บทที่ 1 อุบัติเหตุ
โทรศัพท์ในมือของประภาหลุดหล่นลงสู่พื้นทันทีที่ปลายสายแจ้งข่าวร้ายให้หล่อนทราบ ร่างท้วมเซทรุดลงบนเก้าอี้ เสียงแหบพล่าดังลอดริมฝีปากสั่นระริก
“ตาวรรธ..”
เสียงนั้นหายไปในลำคอพร้อมกับหยาดน้ำใสไหลรินลงสู่ผิวแก้มเรี่ยวแรงแม้จะทรงตัวลุกจากเก้าอี้แทบไม่มี สาวใช้เดินเข้ามาเห็นกิริยาของคุณผู้หญิงถึงกับชะงักอยู่กับที่ชั่วอึดใจเมื่อตั้งสติได้ชูจิตวิ่งถลาเข้าไปหาประภาใบหน้าตื่นตระหนก
“คุณผู้หญิง คุณผู้หญิงเป็นอะไรคะ”
“ตาวรรธ ..ตาวรรธ”
ประภาสะอื้นออกมาดังๆ น้ำในดวงตาทะลักล้นหล่อนร่ำไห้ปานจะขาดใจ ชูจิตทำอะไรไม่ถูกกับอาการของนายหญิง
“คุณผู้ชาย คุณผู้ชายคะ คุณผู้ชาย” เมื่อคิดว่าควรจะทำอย่างไรสาวใช้วัย 20 ปีร้องตะโกนอย่างไร้มารยาทในนาทีนี้ หล่อนไม่มีเวลาเก็บเสียงหรือพูดนิ่มนวลเช่นเดิมแล้ว ขณะนี้หล่อนต้องหาคนช่วยคุณผู้หญิงของบ้าน หล่อนคิดถึงวรทัตเป็นอันดับแรก
“อะไรของแกนังจิตเอะอะโวยวายเชียวเดี๋ยวได้ถูกคุณผู้หญิงหักเงินเดือนหรอกแก”
“คุณผู้หญิงค่ะ คุณผู้หญิงร้องไห้ใหญ่เลย คุณผู้ชายไปดูสิคะ” ชูจิตหรือจิตละล่ำละลัก
“อะไรนะ คุณผู้หญิงร้องไห้” วรทัตชะงักเช่นกัน เขากำลังจะเดินผ่านชูจิตไปที่ห้องรับแขกเท้าของเขาหยุดอยู่กับที่เหลียวกลับมามองสาวใช้ ดวงตาตื่นตระหนก
“ค่ะ คุณผู้หญิงร้องไห้ใหญ่เลยค่ะ เรียกชื่อคุณวรรธตลอดค่ะ คุณผู้ชายไปดูหน่อยเถอะค่ะ”
วรวัตไม่รอฟังคำของชูจิตอีกเขาวิ่งไปที่ห้องรับแขกภรรยาสุดที่รักของเขานั่งตัวสั่นเทาอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะโทรศัพท์ เขาทรุดลงนั่งตรงหน้าหล่อนจับมือหล่อนเขย่าแรงๆ
“คุณภา คุณภาเป็นอะไร”
“คุณทัต ตาวรรธค่ะตาวรรธ” สาวใหญ่ร้องไห้โฮโผเข้ากอดสามีแน่น
“ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูดตาวรรธเป็นอะไร” วรทัตใจหายเมื่อเห็นน้ำตาของภรรยาและมากไปกว่านั้นชื่อของลูกชายคนเดียวของเขาสะกิดใจอย่างรุนแรง วรรธนัยต้องเป็นอะไรสักอย่างไม่เช่นนั้นประภาไม่ฟูมฟายเช่นนี้ เขาเหลือบเห็นโทรศัพท์หล่นอยู่บนพื้น
“จิตเก็บโทรศัพท์แล้วไปหายาดมมาให้คุณผู้หญิง”
“ค่ะ”
ชูจิตรับคำอย่างร้อนรน หล่อนวิ่งหายออกไปครู่เดียวก็วิ่งกลับเข้ามาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง สมใจแม่บ้านวัย 45 ปีวิ่งตามมาด้วยความตกใจ
“ยาดมค่ะคุณผู้หญิง” ชูจิตส่งยาดมให้เจ้านาย สมใจยืนมองครู่หนึ่งจึงหมุนตัววิ่งออกไปครู่เดียวก็กลับมาพร้อมแก้วใส่ยาหอม
“คุณผู้หญิงดื่มยาหอมสักหน่อยนะคะจะได้ดีขึ้น”
“ขอบใจ”
ประภารวบรวมสติกลับคืนมาอีกครั้ง หล่อนเป็นห่วงลูกมากเกินไปแต่จะไม่ให้ห่วงได้อย่างไรในเมื่อวรรธนัยประสบอุบัติเหตุรถคว่ำขณะเดินทางไปมหาวิทยาลัยกับเพื่อน เพื่อนคนไทยในกลุ่มเดียวกันโทรศัพท์ทางไกลมาบอกหล่อน
“คุณแม่ใช่มั้ยครับผมมีข่าวนายวรรธจะบอก นายวรรธรถคว่ำตอนนี้อยู่ห้องไอซียูครับ”
ประภาได้ยินเพียงเท่านั้นมือเท้าเย็นเฉียบขึ้นมาฉับพลันโทรศัพท์ในมือหล่นตั้งแต่เมื่อไหร่หล่อนไม่ใส่ใจ หล่อนรู้เพียงว่าหล่อนกลัวลูกจะจากหล่อนไปอย่างไม่มีวันกลับ
“คราวนี้บอกผมได้รึยังว่าเป็นอะไร ใครโทรศัพท์มาหาคุณแล้วเกี่ยวกับตาวรรธยังไง”
วรทัตจับมือภรรยาบีบนวดปลอบประโลมเขารอให้หล่อนตั้งสติได้ก่อนจึงเอ่ยถามถึงลูก
“เพื่อนตาวรรธโทรมาบอกว่าตาวรรธรถคว่ำอาการสาหัสค่ะตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ลูกไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคุณ ลูกเราปลอดภัยใช่มั้ยคะ”
น้ำตาของผู้เป็นมารดาไหลพรากเพราะความห่วงใยในตัวลูก วรทัตนิ่งงันไปชั่วขณะเช่นกัน ข่าวนี้ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับเขาแต่เป็นข่าวร้ายในรอบปีทีเดียว
“ใช่จ้ะ ลูกไม่เป็นอะไร เราจะไปหาลูกกันนะ จิตโทรหาคุณรัตน์ด่วนบอกให้รีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้”
“ค่ะคุณผู้ชาย”
ชูจิตถอยออกไปที่โต๊ะวางโทรศัพท์ หล่อนทำตามคำสั่งของวรทัตและรวดเร็วทันใจผู้เป็นนายทีเดียว
ยุพารัตน์แทบช็อคเมื่อกลับมาถึงบ้านและรู้เรื่องของหลานชาย ประภาร้องจะบินไปหาลูกเพียงอย่างเดียว วรทัตจึงให้ยุพารัตน์จัดการเรื่องหนังสือเดินทางซึ่งไม่มีปัญหาอยู่แล้วเพราะทั้ง 3 เคยเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้งเนื่องจากต้องติดต่อธุรกิจกับชาวต่างชาติ