บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 แรกพบ (อีกครั้ง) ไม่สบรัก

เมื่อได้เวลา มรุตก็ขับรถไปยังผับหรูที่อยู่ใจกลางกรุงเทพอันเป็นสถานที่นัดพบประจำของกลุ่มเพื่อนฝูง ซึ่งช่วงนี้วิศรุตเริ่มแยกตัวออกไป พลันต้องยิ้มเมื่อนึกถึงสีหน้าแจ่มใสของเพื่อนยามพูดถึงภรรยาและสมาชิกตัวน้อยที่กำลังเพิ่มเข้ามา

ชายหนุ่มนำพาหนะมาจอดหน้าผับในเวลาเกือบสามทุ่ม ใจประหวัดถึงนางฟ้าน้อยว่าคงหลับใหลไปพร้อมกับนิทานของหญิงชราแล้ว เขาก้าวจากรถก่อนเดินไปยังห้องรับรองบนชั้นสองของผับด้วยความคุ้นเคย พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นวิศรุตนั่งอยู่ตามลำพัง

“สรณ์ไม่อยู่หรือ”

“เมื่อกี้ลงไปข้างล่าง ลูกน้องมาบอกว่าแขกทะเลาะแย่งผู้หญิงกัน” เสียงตอบเรียบเฉยจากวิศรุตเหมือนเห็นเป็นเรื่องปกติ ก่อนดึงซองสีน้ำตาลมาวางใกล้แก้วเหล้าสีอำพันบนโต๊ะหน้าโซฟา

“นี่เป็นเอกสารจากหน่วยงาน”

มรุตรับซองไปเปิดดู เห็นเป็นเอกสารแสดงผลการขออนุญาตก่อสร้างในเบื้องต้น ซึ่งหมายความว่าขั้นตอนยังไม่สิ้นสุด พวกเขายังต้องดำเนินการต่อเพื่อให้เกิดโครงการสร้างศูนย์การค้าขึ้นมา

“สักหน่อยนะ” วิศรุตเลื่อนแก้วเหล้าที่ผสมให้เสร็จ แล้วหยิบอีกซองยื่นให้ “ส่วนนี่เป็นเอกสารควบคุมการประหยัดพลังงานในอาคารที่ขออนุญาตก่อสร้าง”

มรุตรับมาดึงเอกสารข้างในจำนวนสิบกว่าแผ่นออกมาไล่สายตาดู

“ถึงกฎหมายการก่อสร้างจะไม่ได้บังคับเรื่องการประหยัดพลังงาน แต่มีกฎกระทรวงต่างๆ ที่ออกมาบังคับใช้กับอาคารที่เข้าข่ายว่ามีการใช้กระแสไฟฟ้าหรือพลังงานเชื้อเพลิงอื่นๆ เกินกำหนด ซึ่งอาคารของเราจัดอยู่ในประเภทอาคารควบคุม จึงต้องทำตามมาตรการที่ภาครัฐกำหนด และหากไม่ทำตามก็จะมีบทลงโทษตามมา”

“เรื่องพวกนี้ไม่มีปัญหา ฝ่ายออกแบบอาคารคำนึงถึงเรื่องการประหยัดพลังงานอยู่แล้ว” มรุตพูดจบก็วางเอกสารทั้งหมดลงบนโต๊ะ

“ก็คงเป็นอย่างนั้น เรื่องพวกนี้สามารถจัดการให้เข้าเกณฑ์ได้ไม่ยาก” วิศรุตเห็นตาม แต่พอคิดถึงบางเรื่องจึงถามขึ้น

“แล้วเรื่องในพื้นที่ล่ะ เราสร้างศูนย์การค้าขึ้นมา จะไปขัดกับกลุ่มที่ลงทุนอยู่ก่อนหรือเปล่า”

“คงมีเป็นเรื่องธรรมดา อาจกระทบกันบ้างแต่พอคุยกันได้”

คำตอบทำให้วิศรุตโล่งใจ เพราะความปลอดภัยของมรุตเป็นสิ่งที่เขานึกกังวล แล้วถามถึงอีกคน

“ชมพู่เป็นยังไงบ้าง”

“ตอนนี้ชมพู่ปรับตัวเข้ากับบ้านใหม่ได้ดีเชียวละ ฉันยังกลัวว่านานไปจะเอาไม่อยู่” เจ้าของคำพูดระบายรอยยิ้ม นัยน์ตาคมเปล่งประกายความอ่อนโยน เมื่อพูดถึงนางฟ้าน้อย

“ตอนนี้เข้าเรียนแล้วสิ” วิศรุตยังถามต่ออย่างให้ความสนใจ

“ใช่ ชมพู่ชอบไปโรงเรียน แต่พอวันหยุดก็มักมีปัญหา ชมพู่อยู่กับป้าของฉันทั้งวันก็เบื่อตามประสาเด็กที่ไม่มีเพื่อนเล่นซน”

“นายไม่คิดจะหาใครไปดูแลเหรอ” เสียงถามหยั่งเชิงพลางเลิกคิ้วรอคอยคำตอบของวิศรุต ทำให้คนถูกถามยิ้มบางๆ ก่อนโต้กลับ

“นายนี่ยังไงกัน จะยัดเยียดใครให้ฉันอยู่เรื่อยเลย”

วิศรุตหัวเราะเต็มเสียงเมื่อถูกดักคออย่างรู้ทัน เขาไม่ได้ถามจริงจัง เพียงแค่แหย่เล่นทุกครั้งที่มีโอกาสเท่านั้น

“สรณ์มันหายไปนาน มีปัญหากันหรือเปล่า” มรุตตั้งข้อสังเกตถึงเจ้าของสถานที่

“ลูกค้าทะเลาะกันคงเคลียร์ได้แล้ว ลงไปสักพักแล้วนี่ คงอยู่ในห้องทำงานกับลูกน้อง”

“อืม” มรุตพยักหน้า ก่อนถามถึงภรรยาของเพื่อน “คุณนิลล่ะ เป็นไงบ้าง”

“ถามทำไม” วิศรุตเป็นฝ่ายระแวง มรุตได้ทีจึงแหย่กลับ เพราะรู้ถึงความหวงเกินพิกัดของเพื่อนตัวเองดี

“ก็เห็นว่าก่อนแต่งงานกับนาย คุณนิลเคยสนใจจะทำงานรีสอร์ตฉัน เลยจะฝากบอกว่าถ้ายังสนใจ ฉันมีเงื่อนไขดีๆ รอเสนออยู่”

“นายไม่ต้องมายุ่ง เมียฉัน ฉันดูแลได้” วิศรุตเสียงแข็งพร้อมชี้หน้าปราม ต่อมาก็กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ว่าแต่ยังมีอีกคน นายสนใจจะเสนอเงื่อนไขหรือเปล่าล่ะ”

“ไม่ต้องเอาน้องเมียจอมจุ้นของนายมายัดเยียดให้ฉันเลยนะ”

มรุตรีบห้าม รู้ทันว่าหมายถึงใคร...ผู้หญิงรูปร่างเพรียวระหง ใบหน้าสวยจัด ทุกอย่างเหมาะเจาะสะดุดตาในครั้งแรกที่เห็น แต่วีรกรรมของเจ้าหล่อนที่เป็นตัวตั้งตัวตีวางแผนจนทำให้วิศรุตกับนิลอุบลมีเรื่องเข้าใจผิดในครั้งนั้น ยังทำให้เขานึกขยาด

“ปากแข็งไปเถอะ ฉันรู้นะว่าตอนแรกนายก็ติดใจเหมือนกัน”

“หุบปากเลย ผู้หญิงถ้าจุ้นจ้านได้ขนาดนั้น ต่อให้สวยน่ารักแค่ไหน ฉันก็ติดใจไม่ลง”

พูดจบก็ยกแก้วเหล้าเทลงคอ แต่ดื่มได้นิดเดียวก็วางลงเพราะนึกได้ว่าตนต้องขับรถกลับหัวหินในคืนนี้ จึงไม่อยากให้ตัวเองมึนชาเสียก่อน

“ช่วงนี้เครืออัครรัตน์ของพ่อตาฉันไม่ค่อยดี” วิศรุตเปรย ตามที่เคยได้คุยกับพัทธนนท์ พี่ชายของภรรยาซึ่งคบหาเป็นเพื่อนรุ่นน้องมาก่อน “ข้างในคลอนแคลน ผู้บริหารแตกคอกันเอง”

“ได้ยินมาสักพักเหมือนกัน แต่เห็นว่าเริ่มฟื้นตัวแล้วนี่ พื้นฐานธุรกิจมั่นคงดี ไม่นานคงเข้าสู่ภาวะปกติ”

ขณะพูด ใจก็เขวไปหาผู้หญิงคนนั้น ช่วงที่เธอเพิ่งกลับจากต่างประเทศ เขายังเห็นเป็นข่าวคราวในวงสังคม แต่พักหลังก็เงียบหายไป ชายหนุ่มคิดพลางขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือ พอเห็นว่าเป็นเบอร์จากบ้านใหญ่ ก็รีบกดรับสายด้วยใจนึกห่วงถึงลูกน้อย

“รุต ใกล้กลับหรือยัง” เสียงของนางประนอมถามทันที

“คงอีกสักพักครับป้า มีอะไรหรือครับ” ชายหนุ่มถามร้อนรนเพราะได้ยินเสียงลูกน้อยดังลอดเข้ามา

“จะใครซะอีกล่ะ แม่ชมพู่ร้องไห้งอแงเพราะอยากฟังนิทานนางฟ้า ป้าจะเป็นลม” น้ำเสียงของหญิงชราบอกให้รู้ว่ากำลังจะเป็นอย่างที่พูดจริงๆ

“ผมขอคุยกับชมพู่หน่อยครับ”

ระหว่างถือสายรอก็ได้ยินเสียงคนปลายสายพูดคุยกัน ไม่ถึงนาทีเขาก็ได้ยินเสียงเล็กใสเจือสะอื้นไห้ดังเข้ามา

“ปาป๊าอยู่ไหน”

“ปาป๊าอยู่กรุงเทพครับ กำลังคุยอยู่กับอาหนึ่ง”

“ชมพู่จะฟังนิทานนางฟ้า” เสียงนั้นกว่าจะเปล่งจนครบประโยค ทำให้มรุตต้องลุ้นฟังกันทีเดียว

“ปาป๊าบอกแล้วไงครับว่านางฟ้ามาพรุ่งนี้ คืนนี้ชมพู่เด็กดีเข้านอนกับคุณย่าใหญ่นะครับ” มรุตใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะกล่อมเด็กหญิงยังไงดี แต่แล้วเสียงงอแงดื้อดึงก็ดังขึ้น

“ไม่เอา ชมพู่จะเอานางฟ้าคืนนี้”

“นางฟ้าจะอยู่กับเด็กดี ถ้าชมพู่ดื้อกับปาป๊า นางฟ้าจะไม่มา เข้าใจหรือเปล่าครับ” มรุตปราม เพียงอยากให้ชมพู่เข้านอน เพราะตอนนี้เลยสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว

“ชมพู่จะเป็นเด็กดี” เสียงยังเจือสะอื้นไห้ ทำให้ใจเขาอ่อนยวบ จึงบอกปิดท้ายก่อนตัดสาย

“ชมพู่เป็นเด็กดี พรุ่งนี้พี่นางฟ้าก็มาครับ นอนนะครับคนดี”

เสียงนุ่มทุ้มอ่อนโยนที่คอยปลอบประโลมลูกน้อย ทำให้คนนั่งอยู่ใกล้นึกทึ่งกับมาดใหม่ของเพื่อน แล้วทำให้เขานึกถึงคนที่บ้านขึ้นมาบ้าง

“รุต ฉันจะกลับบ้าน นายจะกลับเลยหรือเปล่า”

“ฉันจะกลับเหมือนกัน” มรุตบอกพลางเก็บซองเอกสารไว้ในมือ

สองหนุ่มเดินออกจากห้องรับรองลงชั้นล่าง พวกเขาฝากเด็กเสิร์ฟให้ช่วยบอกลาอนุสรณ์ เพราะคิดว่าคงมีเรื่องติดพันจากเหตุทะเลาะวิวาทของลูกค้าอยู่ จึงไม่อยากรบกวน พอเดินมาถึงหน้าผับ มรุตก็หยุดรับสายจากลูกน้องที่ติดต่อเข้ามา ขณะที่วิศรุตขอตัวแยกไปก่อน พอคุยธุระจบก็ทำท่าจะเดินขึ้นรถ แต่ต้องชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงเรียก

“คุณมรุตครับ คุณอนุสรณ์เชิญข้างใน”

มรุตสงสัยเมื่อได้ยินเด็กเสิร์ฟวิ่งมาบอก แต่ยอมเดินกลับตามไป เพียงก้าวเข้าไปข้างใน ความวุ่นวายก็ปรากฏขึ้น

“รุต ช่วยหน่อยเถอะ” อนุสรณ์รีบบอกเมื่อเห็นเขา

มรุตมองผู้ชายหนุ่มซึ่งถูกพรรคพวกจับตัวไว้ กำลังส่งเสียงเอะอะโวยวายเหมือนมีเรื่องกัน และดูว่าคงไม่จบกันง่ายๆ

“เฮ้ย! ปล่อยฉัน ฉันจะจัดการกับผู้หญิงบ้านี่”

“พูดดีๆ นะ นายลวนลามฉัน ฉันไม่ฟาดให้หัวแตกก็บุญแล้ว”

เสียงแหลมของผู้หญิงที่โต้กลับ ทำให้มรุตหันขวับไปมอง พลันต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นความยุ่งยากรออยู่ข้างหน้ารำไร แต่เวลานี้เขาทำได้เพียงรอดูท่าทีของทั้งสองฝ่าย

“ถ้าเล่นตัวนัก แล้วมานั่งอ่อยทำไม”

“ฉันนั่งอยู่ดีๆ พวกทุเรศอย่างนายก็เข้ามาก่อกวน แค่โดนสาดหน้ายังถือว่าน้อยไป” สาวสวยไม่ยอมแพ้ ยังคงกรีดเสียงใส่คู่กรณีอย่างไม่เกรงกลัว แต่คนกลางที่กำลังพยายามสงบศึกก็รีบห้าม เกรงว่าถ้าปล่อยนาน เรื่องคงลุกลามกันไปใหญ่

“คุณแพทครับ ใจเย็นๆ ครับ เงียบก่อน” อนุสรณ์ปรามเมื่อเห็นไม่มีใครยอมกัน “คุณสันต์ ผมขอให้เลิกแล้วต่อกันดีกว่าครับ ยังไงคุณก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อน”

“สรณ์ นี่มันเรื่องอะไรกัน นายเรียกฉันมาทำไม” มรุตขัดด้วยเสียงเคร่งเครียด เขาไม่อยากยุ่งกับเรื่องวุ่นของใครทั้งนั้น แต่อนุสรณ์ไม่สนใจฟัง กลับคาดคั้นคู่กรณีทั้งสองต่อ ในที่สุดก็ดูเหมือนว่าเหตุการณ์จะคลี่คลายลง

“ก็ได้ จบก็จบ”

ฝ่ายชายพูดพร้อมสะบัดแขนจนหลุดออกเป็นอิสระ เดินไปหาคู่กรณีสาวที่ยืนเชิดหน้าเยื้องหลังอนุสรณ์ เจ้าหล่อนจ้องตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน และภาพที่เห็นทำให้มรุตรู้สึกถึงเค้าลางแห่งความวุ่นวายว่าตนอาจถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

“รุต ฉันฝากส่งคุณแพทด้วย”

“ไม่ได้ นายก็เห็นอยู่ว่าฉันต้องรีบกลับ” มรุตปฏิเสธอนุสรณ์ ผิดไปจากที่นึกกลัวเสียเมื่อไรกัน หากอีกคนยังคงตะล่อม

“คุณแพทไม่มีรถ เธอมากับเพื่อน เมื่อกี้เพื่อนของเธอกลับไปแล้ว หมอนั่นก็เลยเข้ามาได้ไง”

“ทำไมนายไม่บอกหนึ่ง” มรุตบ่ายเบี่ยง คิดว่าคนที่ควรรับผิดชอบน่าจะเป็นวิศรุตผู้เป็นพี่เขยของเธอมากกว่าเขา ซึ่งเป็นคนนอกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย

“ฉันเรียกทันที่ไหนกันล่ะ สงสัยจะรีบไปเฝ้าเมีย นายนั่นแหละ ช่วยหน่อย” อนุสรณ์ตัดบท โยนโครมเข้าให้ มรุตถอนหายใจเมื่อเห็นว่าคงเลี่ยงภาระหนักอึ้งนี้ได้ยาก แต่ก่อนจะตกปากรับคำ ก็ได้ยินเสียงหวานทว่าบาดหูดังขึ้น

“คนใจแคบ ไม่มีน้ำใจ” พูดจบ เจ้าหล่อนก็หันไปหาอนุสรณ์ “แพทไม่อยากเป็นภาระของใครค่ะคุณสรณ์ แพทกลับแท็กซี่เองได้”

กล่าวจบ คนร่างเปรียวก็ก้าวฉับผ่านหน้าทุกคนไป ใบหน้าสวยนิ่วพลางขบเม้มริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บ หล่อนก้าวตรงไปโดยไม่ฟังคำทัดทานของอนุสรณ์จากข้างหลัง

มรุตมองตามร่างที่แทรกผ่านผู้คนออกไปตามลำพัง ผ่อนลมหายใจยาวพร้อมทำใจยินยอม เขาไม่ต้องการให้เพื่อนหนุ่มลำบากใจ จึงรีบผละตามออกไป ก่อนที่ผู้หญิงสวยจอมวุ่นวายคนนั้นจะก่อปัญหาขึ้นมาอีก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel