บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 การเดินทางของนางฟ้า

รถแล่นตามถนนสายหลักที่เชื่อมระหว่างเมือง ก่อนเลี้ยวเข้าสู่ถนนส่วนบุคคลที่แคบลง ไม่นานก็เห็นป้ายหินอ่อนสลักชื่อโดดเด่น ‘ชมพูนุช รีสอร์ตแอนด์สปา’ พัชริดาเขม้นมองผ่านสายฝนอย่างแปลกใจ

“รีสอร์ตดูไม่เหมือนกับตอนฉันมาพักกับนิล คุณปรับปรุงใหม่หรือคะ”

“ตอนไหนครับ” มรุตถามคนอยากรู้อยากเห็นที่ใช้สองมือป้องสายตามอง

“ก็ตอนปลายปีที่แล้ว” เสียงตอบอุบอิบดังจากพัชริดา นึกในใจว่าตนไม่น่ารื้อฟื้นเหตุการณ์ขึ้นมา แต่อีกคนคงรอจังหวะอยู่แล้ว

“อ๋อ ตอนคุณเป็นตัวตั้งตัวตีพาคุณนิลมาจับผิดหนึ่งที่โรงแรม” มรุตหัวเราะในลำคอ พอเห็นเธอนิ่งเงียบก็ไม่อยากแหย่ให้หงุดหงิดอีก “ช่วงนั้นกำลังก่อสร้างบริเวณนี้ คุณคงไม่ได้สังเกต ผมขยายรีสอร์ตออกมาทางถนนใหญ่ เพิ่งเปิดให้บริการเต็มตัวเมื่อต้นปี บ้านหลังที่คุณเคยพักกับคุณนิลก็กลายเป็นเขตชั้นใน ถ้าเดินจากด้านหน้าก็ไกลพอสมควร”

“ลูกค้าก็ไม่สะดวกสิ”

“อาจใช่ แต่ทำให้บริเวณนั้นดูเป็นส่วนตัวมากขึ้น เหมาะกับคนที่ชอบพักผ่อนแบบสงบ” ชายหนุ่มพูดในขณะที่กำลังตั้งใจบังคับรถ จนถึงด้านหน้าจุดให้บริการก็เห็นพนักงานและผู้เข้าพักอยู่ประปราย

“ฉันจะพักหลังเดิม”

สิ้นเสียงของลูกค้ากิตติมศักดิ์ รถคันใหญ่ก็หยุดกึก พัชริดาคงหลุดจากเก้าอี้ถ้าไม่มีเข็มขัดนิรภัยรัดดึงไว้

“ผมเพิ่งบอกว่าหลังที่คุณเคยอยู่ มันเดินเข้าไปไกล อีกอย่างถ้าคุณเรียกหาพนักงาน เขาจะไม่สะดวกวิ่งไปมาบริการคุณ” มรุตอธิบายอย่างอดทน ทว่าดูจะไม่สามารถเปลี่ยนใจเธอได้

“ทำไมต้องคิดว่าฉันจะเรียกหาใครให้วุ่นวาย คุณบอกว่ามันเป็นส่วนตัว ฉันก็อยากพัก และฉันก็คุ้นบ้านพักนั้นด้วย”

“ขอคำตอบที่ดูสมเหตุสมผลหน่อยนะ คุณมาพักครั้งเดียวเมื่อปลายปีก่อน แล้วบอกว่าคุ้นเนี่ยนะ ผมไม่อยากจะเชื่อ”

“ฉันเป็นลูกค้ารีสอร์ตของคุณนะ ถ้าห้องยังว่าง คุณก็ให้ฉันพักสิ ลูกค้าเลือกห้องพักเองไม่ได้หรือไง”

มรุตเหลือบมองเจ้าของเสียงตะเบ็งก็รู้สึกแปลกใจในท่าที เขาจับเสียงสั่นเครือนั้นได้ ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมีปฏิกิริยาขนาดนี้ ต่อมาเธอก็ยกสองมือขึ้นกอดอก มองออกนอกรถ ชายหนุ่มก็ไม่อยากขัดใจอีก สุดท้ายก็เออออตาม

“ผมจะพาไปที่นั่น” เขาบอกพลางเคลื่อนรถออกจากจุดให้บริการ “บ้านพักหลังนั้นไม่มีคนอยู่ ช่วงหลังผมไม่ได้เปิดให้แขกพักเพราะเป็นหลังที่อยู่ใกล้บ้าน”

บ้านพักหลังเล็กถูกสร้างขึ้นในช่วงบุกเบิกรีสอร์ต ฉะนั้นความหรูหรา หรือแม้กระทั่งความสะดวกสบาย จึงเทียบบ้านพักหลังใหม่ๆ ที่สร้างในพื้นที่ด้านหน้าไม่ได้เลย ต่อเมื่อเขารวบรวมที่ดินได้เพิ่มจนเพียงพอ จึงคิดจะรื้อหลังนั้นทิ้ง เพื่อกันเป็นพื้นที่ส่วนตัวให้ชมพู่เข้ามาวิ่งเล่น

ชายหนุ่มมองคนนั่งเงียบ หล่อนคิดอะไรเขาไม่รู้ แต่อดสงสัยอาการเหมือนเด็กเก็บกดไม่ได้

“เข้าทางบ้านผมสะดวกกว่า”

มรุตบอกเมื่อรถมาถึงบ้านหลังใหญ่ที่หญิงสาวเคยสังเกตเห็นว่ามีชายหาดสวยอยู่ด้านหลังเป็นเวิ้งส่วนตัว เขาจอดรถแต่ยังไม่ก้าวลงไป มือแข็งแรงหยิบโทรศัพท์มากดติดต่อใครสักคน พักเดียวจึงรู้ว่าเขาบอกพนักงานให้มาเปิดห้องพัก

“ฝนตก ฉันไม่มีร่ม”

พัชริดาพูดจบ มรุตก็เอี้ยวตัวไปข้างหลัง ดึงของที่ต้องการส่งให้ถึงมือ

“ขอบคุณค่ะ”

“ลงไปได้แล้ว ผมให้คนมาเปิดห้องให้คุณแล้ว”

“คุณให้ฉันเดินไปคนเดียวหรือคะ” หล่อนประท้วงเมื่อมองไปเห็นเพียงเงารางๆ ของบ้านพักจากแสงสลัวของดวงไฟที่ตั้งเป็นจุดห่างๆ

“ผมจะไปส่งถึงหน้าห้องนอน เชิญลงจากรถครับคุณหนู” มรุตบอกประชด แต่หล่อนไม่สนใจ ลงไปยืนกางร่มคันใหญ่รอ แล้วสงสัยว่าเขายังมีร่มอีกคัน หรือต้องวิ่งฝ่าสายฝน

สงสัยได้เพียงเสี้ยวนาที พัชริดาก็ต้องเร่งฝีเท้าตามร่างสูงใหญ่ที่มีเสื้อแจ็กเก็ตสีดำสวมกันฝนเพียงตัวเดียวเดินลิ่วไปข้างหน้า ผ่านรั้วประตูโปร่ง หญิงสาวก้าวตามทางเดินที่ปูเป็นแนว รองเท้าส้นสูงแหลมทำให้ต้องระวังเมื่อเดินฝ่าความมืดและเปียกชื้น

จนมาถึงบ้านพักที่ยกสูงจากพื้นดินแค่ช่วงเอว จึงสาวเท้าขึ้นบันไดที่ทอดลงมาไม่กี่ขั้น มาหยุดตรงพื้นที่ส่วนกลางที่จัดเป็นห้องนั่งเล่น แล้วเห็นพนักงานรีสอร์ตหญิงชายกำลังจัดเตรียมห้องพัก เธอหันมาทางผู้ชายหน้าเคร่งซึ่งนั่งวางท่าบนโซฟา ก็เห็นว่าเขามองอยู่ก่อนแล้ว

“อยากได้อะไรเพิ่มไหม”

“ไม่ค่ะ” พัชริดาปฏิเสธ แค่นี้เขาก็หาว่าเธอสร้างความยุ่งยากให้มากพอแล้ว

มรุตมองคนที่ยืนอยู่กลางห้อง ใบหน้าสวยมีร่องรอยความอ่อนล้า ดวงตาหวานเริ่มโรย เธอคงง่วงนอนเพราะตอนนี้เลยตีหนึ่งมาเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว เมื่อพนักงานสองคนออกจากห้องพัก มรุตจึงบอกให้กลับได้ แล้วสาวสวยก็ชะโงกเข้าไปดูห้องนอนที่จัดเตรียมให้เสร็จ ความพอใจฉายชัดออกมา ทั้งที่เขายังสงสัยว่าเธอติดใจอะไรในบ้านหลังนี้

“คุณอยู่ได้นะ” มรุตถามอย่างต้องการความมั่นใจ

“ค่ะ ฉันอยู่ได้ สบายมาก” พัชริดาตอบแทนเขาด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า ทำให้เขากระตุกยิ้ม ก่อนลุกจากโซฟาแล้วก้าวไปหา

“คืนนี้ผมว่าง คุณอยากให้อยู่เป็นเพื่อนหรือเปล่า”

พัชริดาสะดุดกึก ชะงักงัน จากที่จะเดินเข้าห้องนอนด้วยความปลอดโปร่งใจ ใบหน้าสวยก็หันขวับมาดูคนหน้ามึนที่ยืนไม่ห่าง

“ไม่ต้องการ ฉันซื้อบริการห้องพักอย่างเดียว อย่างอื่นไม่สนใจ”

“พอถึงที่หมายก็ไล่ส่งเลยนะ”

มรุตพูดลอยๆ ส่งผลให้พัชริดาต้องขมวดคิ้วมุ่นอย่างแปลกใจ ตอนนั่งรถมาด้วยกัน เขาทำท่ารำคาญเธอมาตลอดทาง แต่พอตอนนี้ก็ตอแย ไม่ยอมกลับง่ายๆ แล้วอย่างนี้จะไว้ใจกันได้หรือเปล่า

“ขอบคุณที่ให้อาศัยรถมาด้วยค่ะ” หญิงสาวพูดอย่างจริงใจ ถึงอย่างไรเขาก็ช่วยให้หลุดรอดจากวิกฤต “แต่ตอนนี้ฉันง่วงแล้ว ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”

พูดจบก็ปิดประตูโครมใส่หน้า แต่ไม่ทำให้ชายหนุ่มโกรธเคืองแต่อย่างใด คนร่างสูงใหญ่ยังยืนนิ่งเฉย ใบหน้าคมระบายรอยยิ้มก่อนมองรอบตัวบ้าน เห็นความมืดครึ้มปกคลุมไปทั่ว แถมยังมีสายฝนตกพรำ เพิ่มบรรยากาศให้ดูเงียบวังเวง ก็คิดจะให้คนมาเปิดไฟเพิ่มแสงสว่าง นึกถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็ขยับเท้าเข้าไปใกล้ประตูห้องนอน

“ผมรู้ว่าคุณแอบอยู่หลังประตู” เขาพูดเบาๆ “ฝันดีนะครับ”

ร่างกลมกลึงในชุดเสื้อคลุมตัวเดียวพลิกกายบนเตียงกว้าง เมื่อรู้สึกถึงกลิ่นไอบางอย่างที่แทรกเข้ามาไม่เหมือนทุกวัน เปลือกตาบางขยับเปิดปรือขึ้นมองรอบตัว พลันนึกได้ว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ไหน เสียงสัมผัสที่แว่วมาเป็นเสียงคลื่นกระทบหาด...เช้าตรู่วันนี้ทะเลคงไม่สงบนัก

พัชริดาลุกขึ้นไปผลักหน้าต่างให้เปิดกว้างขึ้น จากที่เมื่อคืนแง้มไว้เพียงนิดเพื่อรับกลิ่นไอทะเลก่อนเผลอหลับไป ทอดมองดวงอาทิตย์ที่มีสีส้มเรื่อระบายโดยรอบกำลังแทรกขึ้นจากผิวน้ำกว้างสุดสายตา หญิงสาวชื่นชมอยู่ครู่เดียวก็เดินกลับมาดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือซึ่งถอดทิ้งไว้บนโต๊ะแต่งตัว จากนั้นจึงสาวเท้าเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์

ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ร่างเพรียวระหงในชุดเสื้อคลุมตัวเดิม โพกศีรษะด้วยผ้าขนหนูสีขาวก็ก้าวออกมา รอไม่นานจึงได้ยินเสียงของพนักงานรีสอร์ต พัชริดายิ้มพอใจที่ทุกอย่างเสร็จเร็วทันใจ เพียงชะโงกหน้ามองก็เห็นหญิงสาวในชุดฟอร์มสีฟ้ายืนรออยู่ตรงหน้าบ้านพัก

“ส่งเสื้อผ้าค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ” พัชริดายื่นมือไปรับเสื้อผ้าชุดเดิมที่สวมใส่ตั้งแต่เมื่อคืนที่ถูกซักรีดจนเรียบร้อย แล้วถามพนักงาน

“เข้าตัวเมืองยังไงคะ มีรถรีสอร์ตบริการหรือเปล่า”

“มีค่ะ รถออกเป็นเวลา ไปหลายเส้นทาง เริ่มเที่ยวแรกตอนแปดโมงเช้า แต่ถ้านักท่องเที่ยวจะไปเอง เราก็มีบริการรถเช่าค่ะ”

พัชริดาพยักหน้าก่อนเดินกลับเข้าห้อง วางเสื้อผ้าบนเตียงนอนแล้วมองโทรศัพท์มือถืออย่างชั่งใจ ก่อนผละออกไปแต่งตัว

ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็ออกจากบ้านพัก มือเรียวกำโทรศัพท์ไว้แน่น ลังเลว่าจะบอกมารดาดีหรือไม่ว่าตนอยู่ที่ไหน หญิงสาวยืนกลางสวนสวย กวาดมองต้นไม้ที่มีน้ำพรมไปทั่ว แสงอาทิตย์เริ่มแผดกล้า สักพักหยดน้ำคงระเหยไป พลันใบหน้าสวยหม่นวูบลง นึกถึงตัวเองที่เรียนจบกลับมาเป็นปี แต่ยังไม่ได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน เพิ่งรู้สึกว่าไม่มีคุณค่าก็คราวนี้

ร่างเพรียวระหง ผมนุ่มยาวสลวยปล่อยทิ้งสยายลงกลางหลัง ใบหน้าขาวอมชมพูหันไปทางแสงส่องของพระอาทิตย์ ท่ามกลางหยดน้ำเกาะพราวทั่วยอดใบไม้งามเขียวขจี แซมดอกสีสันสดใสไปตามพรรณไม้

“ฮู้ว”

เสียงเล็กดังแทรกเข้ามา ขณะที่พัชริดากำลังซึมซับความสงบที่มีเพียงเสียงคลื่นและกลิ่นไอทะเล เธอหันไปทางต้นเสียง เห็นร่างเล็กสมบูรณ์ในชุดเอี๊ยมกางเกงขายาวสีน้ำเงิน สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีชมพูไว้ข้างใน เธอมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่มีดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้ม เส้นผมเป็นลอนถูกถักเก็บเป็นเปียเล็ก เด็กหญิงตัวน้อยกำลังยืนเกาะประตูรั้วโปร่งในเขตบ้านหลังใหญ่

“นางฟ้าของปาป๊า”

หญิงสาวนิ่วหน้าสงสัยเมื่อได้ยินเสียงเปล่งไม่ชัดนัก ค่อยๆ ก้าวไปหาด้วยเกรงว่าหนูน้อยอาจตกใจกลัว ก่อนทักเสียงอ่อนหวาน

“สวัสดีจ้ะคนสวย”

“สวัสดีค่ะนางฟ้า”

พอได้ยินเสียงเด็กน้อยชัดเจน พัชริดาก็ต้องกลั้นยิ้ม คิดว่าเด็กหญิงคงเป็นทูตน้อยจากสวรรค์ที่ลงมาในช่วงที่เธอหมดกำลังใจ นึกไปก็ขำตัวเอง นัยน์ตาคู่สวยเพ่งพินิจแล้วคิดว่าทูตจากสวรรค์คนนี้ช่างน่ารักเสียจริง

“หนูชื่ออะไรคะ”

“ชื่อชมพู่ค่ะ” เสียงเล็กบอกระคนความเขินอายตามประสาเด็ก แต่ยังกล้าหาญถามกลับในสิ่งที่ตนอยากรู้

“แล้วนางฟ้าชื่ออะไร”

“นางฟ้าชื่อแพทค่ะ”

อืม ขอเป็นนางฟ้าให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยสักวันเถอะ...คิดเข้าข้างตัวเองได้เท่านั้น ยังไม่ทันได้คุยกับทูตน้อยให้มากกว่านี้ เธอก็เห็นเด็กสาวร่างอวบซึ่งคงเป็นพี่เลี้ยงเดินมาตามจากข้างหลัง

พัชริดายืนมองตามหลังร่างเล็ก พลันรู้สึกเหมือนวันนี้ได้เติมพลังจนเต็ม ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนหมุนกายเดินกลับในทิศทางตรงกันข้ามเพื่อทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel