บทที่ 3 พิการ
“ไม่เป็นอะไรหรอกลูก หมอให้พักผ่อนมากๆ ไม่นานลูกก็จะหาย” วรทัตตอบแทนภรรยาเพราะประภาเริ่มมีหยาดน้ำตาเต็มสองหน่วยตาอีกแล้ว
“คุณแม่ร้องไห้ทำไมครับ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว” วรรธนัยยิ้มให้มารดามืออุ่นของเขาแตะที่แก้มมารดาอย่างรักใคร่บูชาแต่เพียงครู่เดียวรอยยิ้มของเขาก็จางหายไป เขาขยับตัวจะลุกขึ้นนั่งแต่ขาของเขาไม่ขยับตาม ชายหนุ่มมองไปที่เท้าซึ่งมีผ้าห่มสีขาวสะอาดคลุมอยู่ เขาเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บเท้าหรือขาทั้งสองข้างทั้งที่อุบัติเหตุครั้งนี้ขาเขาน่าจะหักแต่เขาไม่รู้สึกอะไรเลย
“ทำไมผมขยับขาไม่ได้” เขามองหน้าบิดาและอาสาวก่อนจะหันมาที่มารดาซึ่งบัดนี้ประภาปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม หล่อนสะอื้นอย่างสุดที่จะกลั้นไว้อีกต่อไปได้
“คุณแม่ คุณแม่ร้องไห้ คุณแม่รู้..ผม..ผม..” วรรธนัยก้มมองเท้าของเขาอีกครั้งมือข้างหนึ่งสะบัดผ้าห่มออกจากร่างตัวเอง เท้าทั้งสองข้างของเขาไม่มีบาดแผลไม่การเข้าเฝือกทุกอย่างปกติดีแต่ทำไมเขาขยับไม่ได้
“อารัตน์ บอกผมสิครับผมเป็นอะไรกันแน่ทำไมขาผมยกไม่ขึ้น” เขาเงยหน้ามองอาสาวซึ่งยืนอยู่ข้างเท้าของเขา ยุพารัตน์พยายามกลืนก้อนแข็งๆ ที่จุกแน่นอยู่ในลำคอลงไป หล่อนต้องเข้มแข็งให้หลานเห็นไม่เช่นนั้นวรรธนัยจะเสียกำลังใจจนไม่อาจทนรับฟังสิ่งที่หล่อนจะพูดต่อไปได้
“ตาวรรธฟังอานะลูกแล้วก็ตั้งสติให้ดี คุณหมอบอกกับอาว่า..” หญิงสาวหยุดนิดหนึ่ง หล่อนก้าวเข้ามาจับมือหลานไว้
“หมอบอกว่าขาของวรรธจะขยับไม่ได้สักระยะ วรรธต้องทำกายภาพบำบัดจ้ะ”
“ผมจะพิการเหรอครับ” เขาถามเร็วเพราะไม่อยากฟังคำอธิบายจากอาอีกแล้ว
“ไม่หรอกลูก วรรธไม่เป็นอะไรเชื่อพ่อนะ” วรทัตปฏิเสธคำของลูกแม้ในใจรู้ว่านี่เป็นเพียงการหลอกให้ลูกมีกำลังใจต่อสู้เท่านั้นเอง
“ผมไม่เชื่อถ้าไม่พิการทำไมผมขยับไม่ได้เลยผมไม่รู้สึกเจ็บเลยนะครับพ่อ” วรรธนัยจิกเล็บตัวเองลงบนต้นขาทั้งสองข้าง ใบหน้าบิดเบี้ยวริมฝีปากเบ้น้ำตาของลูกผู้ชายที่ไม่เคยหยาดรดแก้มขาวแม้หยดเดียวมันกำลังหยดลงมา เขายอมรับความจริงที่เกิดขึ้นไม่ได้
“วรรธ ใจเย็นๆ นะลูกคุณหมอบอกว่าเรามีทางรักษา” วรทัตพยายามปลอบโยน
“ผมจะกลับบ้าน ผมจะกลับบ้าน คุณพ่อพาผมกลับบ้านเราเดี๋ยวนี้ ผมไม่อยู่ที่นี่แล้ว ผมจะกลับบ้าน”
ชายหนุ่มโวยวายปัดมือมารดา บิดาและผลักไสอาสาวที่รักเอ็นดูเขามาตั้งแต่เล็กอย่างไม่ไยดี น้ำตาไหลรินราวกับต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติไม่สามารถเก็บกักน้ำบ่อน้อยนั้นไว้ได้ วรทัตเรียกหมอทันที หมออาจช่วยพูดให้วรรธนัยสงบสติอารมณ์ลงได้บ้าง
หมอเจ้าของไข้เข้ามาอธิบายให้วรรธนัยฟังถึงอาการของเขาแต่ก็ไม่ได้ผล ชายหนุ่มเร่งกลับเมืองไทยโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของใครแม้กระทั่งหมอ
เมื่อวรรธนัยไม่ยอมรักษาตัวต่อในโรงพยาบาลวรทัตจึงพาลูกกลับเมืองไทยทันที แต่ก่อนกลับวรรธนัยถามถึงสุธาสินีซึ่งเป็นคนรักไม่มีใครเห็นหล่อนมาเยี่ยมเขาแต่เพื่อนบอกว่าหล่อนมาที่นี่มาเห็นสภาพของเขาแล้วก็กลับไปและไม่ยอมมาให้เขาเห็นหน้าอีกเลย
“วรรธ หายดีแล้วเหรอ”
ไลลาเข้ามาเยี่ยมวรรธนัยตามคำของสุธาสินี หญิงสาวอยากรู้อาการของวรรธนัยแต่ไม่กล้ามาพบเขาหล่อนไม่อยากได้ยินคำอ้อนวอนขอร้องให้หล่อนช่วยดูแลพยาบาลเขา หล่อนไม่ให้เขาเห็นหน้าจะดีกว่า
“หายแล้ว ไลลาสุไปไหนทำไมไม่มาเยี่ยมผม เธอรู้ใช่มั้ยว่าผมเจ็บหนัก” วรรธนัยจ้องหน้าไลลาเพื่อนในกลุ่มที่เขาคบอยู่และหล่อนเป็นเพื่อนสนิทของสุธาสินีคนรักของเขา
“รู้แต่ฉันก็ไม่รู้นะว่ายัยสุไปไหนโทรหาก็ไม่รับสาย” ไลลาแก้ตัวทั้งที่เข้ามาเยี่ยมวรรธนัยเพื่อสืบข่าวให้สุธาสินี
“จะไปไหนยัยนั่นชิ่งหนีไปแล้วน่ะสิ” บุรีเดินเข้ามาในห้องคนไข้ได้ยินไลลาตอแหลพอดี
“นายพูดอะไรบุรี เพ้อเจ้อน่า ยัยสุจะ..” ไลลาแก้ตัวแทนเพื่อน
“จะแก้ตัวอะไรให้ยัยสุอีกล่ะไลลา เธอเพิ่งเดินจากยัยสุมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี่เองไอ้วิกกี้มันบอกฉัน มันให้ฉันรีบมาบอกไอ้วรรธจะได้ไม่หลงเชื่อเธออีก” บุรีโกรธไลลาแทนเพื่อนรักซึ่งกำลังจ้องหน้าเขาอยู่