังคงมีอยู่
ชาวบ้านหลายคนพาลูกหลาน สามีและภรรยาที่แขนหัก ขาหัก ตกต้นไม้กระดูกร้าวมารักษากับหมอส่งและผลการรักษาแขนสามารถใช้งานได้ตามปกติขาเดินได้เช่นเดิมชื่อเสียงของหมอส่งจึงเป็นที่รู้จักของคนในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียง เฟื่องฟ้ารู้จักกับหมอส่งเป็นอย่างดีเพราะนอกจากจะเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันแล้วยังเป็นญาติห่างๆ ซึ่งเฟื่องฟ้านับถือส่งเหมือนพี่ชายคนหนึ่งทีเดียว
ยุพารัตน์มาถึงบ้านหมอส่งขณะมีคนป่วยตกต้นไม้มารักษาที่ขา คนเจ็บเดินไม่ได้เพราะหน้าแข้งหักต้องเข้าเฝือกด้วยไม้ไผ่ซึ่งเหลาเหมือนกับตะเกียบนำมาถักเรียงกันด้วยเชือกแล้วจึงทำเป็นเฝือกไม้รอบขาที่หัก หมอส่งใช้น้ำมันในขวดเล็กๆ ถูนวดบริเวณจุดที่หักและท่องคาถากำกับซึ่งการรักษาเช่นนี้ยุพารัตน์เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิตของหล่อน
“ฟ้า มันจะหายเหรอ” ยุพารัตน์กระซิบถามเฟื่องฟ้าเมื่อเห็นวิธีการรักษาของหมอส่ง
“หายค่ะ ไม่ถึงอาทิตย์หรอกถ้าคุณรัตน์ไม่เชื่อจะอยู่ดูก็ได้นะคะ” เฟื่องฟ้ายืนยันการรักษาของหมอส่ง
“แล้วทำไมต้องท่องคาถาอะไรนั่นด้วยล่ะ” สาวใหญ่สงสัย
“มันเป็นมรดกตกทอดมาจากรุ่นทวดรุ่นปู่ค่ะ คนสมัยก่อนรักษาด้วยคาถากับสมุนไพรคุณรัตน์คงไม่เข้าใจนักเพราะคุณเป็นคนกรุงเทพฯตั้งแต่เกิดเจ็บป่วยก็หาหมอโรงพยาบาล”
“ใช่ ฉันถึงต้องถามไงล่ะ” ยุพารัตน์ยอมรับในสิ่งที่เฟื่องฟ้าพูด
“แล้วนี่คุณรัตน์จะพาหลานมารักษามั้ยคะลองดูเผื่อหายค่ะคุณหมอว่าไงล่ะคะ”
“หมอว่ากระดูกสันหลังเคลื่อนไม่สามารถผ่าตัดได้เพราะทับเส้นประสาทสำคัญถ้าผ่าตัดพลาดไปตาวรรธอาจพิการตลอดไปตอนนี้ทานยาแล้วก็ทำกายภาพบำบัดรอคุณหมอตัดสินใจว่าจะผ่าหรือไม่ผ่า”
“หมอต่างประเทศเหรอคะ”
“ใช่ แต่ตาวรรธไม่ยอมไปไหนไม่พบหน้าใครฉันกับพี่ชายพี่สะใภ้ถึงกลุ้มกันอยู่นี่ไง เราอยากให้ตาวรรธหายก่อนเปิดบริษัท”
ยุพารัตน์ยอมเล่าเรื่องหลานชายให้เฟื่องฟ้าฟัง หล่อนเชื่อใจและไว้ใจเฟื่องฟ้าตั้งแต่รู้จักเฟื่องฟ้าและรับเข้ามาช่วยทำงานในบริษัทเฟื่องฟ้าทำงานด้วยความรักและซื่อสัตย์มากไปกว่านั้นยุพารัตน์เห็นเฟื่องฟ้าเป็นเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งเพราะเฟื่องฟ้าอายุน้อยกว่าหล่อน 2 ปี
“ถ้างั้นต้องลองพูดกับคุณวรรธดู ให้ดิฉันช่วยพูดก็ได้ค่ะเขาจะได้เชื่อเพราะดิฉันเห็นการรักษามาตั้งแต่เด็กๆ”
“ฉันจะลองพูดดูก่อนถ้าตาวรรธไม่สนใจฉันจะพาเธอไปคุยกับตาวรรธ”
ยุพารัตน์ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้วรรธนัยหายเป็นปกติ หล่อนกลับมาเล่าเรื่องที่ไปพบหมอส่งให้วรทัตกับประภาฟังทั้งสองจึงอยากไปเห็นด้วยตาตัวเองยุพารัตน์จึงต้องพาพี่ชายและพี่สะใภ้ไปดูวิธีการรักษาของหมอบ้าน วรทัตเชื่อเรื่องการรักษาแบบโบราณแต่ประภาไม่ค่อยเชื่อเพราะหล่อนไม่เคยรู้จักกับการรักษาแบบนี้มาก่อน ยุพารัตน์จึงบอกกับพี่สะใภ้ว่า