บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 การเดินทางของนางฟ้า

มรุตมองสาวสวยในชุดกางเกงเข้ารูปเน้นเรียวขาสวยกับตัวเสื้อสีดำสลับเทาที่เขาคิดว่ามันก็เป็นเสื้อผ้าธรรมดาแต่พอมาอยู่บนเรือนกายเธอกลับน่ามองในแบบที่ผู้ชายทุกคนคงอยากมอง แล้วกวาดสายตาไปยังพวงผมยาวถึงกลางหลัง ถูกม้วนดัดเป็นลอนใหญ่ที่เคลื่อนไหวตามจังหวะการเดิน

“เชิญที่รถครับ”

เสียงจากข้างหลังทำให้พัชริดาชะงักเท้า สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เรียกความเข้มแข็งคืนมา เพราะสำนึกได้ว่าเขาไม่ใช่คนที่เธอต้องรู้สึกน้อยใจ

“ไม่เป็นไร คุณรีบกลับบ้านไม่ใช่หรือคะ”

“มัวแต่ยึกยักอยู่นั่นละ แล้วเมื่อไรผมจะได้กลับ”

คำพูดเขาไม่ได้ทำให้พัชริดาอยากตามขึ้นรถด้วยเลย และยังไม่ทันได้ตัดสินใจก็ได้ยินเสียงเร่งมาอีกครั้ง

“เร็วสิคุณ ผมต้องกลับหัวหินนะ”

พัชริดาเดินตามไปยังลานจอดรถที่แน่นไปด้วยรถของลูกค้า เธอผละออกไปยืนรออีกด้าน ขณะเขาเข้าไปเลื่อนรถออกมา ผับแห่งนี้มีนักเที่ยวเข้ามามากมาย วันนี้พัชริดากับญารินเพื่อนสนิทนึกครึ้มใจจึงแวะเข้ามา ก่อนตั้งใจตามไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนซึ่งรออยู่ที่คอนโดหรูริมหาดพัทยา

ตอนนี้เธอกับญารินคงไปถึงที่นั่นแล้ว ถ้าไม่เป็นเพราะคนรักเก่าของเพื่อนสาวแทรกเข้ามากลางคันจนทำให้เสียเรื่อง คนเรานี่ก็แปลก ในตอนแรกทำทีว่าจะจบกัน แต่อยู่ๆ ก็เกิดทำใจไม่ได้ ทั้งที่ตนก็แต่งงานมีครอบครัวแล้ว พอมาตามตื๊อเพื่อนสาวก็เกิดปากเสียงมีเรื่องมีราวกัน ญารินจึงถูกพี่ชายที่มาเป็นสารถีลากออกไปจากผับ แผนที่จะไปต่อพัทยาก็ล้มไม่เป็นท่า แถมพัชริดาก็ถูกลอยแพให้พวกผู้ชายเส็งเคร็งเข้ามาแทะเล็ม

“จะยืนใจลอยอีกนานไหม ขึ้นรถได้แล้วครับ”

พัชริดาสะดุ้งเมื่อรถคันสีดำสนิทลดกระจกด้านคนขับลงพร้อมเสียงเร่ง จนเธอต้องถอนหายใจเฮือก

จะพูดดีๆ เหมือนชาวบ้านบ้างไม่ได้เลยหรือไงนะ

หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปกระแทกกายนั่ง พอจัดการตัวเองเสร็จ รถก็เคลื่อนออกไป แล้วได้ยินเสียงห้าวห้วนดังขึ้น

“บอกทางด้วยครับ”

“ขับตรงไป ออกทางถนนอโศกค่ะ” หล่อนตอบเสียงแข็ง เมื่อเขาพูดมาอย่างนี้ เธอก็ตอบแบบเดียวกัน เมื่อนั่งอยู่ในความเงียบสักพัก พัชริดาก็คันไม้คันมือขึ้นมา แต่ยังลังเลไม่กล้าถือวิสาสะทำอะไรในรถของเขา

“ผมไม่ชอบเปิดเพลง”

พัชริดาเหล่มอง สงสัยว่ามรุตรู้ได้ยังไงว่าเธอจะทำอะไร แต่เมื่อถูกห้ามไว้ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะไม่ว่าอยู่ที่ไหนเธอก็สร้างความสุขให้ตัวเองได้เสมอ

รถแล่นบนถนนโล่งมาได้สักสิบนาทีก็เร่งความเร็วขึ้น จนคนที่เอนกายอย่างผ่อนคลายต้องเกร็งตัว เมื่อเขาขับแซงรถญี่ปุ่นคันข้างหน้าในระยะกระชั้นชิด และทำท่าจะปาดหน้าอีกคันที่แล่นอยู่อีกช่องจราจร หล่อนก็ทนต่อไปไม่ไหว

“ขับรถแบบนี้ เดี๋ยวก็โดนด่าหรอก” หญิงสาวติง ไม่ได้ห่วงเขา แต่ที่บอกก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

“มองข้างหลังสิว่าใครตามมา สงสัยมีคนติดใจคุณเข้าแล้ว จะให้ผมจอดรถข้างทางหรือเปล่า” มรุตโต้เสียงหยัน แต่พัชริดาไม่ได้ใส่ใจ เพราะหันไปเห็นรถที่แล่นมาด้วยความเร็วพอๆ กัน ซึ่งกำลังแซงรถอีกหลายคันที่ตามมาข้างหลัง จึงถามเสียงตื่นตระหนก

“คุณหมายถึงรถบีเอ็มสีน้ำเงินหรือเปล่าคะ”

“ใช่ มันตามเรามาตั้งแต่ออกจากผับ”

พัชริดาอ้าปากค้าง มองที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียว มรุตยังดูสงบ หากแววตาคู่คมดูเคร่งเครียด ขณะเหลือบมองกระจกด้านข้างและกระจกส่องหลัง

“คงไม่พ้นคู่กรณีของคุณ เป็นไงล่ะ อวดเก่งจนได้เรื่อง” เสียงหยันดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งสามารถเขย่าขวัญหญิงสาวจนแตกกระเจิง

“ขับเร็วหน่อยสิ ฉันกลัว”

พอนึกถึงคู่กรณีที่เพิ่งมีเรื่องกันว่าจะตามมาเอาเรื่องต่อ พัชริดาก็กลัวจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ ไม่สนใจมรุตจะว่าอย่างไร ก็ในชีวิตเธอไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน พลันต้องหยุดความตระหนกไว้เมื่อได้ยินเสียงดุกร้าว

“นั่งเฉยๆ แล้วหยุดพูดสักพักเถอะ”

ร่างบางสงบลงเพราะไม่กล้าขัดใจ แต่ยังลอบมองข้างหลังสลับกับเหลือบมองมือแข็งแรงที่บังคับรถให้แล่นเร็วเท่าที่มีช่องทางให้หลบหลีกบนถนนกลางเมืองยามใกล้ดึก พัชริดาคอยแต่ลุ้นให้รถคันสีน้ำเงินหลุดไปจากรัศมีสายตา ทำให้ลืมมองสองข้างทาง จนเกือบสิบนาทีจึงได้หันกลับมา

“รถคันนั้นคงไม่ตามเรามาแล้วละ คุณว่าหรือเปล่า” พัชริดาว่าเสียงตื่นเต้นปนความโล่งอก มรุตเหลือบมองอย่างนึกหมั่นไส้

“พวกมันเปลี่ยนใจไม่อยากได้คุณมั้ง”

พัชริดานิ่วหน้าเมื่อได้ยินคำประชด อยากโต้กลับบ้าง แต่พอนึกว่าตนเพิ่งรอดปลอดภัยมาได้เพราะเขา จึงปิดปากนิ่งเสีย

“บ้านคุณอยู่ไหน”

พอได้ยินเสียงถาม พัชริดาถึงสังเกตว่ารถได้หลุดออกนอกเส้นทางมาไกลพอสมควร พลันเกิดความคิดบางอย่างขึ้น

“คุณไปหัวหินใช่ไหมคะ”

“ใช่ บ้านผมอยู่ที่นั่น”

“ฉันจะไปที่นั่น เราไปทางเดียวกัน ใกล้ถึงแล้วฉันจะบอกคุณ”

พัชริดาบอกกับสารถีจำเป็น ไหนๆ มารดาก็อนุญาตให้พักผ่อนได้เป็นสัปดาห์ จึงหวังจะใช้เวลาให้คุ้มค่า โอกาสแบบนี้ไม่ใช่จะหากันได้ง่ายๆ ขณะคิดเพลินก็ได้ยินเสียงชวนให้หงุดหงิดใจดังแทรกมาอีก

“มั่วหรือเปล่าคุณ ที่บอกว่าเราไปทางเดียวกัน”

“เอ๊ะ มาว่าฉันได้ยังไง เป็นผู้ชายประสาอะไร ปากจัดสิ้นดี”

หล่อนแหวกลับ มรุตถอนหายใจอย่างหนักอก ก่อนยิ้มหยันตัวเอง

อยู่ๆ ก็หาเรื่องให้ตัวเองจนได้ ไปรับปากให้พวกคุณหนูไฮโซติดรถมา มันก็ต้องวุ่นวายกันแบบนี้แหละ

มรุตเหลือบมองคนที่เอนกายอย่างผ่อนคลายอารมณ์ เหมือนตนไม่ใช่ต้นเหตุที่พาเขาไปลำบากด้วยกัน พลันนึกสงสัยว่าเพื่อนที่มาด้วยมีเหตุจำเป็นแค่ไหนถึงปล่อยให้เธออยู่ที่นั่นตามลำพัง แล้วนึกถึงตัวเอง เขาไม่อยากรับภาระดูแลใครในตอนนี้ที่ทั้งงานและเรื่องส่วนตัวยังไม่เข้าที่เข้าทางสักอย่าง

“คุณมีที่พักหรือยัง” มรุตถามหาความมั่นใจ คิดว่าถ้ามีปัญหาเขาจะพาพัชริดาไปส่งที่โรงแรมแกรนด์ของวิศรุต

“มีแล้วค่ะ”

คำตอบไม่ได้สร้างความกระจ่างนัก แต่มรุตก็คิดว่าเจ้าหล่อนคงเตรียมการมาดีแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงไม่ห่วง แต่นี่พัชริดา อัครรัตน์ ไฮโซสาวคนใหม่ของวงสังคม เรื่องจะให้ทำอะไรเรียบง่าย เขาคงไม่หวัง

แล้วเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มือเรียวสวยเปิดกระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรู หยิบเครื่องมือสื่อสารออกมา หลังจากพัชริดากดรับสาย มรุตก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังลอดแว่วมา ก่อนหล่อนจะโต้ตอบ

“แพทออกมาจากผับแล้ว ตอนนี้กำลังกลับ”

พัชริดาสนทนาไม่กี่คำก็เก็บโทรศัพท์กลับที่เดิม ก่อนเริ่มต้นอิริยาบถผ่อนคลายของเธอต่อ มรุตได้แต่จำใจทำตัวเป็นสารถีพาสาวสวยไปสู่ที่หมาย เขาเหลือบมองนาฬิกาบนแผงหน้ารถก็เห็นเวลาห้าทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว พัชริดาจะไม่บอกให้ที่บ้านรู้เลยหรือว่าคืนนี้จะค้างอ้างแรมที่ไหน หรือเธอไม่ได้เป็นอย่างภาพที่สร้างไว้ อย่างที่เขาเคยได้ยินว่าหล่อนเป็นคุณหนูไฮโซที่มีมารดาดูแลใกล้ชิดและตามติดอยู่ทุกฝีก้าว

รถแล่นไปจนเลยเที่ยงคืน พัชริดาเหลือบมองคนขับที่ยังทำหน้าที่อย่างระมัดระวังท่ามกลางสายฝนโปรย เธอคิดเพียงครู่ จึงตัดสินใจพูด

“ฉันจะพักรีสอร์ตคุณ”

กล่าวจบพัชริดาก็นั่งเงียบ รอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย พอเห็นเขานิ่งเฉย เธอก็เบือนหน้ามองข้างทางที่มืดครึ้มแทน แล้วเสียงหัวเราะห้าวในลำคอก็ดังขึ้น ก่อนได้ยินคำพูด

“ผมจะพาคุณไปส่งที่โรงแรมพี่เขยคุณ”

“ไม่ได้นะ ฉันไม่ไป” หญิงสาวรีบปฏิเสธ

“เล่นอะไรกันครับคุณหนู หรือว่าตามผมมาเพราะติดใจ” เสียงเขาไม่มีวี่แววของความหงุดหงิดเหมือนช่วงแรก

“เอาสมองส่วนไหนคิด ผู้ชายเป็นแบบนี้กันหมดหรือเปล่า”

เสียงหวานกล่าวเยาะ เพราะนึกหงุดหงิดถึงคู่กรณีเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน มันผิดตรงไหนที่เธอจะนั่งในผับ เพียงแค่ยังไม่อยากกลับบ้าน นานๆ จะหาโอกาสออกมาข้างนอกได้ มันก็ต้องใช้เวลาให้คุ้มหน่อย

“ผู้หญิงสวยไปนั่งในที่อย่างนั้นคนเดียว ใครเห็นก็อยากเสี่ยงดู แล้วอยู่ๆ คุณก็ขึ้นรถตามผมมาอีก ตื๊อจะมาพักด้วยกัน จะให้ผมคิดยังไง”

“ฉันไม่ได้ไปพักกับคุณ” พัชริดาแหว แก้มแดงเรื่อในความมืดเมื่อรู้ความคิดเขา แล้วอุบอิบอธิบาย “ฉันไม่อยากไปพักโรงแรมพี่หนึ่ง แต่จะให้ไปที่อื่น ฉันก็ไม่รู้จัก มีรีสอร์ตคุณที่พอจะคุ้นอยู่บ้าง”

มรุตยิ้มมุมปาก พอเข้าใจที่เธอให้เหตุผล แต่เขาไม่ได้เชื่อทั้งหมด

“เสื้อผ้าข้าวของคุณล่ะ”

“ไม่มีค่ะ”

มรุตส่ายหน้าอย่างระอา คิดว่าพรุ่งนี้เธอหมดสนุกก็คงกลับ พลันนึกไปถึงสิ่งที่วิศรุตบอกตอนนั่งในผับ เมื่อเขาถามถึงอนุสรณ์

‘เมื่อกี้ลงไปข้างล่าง ลูกน้องมาบอกว่าแขกทะเลาะแย่งผู้หญิงกัน’

ชายหนุ่มเหล่มองคนนั่งข้าง กวาดสายตาสำรวจทั่วร่างงามแล้ววกไปยังใบหน้าสวยที่ยังบึ้งตึง แล้วเข้าใจทันทีว่าทำไมคนพวกนั้นต้องมาทะเลาะกัน ก็รูปร่างหน้าตาแบบนี้ ใครได้ไปคงคิดว่าช่างเป็นรางวัลที่แสนคุ้มค่า พอนึกย้อนก็สงสัยว่าในตอนนั้นวิศรุตจะรู้หรือเปล่าว่าคนที่พูดถึงเป็นน้องเมียจอมจุ้นของตัวเอง จนได้ยินเสียงเธอ จึงสลัดความคิดนี้ออก

“มองอะไร” พัชริดาปรามคนมองซอกแซกเสียงดุ ขยับตัวอย่างระวังมากขึ้น เมื่อรู้ความคิดของเขาที่หาว่าตนตื๊อจะไปพักด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel