บทที่ 2 ข่าวร้าย
วรทัตโทรศัพท์ติดต่อกับเพื่อนวรรธนัยเป็นระยะเพื่อถามข่าวคราวความคืบหน้าอาการของลูก
“ตอนนี้นายวรรธปลอดภัยแล้วครับ ออกจากห้องไอซียูมาอยู่ห้องคนไข้พิเศษแล้วล่ะครับ”
วรทัตคลายความห่วงใยไปได้ระดับหนึ่งแต่ประภายังคงร้องหาลูกอยู่เช่นเดิมความเป็นแม่ไม่มีอะไรจะทุกข์ทรมานเท่ากับรู้ว่าลูกเป็นอันตราย ยุพารัตน์เดินเรื่องเอกสารเสร็จทั้ง 3 จึงบินด่วนไปหาวรรธนัยที่อเมริกาทันที
ภาพชายหนุ่มนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงคนไข้ ที่ศีรษะพันผ้าพันแผลไว้โดยรอบส่วนแขนขาเป็นปกติทุกอย่างแต่ที่ไม่ปกติคือคำตอบของคุณหมอซึ่งสุธาสินีรับรู้แล้วถึงกับยืนนิ่งอึ้งไปหลายวินาที
“คุณหมอบอกว่าวรรธจะพิการตั้งแต่เอวถึงเท้างั้นเหรอ เป็นไปได้ยังไงกัน”
หล่อนพึมพำกับตัวเอง ขณะวาดภาพชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ใบหน้าเข้มตาคมจมูกโด่งรับกับใบหน้าริมฝีปากสีชมพูระเรื่ออยู่ตลอดเวลา เขาเป็นผู้ชายที่หล่อนหลงใหลตั้งแต่แรกเห็นแต่ต่อจากนี้ไปเขาต้องนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดเวลาจะเข้าห้องน้ำแต่ละครั้งหล่อนต้องช่วยพยุงลงจากรถจะไปไหนมาไหนต้องคอยเข็นรถให้
หญิงสาวหุ่นนางแบบ สวย มีเสน่ห์เย้ายวนอย่างหล่อนนี่น่ะหรือจะยอมเป็นนางพยาบาลส่วนตัวให้กับคนพิการอย่างวรรธนัยไปตลอดชีวิตไม่มีทางเสียล่ะ หล่อนไม่ยอมทิ้งอนาคตเพื่อผู้ชายคนนี้หรอกน่ะ หล่อนต้องถอยห่างเขาโดยเร็วที่สุดและต้องเดี๋ยวนี้ด้วย
สุธาสินีถอยห่างเตียงคนไข้ออกมายืนมองชายหนุ่มที่หล่อนบอกว่ารักเขาอีกครั้ง วรรธนัยยังไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าหญิงสาวคนรักคิดตีจากเขาเพราะความเห็นของหมอซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเขาจะต้องพิการตลอดชีวิต เขาไม่รู้เลยว่าเพียงแค่คำพูดของหมอสามารถเปลี่ยนหญิงสาวอ่อนหวานเอาใจเก่งออดอ้อนทุกเวลาที่เขาอยู่เคียงข้างหล่อนให้เป็นหญิงสาวเห็นแก่ตัวทอดทิ้งเขาขณะที่เขากำลังแย่ ผู้หญิงเช่นนี้หรือที่เขาหลงรักหล่อนมองเห็นหล่อนเป็นคนพิเศษสำหรับเขาตลอด 24 ชั่วโมง
สุธาสินีออกจากห้องคนไข้ไปเพียงครู่เดียว วรทัต ประภาและยุพารัตน์ก็เข้ามา สภาพของวรรธนัยบนเตียงคนไข้ไม่ทำให้บิดามารดาและอาสาวตกใจมากนัก ชายหนุ่มหลับสนิทมีผ้าพันศีรษะเพียงเล็กน้อย “คุณคะไปถามคุณหมอทีสิคะว่าลูกเราเป็นไงบ้างเราขอพาตัวกลับกรุงเทพฯได้รึเปล่า ฉันไม่อยากให้ลูกอยู่ที่นี่อีกแล้วค่ะ”
“ใจเย็นๆ คุณลูกไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ” วรทัตปลอบภรรยาแต่ตัวเองยังไม่มั่นใจ
“พี่ทัตไปติดต่อคุณหมอสิคะ รัตน์อยากรู้เหมือนกันถ้าตาวรรธไม่เป็นอะไรมากเราพาแกกลับบ้านพร้อมเราเลยนะคะ”
“ได้ พี่ถามหมอก่อน”
วรทัตหมุนตัวเดินไปที่ประตูห้องคนไข้แต่ยังไม่ทันผลักประตูเปิดออกไปบานประตูก็ถูกผลักเข้ามาเสียก่อนคุณหมอและนางพยาบาลเดินตามกันเข้ามา วรทัตทักทายหมอและถามอาการของวรรธนัย คุณหมอบอกรายละเอียดให้ทุกคนรู้พร้อมกัน ประภาถึงกับน้ำตาไหลเมื่อหมอลงความเห็นว่าคนไข้อาจพิการท่อนล่างไปตลอดชีวิต
“คุณภาอย่าเพิ่งคิดมากสิ หมอแค่บอกว่าอาจจะเท่านั้น”
“แต่ถ้าเป็นยังงั้นจริงๆ ตาวรรธจะรับได้เหรอคะ”
“ผมไม่ยอมให้ลูกเราพิการหรอกน่ะ ยังไงเราจะรักษาลูกให้หาย”
“ค่ะ รัตน์ก็ไม่ยอมให้หลานของรัตน์พิการเหมือนกัน พี่ภาไม่ต้องกลัวนะคะหมอเขาเก่งค่ะตาวรรธไม่มีทางพิการเชื่อรัตน์เถอะค่ะพี่ภาทำใจให้สบายตาวรรธตื่นขึ้นมาเห็นหน้าพวกเราแกจะได้มีกำลังใจสู้ไงคะ”
ยุพารัตน์ช่วยปลอบโยนพี่สะใภ้อีกทางซึ่งประภาเห็นด้วยกับคำพูดของน้องสาวสามี หล่อนนั่งจับมือลูกแนบกับแก้มอุ่นหลังจากที่คุณหมอกลับออกไปแล้ว วรทัตตามคุณหมอออกไปเพื่อขอย้ายวรรธนัยออกจากโรงพยาบาลกลับเมืองไทย
วรรธนัยลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากรู้สึกตัวเมื่อวันก่อนและหลับไปอีกด้วยฤทธิ์ยา เขายิ้มเมื่อเห็นหน้ามารดาบิดาและยุพารัตน์ผู้เป็นอา เขาเอ่ยปากขอโทษทันทีที่เห็นน้ำตาของมารดา
“คุณแม่ครับ ผมขอโทษ”
“ไม่ลูก ลูกแม่ไม่ได้ทำอะไรผิด มันเป็นอุบัติเหตุ เพื่อนของลูกเล่าให้แม่ฟังหมดแล้วล่ะตอนนี้วรรธปลอดภัยแม่ก็ดีใจแล้วล่ะจ้ะ เราจะกลับบ้านกันหลังจากหมออนุญาต”
“หมอว่าไงครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามมารดา