บทที่ 1
ตึกสูงเสียดฟ้าตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองหลวง บ่งบอกฐานะความมั่นคงของเจ้าของตึกนี้ได้เป็นอย่างดีและไม่มีใครไม่รู้จักสถานที่แห่งนี้ บริษัท มณี กรุป บริษัทยักษ์ใหญ่นำเข้าและส่งออกเครื่องประดับและอัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ อีกทั้งยังมีสาขากระจายไปอยู่ทั่วทุกมุมของประเทศอีกด้วย
รถสปอร์ตคันหรูขับเข้ามาจอดที่หน้าตึกสูง ร่างบางโปร่งระหงในชุดเดรสแขนยาวสีดำเข้ารูป ใบหน้าหวานที่แต่งแต้มเครื่องสำอางเบาๆ ให้โดดเด่นสะดุดตามากยิ่งขึ้น ร่างบางก้าวเดินความมั่นใจเข้าไปในตึก จุดมุ่งหมายคือห้องทำงานของรองกรรมการผู้จัดการ
“สวัสดีค่ะพี่ทิพย์คนสวย” เสียงทักทายที่ดังขึ้น ทำให้คนที่วุ่นอยู่กับงานเอกสารต้องละสายตาขึ้นมามองเจ้าของเสียง เพ่งพินิจมองสาวสวยที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างดีใจเมื่อนึกได้ว่าสาวสวยคนนี้คือใคร
“คุณเนตร! กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย สวยขึ้นจนพี่จำแทบไม่ได้เลยนะคะ”
“กลับมาได้สักพักแล้วล่ะค่ะ พี่ทิพย์สบายดีนะคะ... นี่ค่ะเนตรซื้อมาฝาก” พูดพร้อมกับยื่นถุงของฝากส่งให้ทิพาภรณ์
“ไม่เห็นต้องลำบากซื้อมาฝากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ...แล้วนี่มาหาคุณคิวใช่มั้ยคะ อยู่ข้างในค่ะ... คุณเนตรเข้าไปก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำส้มมาให้”
“ขอบคุณค่ะ” พูดจบเนตรทรายก็เปิดประตูห้องทำงานของวาคินเข้าไปทันที ทำเอาเจ้าของห้องที่นั่งทำงานต้องละสายตาจากเอกสารขึ้นมอง พร้อมกับรอยยิ้มเมื่อเห็นคนที่เปิดประตูเข้ามา
“เฮียคิวขา” เสียงหวานเอ่ยเรียกพี่ชายอ้อนๆ พร้อมกับนั่งลงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม
“ว่าไงตัวแสบ จะมาทำไมไม่บอกก่อน”
“ถ้าบอกก่อนก็ไม่เซอร์ไพรส์สิคะ.. อีกอย่างก็จะมาดูด้วยว่าเฮียแอบพาสาวมาซุกไว้ในห้องนี้รึเปล่า” เนตรทรายพูดยิ้มๆ พร้อมกับแกล้งมองสำรวจไปรอบๆ ห้องทำงานของวาคิน จนชายหนุ่มอดที่จะยื่นมือมาดีดหน้าผากมนๆ ของน้องสาวด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้
“โอ๊ยเฮีย! เนตรเจ็บนะ” คนถูกดีดร้องโอดโอยยกมือขึ้นมาลูบหน้าผากตัวเอง
“อย่ามาร้องเว่อร์ ดีดเบาๆ เองปะ... แล้วตกลงที่มาหาถึงบริษัทมีอะไร”
“มาชวนเฮียไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันค่ะ อยู่บ้านคนเดียวมันเหงา คุณแม่ก็ไม่อยู่”
“ไปสิ... แล้วชวนพี่คิมรึยัง” คิมหรือคิมหันต์ ที่วาคินพูดถึงคือพี่ชายของวาคิน ที่ตอนนี้ขึ้นเเท่นเป็นผู้บริหารแทนผู้เป็นแม่อย่างเต็มตัว
ด้วยความสามารถของคิมหันต์ ในการบริหารงานและยังสามารถสร้างกำไรให้บริษัทเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ในตลอดระยะเวลาที่ชายหนุ่มรับตำแหน่งต่อจากนางมณี ทำให้คิมหันต์เป็นที่ยอมรับของผู้ถือหุ้นในบริษัทได้อย่างไม่มีที่ติ
“เนตรไม่กล้าชวนหรอกค่ะ... พี่คิมงานยุ่งจะตาย นี่ขนาดเนตรกลับมาบ้านเป็นอาทิตย์แล้ว ยังไม่เห็นหน้าพี่คิมเลยสักครั้ง” เนตรทรายพูดออกมาด้วยความน้อยใจ ที่พี่ชายอีกคนของเธอดูจะไม่สนใจใยดีกับการจากไปหรือกลับมาของเธอเลยสักนิด
เธอยังจำได้ดีวันที่เธอต้องบินไปเรียนต่อต่างประเทศ เธอรอคิมหันต์ที่สนามบินจนนาทีสุดท้ายเกือบจะตกเครื่องด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงาของเขามาส่งเธอ
“ก็ช่วงนี้พี่คิมเขางานยุ่งจริงๆ เราก็อย่าไปน้อยใจพี่เขาเลย" เนตรทรายเงยหน้ามองเพดาน กลอกตาบนพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ
“น้อยใจไปเขาก็ไม่รู้หรอกค่ะ ก็เนตรไม่เคยมีความสำคัญอะไรกับพี่คิมอยู่แล้ว แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เนตรมีเฮียสนใจคนเดียวก็พอแล้วเนาะ”
“ครับ เนตรสำคัญกับพี่เสมอ อย่าคิดมาก... ปะ เราไปชวนพี่คิมกันดีกว่า” ว่าแล้ววาคินก็ลุกจากเก้าอี้ ดึงมือเนตรทรายให้เดินตามมาไปยังห้องทำงานของคิมหันต์
อีกด้านหนึ่งในห้องทำงานขนาดใหญ่ โซฟาหรูที่ใช้สำหรับต้อนรับแขก ตอนนี้ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันบนโซฟาอย่างเร่าร้อน
ร่างสองร่างอิงแอบแนบชิด จนเกือบจะหลอมเป็นคนเดียวกัน ริมฝีปากของคนทั้งคู่ประกบแนบแน่นหนักหน่วง ลิ้นเรียวเกี่ยวตวัดรัดกันอย่างเร่าร้อน มือหนาของชายลูบไล้ไปตามเรือนร่างของหญิงสาวใต้ร่าง
ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าอกอวบอิ่มที่ทะลักล้นออกมานอกเสื้อ มือหนาลูบวนเคล้นคลึงอย่างเร้าาร้อน อกอวบแอ่นขึ้นรับมือหนาอย่างรัญจวน ริมปากหนาจูบเม้มเคลื่อนต่ำลงมาตามซอกคอขาว เพิ่มความเสียวซ่านให้คนใต้ร่างได้เป็นอย่างดีจนแทบจะทนไม่ไหว
“อืม... คิมขา....ซี้ด” เสียงครางกระเส่า เล็ดรอดออกมาจากปากของหญิงสาวอย่างรัญจวนสุขสม กับสัมผัสที่ชายหนุ่มมอบ ให้ริมฝีปากหนาวกกลับมาหาริมปากอิ่มอีกครั้งอย่างดุดัน เรียกร้อง เร่าร้อนเอาแต่ใจ
แก่นกายแข็งขันดันต้นขาเรียวสวย ขยับเข้าไปเสียดสีกลับไม้งามกลางกายสาวอย่างจงใจ ให้เธอวาบหวามความเร่าร้อนทวีขึ้นเรื่อยๆ ทุกวินาที จนชายหนุ่มทนไม่ไหว พร้อมขย้ำเหยื่ออันโอชะตรงหน้าให้หนำใจ แต่ยังไม่ทันที่ราชสีห์จะได้กินเหยื่ออย่างที่ตั้งใจ ประตูห้องทำงานที่ถูกปิดสนิทไว้ในตอนแรกจู่ๆ ก็ถูกเปิดออกทันที จากด้านนอกโดยไม่มีการเคาะขออนุญาต เจ้าของห้องก่อนแต่อย่างใด
“พี่คิ...” เสียงเรียกของวาคิน เป็นอันต้องหยุดชะงักค้างไปกลางอากาศ ด้วยความตกใจเมื่อเห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้า
ภาพของคิมหันต์กับสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ กำลังกอดรัดนัวเนียกันอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ แม้เสื้อผ้าของคนทั้งสองจะยังอยู่บนตัวครบ แต่สภาพของมันก็หลุดลุ่ยออกเล็กน้อย
ทำเอาคิมหันต์และสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ ชะงักงันกับกิจกรรมที่กำลังทำผละออกจากกันทันทีด้วยความตกใจ ไม่แพ้กัน เนตรทรายมองภาพตรงหน้าด้วยความผิดหวังและเสียใจ
นี่สินะ! งานที่ยุ่งของเขา ยุ่งจนไม่มีเวลากลับบ้านไปหาเธอ
ส่วนคิมหันต์ก็มองหน้าคนที่ถือวิสาสะเข้ามาในห้องของเขาอย่างตำหนิ และโมโหนิดๆ ที่ถูกขัดจังหวะ
นี่เจ้าเลขาตัวดีของเข้าหายหัวไปไหน ทำไมถึงได้ปล่อยให้มีคนเข้ามาในห้องทำงานของเขาได้ ทั้งที่กำชับไว้แล้วเชียว ว่าให้เฝ้าหน้าห้องเอาไว้ให้ดี ไม่ให้ใครมารบกวน
หึ่ย! มันน่าตัดเงินเดือนจริงๆ
“มีอะไรกัน..แล้วเข้าห้องคนอื่นทำไมไม่เคาะประตูก่อน” เอ่ยถามเสียงห้วนมองหน้าวาคินและเนตรทรายอย่างตำหนิและหงุดหงิด ที่ถูกสองคนนี้เข้ามาขัดจังหวะเข้าได้เข้าเข็ม
“เอ่อ...ผมกับเนตรว่าจะมาชวนพี่คิมไปทานข้าวด้วยกันน่ะครับ แต่ไม่คิดว่าพี่คิมกำลัง... ทานขนมหวานอยู่” วาคินยิ้มกริ่มมองหน้าพี่ชายที่นั่งหน้าบึ้งอย่างล้อเลียน
“เกรซคุณกลับไปได้แล้ว ผมหมดอารมณ์” คิมหันต์หันไปพูดกับสาวสวยที่นั่งหน้างออยู่ข้างๆ
“แต่คิมคะ...” กำลังจะอ้าปากแย้งแต่ก็ถูกคิมหันต์พูดแทรก
“ผมบอกให้กลับก็คือกลับ คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบคนพูดไม่รู้เรื่อง” น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความเย็นยะเยือก จนหญิงสาวที่นั่งข้างๆ ต้องหุบปากและทำตามที่ชายหนุ่มต้องการ ทั้งๆ ที่อารมณ์ยังค้างเติ่งอยู่แบบนี้
ลุกเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ลืมจะหันไปมองผู้หญิงอีกคนด้วยความหงุดหงิด ที่กล้ามาขัดจังหวะความสุขของเธอกับคิมหันต์
“สวัสดีค่ะพี่คิม” เมื่อทุกอย่างในห้องกลับมาเป็นปกติ เนตรทรายที่ยืนเงียบมานานก็เอ่ยทักทายพี่ชายอีกคนของเธอ
สงสัยใช่มั้ยว่าทำไมเธอถึงเรียกวาคินว่าเฮีย แต่เรียกคิมหันต์ว่าพี่ทั้งๆ ที่สองคนนี้ก็คือพี่ชายเธอเหมือนกัน ก็เพราะว่าเธอเคยเรียกคิมหันต์ว่าเฮียไปครั้งหนึ่ง แต่คำตอบที่เขาพูดกับเธอคือ
พี่ไม่ชอบเรียกพี่ว่าพี่ดีกว่า
นั่นจึงทำให้เธอเรียกเขาว่าพี่ เนตรทรายมองคนตรงหน้าด้วยความคิดถึง นานเท่าไหร่แล้วนะที่เธอไม่ได้เจอกับเขา
นานเท่าไหร่แล้วนะที่เธอไม่ได้มองเขาเต็มๆ ตาแบบนี้
คิ้วเข้มดกดำได้รูป ดวงตาคมกริบสีน้ำตาลเข้มริมฝีปากหยักลึกได้รูป จมูกโด่งเป็นสันทำให้ใบหน้าหล่อเขามีเสน่ห์สะกดใจสาวๆ ให้แทบละลาย
ไหนจะรูปร่างสูงโปร่งมัดกล้ามแน่นๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดสูทนั้นอีก รวมแล้วผู้ชายคนนี้หล่อเข้มเฟอร์เฟคไปหมด มันก็คงไม่แปลกที่จะมีผู้หญิงเข้าหาเขามากขนาดนี้
“อืม” ตอบรับในลำคอออกไปสั้นๆ พลางมองไปที่หญิงสาวเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้ามองไปทางอื่น
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจหรือไม่อยากคุยกับเนตรทรายหรอกนะ แต่อารมณ์ของเขาตอนนี้มันไม่พร้อมจะคุยอะไรกับใครทั้งนั้น โดยเฉพาะคนที่เข้ามาขัดหวังหวะความสุขของเขาเมื่อสักครู่
ส่วนเนตรทรายเมื่อเห็นท่าทางเฉยชาไม่สนใจใยดีในการมาของเธอ ที่คิมหันต์แสดงออกมา ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้ากันแน่นด้วยความน้อยใจ ดวงตาสวยเศร้าลงในทันที
เธอแอบหวังเอาไว้เล็กๆ ว่าพอเขาเห็นเธอเขาจะยิ้ม พูดคุยทักทายถามสาระทุกข์สุขดิบเธอบ้าง หรือถามอะไรก็ได้ที่ทำให้เธอรู้สึก ว่าสำหรับเขาเธอยังสำคัญอยู่
แต่ตอนนี่เธอรู้แล้วว่าสิ่งเธอหวัง มันไม่มีอยู่จริงไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน สำหรับเขาเธอก็ไม่เคยมีความสำคัญอะไรกับเขาเลยสักนิด เคยนิ่งเฉยไม่สนใจยังไง ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน
เจ็บชะมัด!