้happy birthday
เอวา.....
"เอวา?? เธอมาได้ไง" เซย์ถามฉันด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจหรือฉันคิดมากไปเอง
"ก็จะมาเซอร์ไพรส์เซย์ไง^^" ฉันบอกพร้อมกับยิ้มให้เขาอย่างดีใจที่ได้เจอหน้า แต่ในเพียงเสี้ยววินาทีความดีใจของฉันก็หายไปเมื่อเห็นผู้หญิงคนนึงเดินออกมาจากห้องที่เขาเพิ่งเดินออกมา
"ใครมาคะเซย์" ฉันมองผู้หญิงตั้งแต่หัวจรดเท้าฉันยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้สวยมากซึ่งมากกว่าฉันอย่างแน่นอนเธออยู่ในชุดคลุมอาบน้ำเธอรวบผมขึ้นทำให้ฉันเห็นรอยดูดที่คอของผู้หญิงคนนั้นอย่างชัดเจนก่อนที่ฉันจะหันมามองหน้าเซเดย์อีกรอบและที่คอของเขาก็มีรอยเหมือนที่ผู้หญิงคนนั้นมี ฉันไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่ารอยพวกนี้เกิดจากอะไรเพราะเซย์ก็เคยทำรอยแบบนี้กับฉัน ยอมรับว่าตอนนี้ฉันทำอะไรไม่ถูกฉันเงยหน้ามองเซย์ที่มองฉันด้วยสายตาว่างเปล่า สายตาของเขาที่ไม่เหมือนเดิม
"นี่มันอะไรกันเซย์ ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงออกมาจากห้องของเซย์" ฉันถามเขาและพยายามทำเสียงให้ไม่สั่น
"เธอคิดว่ายังไงล่ะ"
"เซย์กับผู้หญิงคนนี้...มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดใช่ไหม" ฉันถามเขาแม้จะรู้อยู่แล้วว่าคำตอบที่ได้มันคืออะไร
"เธอเป็นใครมีสิทธิ์อะไรถึงมาถามเซย์เค้าแบบนี้" ผู้หญิงคนนั้นถามฉันด้วยน้ำเสียงไม่พอใจพร้อมกับกอดแขนเซย์ไว้แน่นโดยที่เซย์เองก็ไม่ได้สะบัดออก ราวกับบอกเป็นนัยๆว่าทั้งสองคนเป็นอะไรกันแต่ฉันก็ทำเป็นไม่สนใจ
"แล้วเธอล่ะเป็นใคร" ฉันถามกลับผู้หญิงคนนั้น
"ฉันเป็นแฟนของเซย์" ผู้หญิงคนนั้นพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ เธอบอกว่าเป็นแฟนของเซย์แล้วเซย์ก็ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของผู้หญิงคนนี้ด้วย
"หึ แฟนงั้นเหรอ เซย์ผู้หญิงคนนี้บอกว่าเธอเป็นแฟนของนายมันเรื่องจริงใช่ไหมหรือผู้หญิงคนนี้พูดโกหกนายบอกฉันมาบอกความจริงมาทั้งหมด" ฉันถามเซย์เสียงเข้มอย่างข่มอารมณ์ ฉันอยากฟังคำตอบจากเขาเพื่อตัดสินใจว่าฉันควรจะทำยังไงต่อไป
"ใช่ผู้หญิงคนนี้คือแฟนของฉันเอง"
"ได้ยินแล้วนะยะ" ผู้หญิงคนนั้นหันมายิ้มเยาะใส่ฉันอย่างสะใจ
"ระหว่างเรามันไม่มีความหมายเลยสินะนายถึงทำกับฉันแบบนี้" ฉันพยายามที่จะไม่ร้องไห้ฉันไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าเขาหรือใครที่อยู่ในห้องนี้ ฉันหยิบกล่องของขวัญที่ตั้งใจเอามาให้เขาแล้วโยนมันลงที่พื้นจนได้ยินเสียงแตกของกระจกกรอบรูป
เพล้ง!!!! ฉันเห็นเขามองกล่องของขวัญที่พื้นก่อนจะเงยหน้ามามองฉัน ฉันมองเขากลับไปไม่หลบสายตาก่อนจะพูดกับเขาซึ่งฉันคิดว่ามันจะเป็นคำพูดสุดท้ายของฉันที่จะได้พูดกับเขา
"happy birthdayนะเซเดย์ ฉันขอให้นายมีความสุขมากๆนะกับสิ่งที่นายเลือก ความสุขที่นายเคยบอกกับฉันว่าฉันคือความสุขของนาย แต่ตอนนี้ฉันคงไม่ใช่ความสุขของนายอีกต่อไปแล้ว และนี่คือของขวัญวันเกิดปีสุดท้ายที่ฉันจะให้นาย ลาก่อนนะ"
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของฉันที่พูดกับเขาก่อนที่ฉันจะรีบเดินออกมาจากห้อง ฉันหลบมานั่งร้องไห้อยู่ตรงบันไดหนีไฟ ตอนนี้ฉันไม่มีแม้แรงจะยืนหรือเดินต่อไปแล้วฉันร้องไห้ออกมาอย่างหนักเพราะสิ่งที่ได้เจอและได้ยินมันเป็นอะไรที่ฉันรับไม่ไหว หมดแล้วความฝันของฉันความฝันความหวังและความรักมันไม่เหลืออะไรอีกต่อไปแล้ว
ฉันไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาถึงเชียงใหม่ได้ยังไง หลายวันมานี้ฉันไม่มีแรงที่จะทำอะไรเลยร้องไห้จนเพลียแล้วก็หลับพอตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้อีก วนอยู่แบบนี้จนไม่สบายแต่ฉันก็ต้องดูแลตัวเองเพราะฉันอยู่ตัวคนเดียวไม่มีใครดูแล แม้ฉันจะมีทั้งพ่อทั้งแม่ก็ตามแต่ก็เหมือนไม่มีใคร พ่อกับแม่ของฉันท่านเลิกกันไปนานหลายปีแล้วค่ะ พ่อแต่งงานใหม่ย้ายไปอยู่อีกอำเภอตอนนี้ก็มีลูกกับภรรยาใหม่แล้วคงมีความสุขจนลืมฉันไปแล้วเพราะตั้งแต่ภรรยาใหม่พอคลอดลูกพ่อก็ไม่เคยมาหาหรือโทรมาถามฉันเลยสักครั้ง ถามว่าฉันเคยไปหาพ่อที่บ้านภรรยาใหม่พ่อไหมฉันเคยไปแต่ก็เจอกับสายตาไม่พอใจของภรรยาใหม่ที่ไล่ฉันเหมือนหมูเหมือนหมาอีกบอกว่าที่นี่ไม่ต้อนรับและไม่ต้องเสนอหน้ามาที่นี่อีก ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ไม่เคยไปที่นั่นอีกเลยและพ่อก็ไม่โทรมาถามด้วย
ส่วนแม่ของฉันพอเลิกกับพ่อแม่ก็ไปทำงานเป็นแม่บ้านที่อเมริกาและส่งเงินมาให้ฉันใช้แม่บอกว่าแม่จะเก็บเงินให้ได้เยอะๆแล้วจะกลับมาหาฉันจนกระทั่งเมื่อสองปีก่อนแม่โทรมาบอกว่าแม่กำลังจะแต่งงานใหม่กับเศรษฐีเจ้าของธุรกิจที่นั่นหลังจากที่แม่แต่งานแม่ก็มีชีวิตที่สุขสบายซึ่งฉันก็ดีใจกับแม่ที่แม่ไม่ต้องลำบากทำงานหนักอีก จนมาวันนึงแม่พาสามีใหม่แม่มาเที่ยวที่ไทยเพื่อให้เขาได้มารู้จักกับฉันและนั่นก็ทำให้ฉันรู้ว่าสามีใหม่แม่เป็นคนยังไง สามีใหม่แม่เขาคิดไม่ดีกับฉันเขาแอบเข้ามาในห้องนอนของฉันตอนแม่ไม่อยู่โชคดีที่เซย์มาหาฉันพอดีทำให้ฉันไม่ถูกพ่อเลี้ยงทำมิดีมิร้าย ฉันบอกกับแม่เรื่องนี้แต่แม่ก็ไม่เชื่อหาว่าฉันใส่ร้ายสามีใหม่ของแม่ หลังจากแม่กลับไปแม่ก็ไม่เคยกลับมาหาฉันอีกเลยแต่ทุกเดือนแม่จะส่งเงินมาให้ฉันใช้ไม่เคยขาดทำให้ทุกวันนี้ฉันไม่ต้องลำบากหางานทำหาเงินจ่ายค่าเทอม ถามว่าทุกวันนี้ฉันอยู่กับใครฉันอยู่คนเดียวค่ะอยู่คนเดียวมาตลอดตั้งแต่ครอบครัวแตกแยก ทำให้ที่ผ่านมาคนที่ฉันไว้ใจและมีอะไรก็เล่าให้ฟังคือเซเดย์เขารับรู้เรื่องราวของฉันทุกอย่างเวลาที่ฉันร้องไห้เขาก็จะเป็นคนปลอบ แต่ตอนนี้คงไม่มีแล้วฉันไม่เหลือใครแล้วทั้งครอบครัวทั้งคนรัก ฉันต้องอยู่คนเดียวให้ได้ ฉันต้องเข้มแข็งให้ได้ พอคิดได้แบบนั้นฉันก็ลุกจากที่นอนไปอาบน้ำเพื่อให้ร่างกายสดชื่นจากนั้นก็ออกไปต้มมาม่ากินก่อนจะกินยาพาราเพราะรู้สึกปวดหัวเนื่องจากร้องไห้มาสองวันเต็มๆ
ตู๊ดดดด ตู๊ดดดด ตู๊ดดดด เสียงมือถือดังขึ้นทำให้ฉันต้องลุกจากโต๊ะกินข้าววิ่งไปหยิบมือถือที่ชาร์ตไว้ในห้องนอน
สายเรียกเข้า...แม่
"สวัสดีค่ะแม่"
"เมื่อวานฉันโทรหาแกทำไมโทรไม่ติดปิดเครื่องทำไม"
"หนูไม่ได้ปิดเครื่องค่ะคือเมื่อวานแบตหมดหนูเพิ่งมาชาร์จเมื่อเช้านี้เอง" ฉันบอกกับแม่ไปตามความจริงเพราะแบตมือถือฉันหมดตั้งแต่วันที่กลับมาจากกรุงเทพคือรู้แล่ะว่าแบตหมดแต่ฉันไม่มีกระจิตกระใจที่จะเสียบสายชาร์จแบตคือมันไม่มีแรงทำอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียวก็เลยปล่อยมันไว้แบบนั้นเพราะคิดว่าคงไม่มีใครโทรมาและฉันก็ไม่ต้องโทรไปหาใครอีก
"เอาล่ะเข้าเรื่องเลยละกันที่ฉันโทรมาฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับแก"
"แม่มีเรื่องอะไรเหรอคะ"
"ฉันจะขายบ้าน"
"ขายบ้าน??บ้านไหนคะ"
"ก็บ้านที่แกอยู่นั่นไง"
"ขายทำไมคะ"
"พ่อแกมันโทรมาหาฉันมันบอกว่ามันต้องการจะขายบ้านมันบอกว่าจะเอาเงินไปซื้อรถคันใหม่ให้เมียใหม่มันใช้มันก็เลยบังคับให้ฉันขายบ้านเพราะบ้านหลังนั้นฉันกับมันซื้อร่วมกัน เพราะฉะนั้นฉันก็เลยให้คนที่รู้จักประกาศขาย"
"ขายแล้วหนูจะไปอยู่ที่ไหนคะ"
"อีกไม่กี่เดือนแกก็จะเรียนจบมอหกแล้วไม่ใช่เหรอฉันจะให้แกก็มาอยู่กับฉันที่อเมริกา"
"ไม่ไปค่ะหนูไม่ไป แม่ก็รู้ว่าสามีใหม่แม่เค้าเป็นคนยังไง"
"ถ้าแกไม่ยอมมาอยู่แกก็หาที่อยู่ของแกเองแล้วก็หาเงินใช้เองละกัน"
ตู๊ดดดดดดดดดดดดดด