บทที่ 3
เนตรทรายนั่งหน้าบูดหน้าบึ้ง อยู่ที่โซฟาภายในห้องรับแขกที่คอนโดของคิมหันต์อย่างไม่สบอารมณ์ เพราะหลังจากที่ถูกคิมหันต์ลากขึ้นรถมา เขาก็ไม่พูดอะไรกับเธอเลยสักคำ เธอถามก็ไม่ยอมตอบ เอาแต่นั่งหน้าบึ้งแล้วก็ขับรถอย่างเดียว
จนมาถึงคอนโด เขาก็ยังไม่พูดอะไร เดินดุ่มๆ ขึ้นมาบนห้องหายเข้าห้องนอนตัวเอง แล้วก็ทิ้งให้เธอนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว น่าโมโหชะมัด
“เอ้า เอาไปอาบน้ำจะได้นอน” ผ้าขนหนูและเสื้อยืดตัวโตถูกยื่นมาตรงหน้า เนตรทรายมองของนั้นนิ่งๆ ไม่ได้ยื่นมือไปรับแต่อย่างไร
“เนตรจะกลับบ้าน” พูดออกไปโดยไม่มองหน้าชายหนุ่มเลยสักนิด
“ดึกแล้วนอนนี่แหละ พรุ่งนี้ค่อยกลับ”
“พี่คิมไม่มีเหตุผล... พี่คิมลากเนตรมาแล้วทิ้งลูกศรไว้ที่ผับคนเดียวได้ยังไง เรามาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกันสิ เนตรจะกลับไปหาลูกศร และเนตรก็จะกลับไปนอนบ้านด้วย เฮียคิวรอเนตรอยู่” เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็เริ่มโวยวายตามนิสัยคนเอาแต่ใจของเนตรทราย
“พี่โทรบอกไอ้กรให้ดูแลลูกศรให้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนไอ้คิวพี่ก็โทรบอกมันแล้วว่าเนตรอยู่กับพี่ ให้มันนอนได้เลยไม่ต้องรอ... ทีนี้จะไปอาบน้ำได้หรือยัง” คิมหันต์พูดอธิบายด้วยน้ำเสียงที่เย็นลงพอสมควร หลังจากได้อาบน้ำอาบท่าเพื่อดับอารมณ์โกรธและโมโหของตัวเอง
“พี่คิมนิสัยไม่ได้ จอมเผด็จการ ไม่มีเหตุผล ชอบบังคับ “เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็ต่อว่าคนตรงหน้ายกใหญ่อย่างแสนงอน ก่อนจะคว้าผ้าขนหนูและชุดเดินสะบัดหน้าเข้าห้องนอนของชายหนุ่มไปทันที คิมหันต์ได้แต่ถอนหายใจและส่ายหน้าเบาๆ กับความดื้อรั้นของน้องสาว
หลังจากอาบน้ำสระผมชำระร่างกายให้สดชื่นเสร็จเรียบร้อย อารมณ์เหวี่ยงวีนที่มีในตอนแรกก็หายไป ร่างบางในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งที่ยาวแทบจะถึงเข่า กับกางเกงกีฬายืนมองคนตัวโตที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงกว้าง เริ่มทำตัวไม่ถูกที่ต้องมาอยู่ในห้องด้วยกันสองต่อสองแบบนี้
“มีไดร์เป่าผมมั้ยคะ” เสียงหวานเอ่ยถามออกไปเบาๆ
“ดึกป่านนี้แล้วก็ยังจะสระผม ถ้าไม่มีไดร์เป่าผมแล้วเมื่อไหร่จะได้นอน” แทนที่จะตอบคำถามแต่คนถูกถามกับบ่นให้คนที่ยืนหน้างออยู่ข้างเตียงแทน ก่อนจะลุกเดินไปเปิดตู้แล้วหยิบไดร์มาส่งให้เนตรทราย
"หัวเหม็นแต่บุหรี่ใครจะไปนอนหลับลงล่ะคะ... เดี๋ยวเนตรออกไปเป่าผมข้างนอกนะคะ จะได้ไม่เสียงดังรบกวนพี่คิม” คิมหันต์พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งเล่นโทรศัพท์ที่เตียงนอนตามเดิม จนเวลาล่วงเลยไปเกือบครึ่งชั่วโมง คนที่บอกว่าจะไปเป่าผมก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเข้ามานอนสักที
“แห้งสักทีสิง่วงแล้วนะ” ทำไปบ่นไปตาก็เริ่มจะหนักอึ้งไปทุกทีจนแทบจะฝืนลืมไม่ไหว
"หึ ผมจะแห้งหรือคนจะหลับก่อน" คิมหันต์พูดพร้อมกับนั่งลงข้างๆ เนตรทรายที่ตอนนี้เอนตัวเอาหัวมาซบที่ไหล่เขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"พี่คิมขา เป่าผมให้เนตรหน่อยสิคะ เนตรง่วงจัง" เสียงหวานเอ่ยอ้อนออกมาเบาๆ อย่างคนที่ง่วงเต็มที ทำเอาคิมหันต์ถึงกับส่ายหน้าไปมายิ้มๆ เด็กหนอเด็ก
"จะให้เป่าก็นั่งดีๆ สิ นั่งแบบนี้พี่จะเป่าได้ยังไง" ได้ยินแบบนี้คนที่จะหลับในตอนแรกรีบดีดตัวขึ้นนั่งอย่างว่าง่ายทันที มือหนาหยิบไดร์เป่าผมออกมาจากมือเนตรทรายพร้อมกับลงมือเป่าผมให้อย่างคล่องแคล่ว
“พี่คิมทำคล่องจังเลยนะคะ ทำให้สาวๆ บ่อยเหรอ”
“ยุ่งน่า นั่งเฉยๆ ไปเลย”
“ชิ!” เนตรทรายทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ก่อนจะนั่งนิ่งๆ ให้คิมหันต์เป่าผมด้วยหัวใจที่ฟูฟ่อง แอบยิ้มออกมาอย่างมีความสุข กับสิ่งที่คิมหันต์กำลังทำให้เธอ
ถ้าเป็นไปได้ขอหยุเวลาไว้แบบนี้ได้มั้ย คิมหันต์ในโหมดนี้สำหรับเธอน่ารักที่สุด น่ารักแบบที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน
“เสร็จแล้ว” พูดพร้อมกับปิดไดร์เป่าผม ก้มลงเก็บอุปกรณ์ โดยมีเนตรทรายนั่งมองด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างคนมีแผน
“พี่คิมขา หวีผมให้เนตรหน่อยสิคะ นะคะ” พูดอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวาน มองคนตรงหน้าตาปริบๆ
“หวีเองดิ พี่จะไปนอนแล้ว ง่วงเหมือนกัน” ว่าแล้วก็ลุกเดินเข้าไปในห้อง โดยมีเนตรทรายเดินตามพร้อมกับบ่นกระปอดกระแปดออกมาเบาๆ
“นั่นไง น่ารักได้ไม่นานกลับมาโหมดนี้อีกแล้ว”
ก๊อกๆ ๆ เสียงเคาะประตูห้องทำงาน ถูกเคาะขึ้นเป็นการขออนุญาต ก่อนจะถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ด้านนอก ด้วยความร้อนใจ
“เจ้านายครับ... คุณมณีให้มาเรียกไปประชุมที่ห้องประชุมใหญ่ครับ” ทันทีที่ประตูเปิดออกนพดลเลขาคู่ใจก็พูดบอกผู้เป็นเจ้านายทันที
“มีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่าดล ทำไมคุณแม่ถึงได้มาประชุมด้วยตัวเองแบบนี้” คิมหันต์เอ่ยถามด้วยความอยากรู้ระคนสงสัย ว่ามีเรื่องสำคัญเร่งด่วนอะไรขนาดที่แม่ของเขาต้องมาประชุมด้วยตัวเองแบบนี้
“เอ่อ คือ... เรื่องข่าวของคุณคิมกับคุณเนตรครับ”
“ข่าวฉันกับเนตร... ข่าวอะไร” คิ้วเข้มมวดเข้าหากันทันที
“อ้าว นี่เจ้านายยังไม่เห็นข่าวอีกเหรอครับ... นี่ครับ” นพดลยืนโทรศัพท์ที่มีข่าวของเจ้านายดู คิมหันต์กวาดสายตาไล่ไปตามข้อความที่ลงในข่าว
“นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่ฮอตฮิตที่สุดในเวลาเวลานี้คงหนีไม่พ้นนายคิมหันต์ รัตนะรัตน์ ที่ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านอัญมณีและเครื่องประดับอย่างบริษัท มณี กรุ๊ป ในตอนนี้ และชายหนุ่มยังเสน่ห์แรงสุดๆ จนฉุดไม่อยู่ สาวน้อยสาวใหญ่ต่างพากันรุมล้อมอยากจะเป็นเจ้าของหัวใจชายหนุ่มกันทั้งนั้น แต่ที่เป็นประเด็นร้อนแรงและฮือฮากันมากคงเป็นภาพหลุดของชายหนุ่มกับสาวสวยนิรนามที่ทั้งสองคนไปเที่ยวสถานบันเทิงด้วยกันสองต่อสอง แถมทั้งคู่ยังอี๋อ๋อโดยการกอดและหอมแก้มโชว์ความหวานกันอย่างไม่แคร์สายตาคนอื่น แถมตอนเช้าทั้งคู่ยังออกมาจากคอนโดของชายหนุ่มพร้อมกันอีก งานนี้มีทั้งภาพนิ่งและวีดีโอเป็นหลักฐานกันเลยนะจ๊ะ อ๋อ! มีสายข่าวจากวงในแอบกระซิบมาอีกว่าสาวสวยนิรนามคนนั้นไม่ใช่คนอื่นไกลที่ไหนแต่เป็นน้องสาวบุญธรรมของคิมหันต์ที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เอ๊ะ! ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้เป็นยังไงกันแน่น่า สงสัยงานนี้คงต้องจับตาดูกันยาวๆ แล้วล่ะจ้า” คิมหันต์ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อๆ เพราะเขาออกจะชินกับข่าวพวกนี้ของตัวเองไปเสียแล้ว
และทันทีที่คิมหันต์มาถึงห้องประชุม ก็พบว่าตอนนี้มีคณะกรรมการของบริษัทรวมทั้งคุณแม่ของชายหนุ่ม มานั่งรออยู่ก่อนแล้วอย่างพร้อมเพรียง ไม่รอช้า ชายหนุ่มพูดเปิดประเด็นขึ้นมาทันที เมื่อนั่งลงประจำตำแหน่งของตัวเอง
“เรียกผมมาประชุมด่วนแบบนี้มีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ”
“ผมจะไม่อ้อมค้อมเลยแล้วกันนะครับ... เรื่องข่าวของคุณคิมหันต์กับคุณเนตรทรายที่ออกมาวันนี้รู้มั้ยครับว่ามันมีผลกระทบต่อบริษัทของเรา” คณะกรรมการคนหนึ่งพูดเปิดประเด็นขึ้น
“ยังไงครับ” คิมหันต์เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น จึงทำให้คณะกรรมการคนเดิมพูดอธิบายต่อ
“มันทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทดูแย่ยังไงละครับ ประธานบริษัทมีข่าวกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าแทบจะทุกวันและหนักที่สุดคือมีข่าวกับน้องสาวของตัวเอง แบบนี้คุณคิมหันต์คิดว่าคนอื่นจะมองบริษัทของเราแบบไหนกันครับ” คณะกรรมการทุกคนต่างก็พากันพยักหน้าเห็นด้วย กับคำพูดของคณะกรรมการท่านนี้
“นี่เหรอครับปัญหาด่วนที่ทุกคนเรียกผมมาประชุม...ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหาในการบริหารงานของผมนะครับ”
“ผมรู้ครับว่าคุณเก่ง แต่ถ้าความเก่งของคุณ มันมาพร้อมกับข่าวฉาวของประธานบริษัท คุณคิดว่ามันจะเป็นผลดีมั้ยล่ะครับ ไม่เพียงแต่ภาพลักษณ์บริษัทที่ดูแย่นะครับ ตัวคุณเองก็จะดูแย่ไปด้วยความน่าเชื่อถือก็จะหมดลง” คณะกรรมการอีกคนพูดขึ้นด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเคือง ที่ชายหนุ่มมองปัญหานั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย
“นั่นสิครับ ช่วงนี้ผมว่าคุณคิมหันต์มีข่าวกับผู้หญิงเยอะไปหน่อยนะครับ ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไปมันต้องมีปัญหาตามมาแน่ๆ คู่แข่งอาจะใช้ปัญหานี้มาโจมตีคุณจนทำให้หมดความน่าเชื่อถือก็ได้นะครับ” คณะกรรมการอีกคนพูดเสริมขึ้น
“แล้วพวกคุณจะให้ผมทำยังไงครับ” น้ำสียงที่พูดออกไปนั้นเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและโมโหนิดๆ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าแค่เรื่องที่เขามีข่าวกับผู้หญิง มันจะทำให้คณะกรรมการซีเรียสได้ขนาดนี้ ผู้ชายมันก็ต้องมีข่าวกับผู้หญิงเป็นเรี่องปกติอยู่แล้วมั้ยล่ะ
“ลุงว่าใจเย็นๆ ก่อนดีกว่านะคิม ค่อยๆ พูดหาทางออกร่วมกันดีกว่า ใช้อารมณ์แก้ไขปัญหามันไม่เกิดผลดีหรอกนะ” กำพลที่นั่งฟังอยู่นานพูดขึ้นมาบ้างก่อนที่สถานการณ์จะแย่มากไปกว่านี้
“นั่นสิคิม แม่เห็นด้วยกับคุณลุงนะ... ใจเย็นๆ ก่อนนะคะทุกท่าน และดิฉันต้องขอโทษแทนลูกชายด้วยนะคะที่อารมณ์ร้อนไปหน่อย ดิฉันอยากให้ทุกท่านเชื่อในฝีมือการบริหารงานของคิมหันต์ว่าเขาจะไม่ทำให้บริษัทของเราเสียหายแน่นอนไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม... ส่วนเรื่องผู้หญิงและเรื่องข่าวของคิมหันต์กับเนตรทรายดิฉันจะเป็นคนจัดการให้เองค่ะ รับรองว่าต่อไปนี้จะไม่มีข่าวของคิมหันต์กับผู้หญิงคนไหนอีก”
“คุณมณีจะจัดการยังไงครับ” หนึ่งในคณะกรรมการอีกคนถามด้วยความอยากรู้ เช่นเดียวกับคิมหันต์ก็อยากรู้ไม่แพ้กัน ว่าแม่ของเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ และวิธีที่ว่านั้นมันคือวิธีไหน
แต่ดูจากสายตาที่ผู้เป็นแม่มองมาที่เขานั้นด้วยสัญชาตญาณบอกได้ทันทีเลยว่าวิธีที่ว่านั้นต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะคนอย่างคุณมณีลงมาจัดการอะไรให้ทั้งทีไม่มีคำว่าไม่ธรรมดา