ต้องเข้มแข็ง
เอวา...
หลายอาทิตย์ต่อมา....
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ที่ห้องอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อมาฟังผลเรื่องที่ฉันขอทุนเรียนต่อมหาลัยจากอาจารย์ซึ่งผลการเรียนโดยรวมของฉันมันเข้าหลักเกณฑ์การขอทุนพอดีโดยฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะได้เรียนมหาลัยไหนเหมือนกันเพราะเห็นอาจารย์บอกว่าท่านส่งไปหลายมหาลัยทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด ฉันหวังแค่ว่าให้ได้เรียนต่อเท่านั้นส่วนจะได้เรียนมหาลัยไหนฉันไม่เกี่ยง เรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆฉันค่อยทำงานเอาเพราะตอนนี้แม่ไม่ส่งเงินมาให้ฉันใช้แล้ว ยังดีที่ผ่านมาฉันไม่ได้ใช้อะไรเยอะก็เลยพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง และตอนนี้บ้านของฉันมีคนสนใจที่จะซื้อแล้วเพราะเมื่อหลายวันก่อนมีนายหน้าพาคนมาดูบ้าน ฉันทำได้แค่ยืนมองพวกเขาเดินเข้าออกห้องนั้นออกห้องนี้อย่างถือวิสาสะเพื่อดูสภาพบ้านและต่อรองราคากัน จากที่ฉันได้ยินคนซื้อพอใจบ้านหลังนี้มากเขาตกลงซื้อเรียบร้อยแล้ว วันต่อมาแม่ก็โทรมาบอกว่าแม่ทำการซื้อขายเรียบร้อยแล้ว เดือนหน้าฉันต้องย้ายออกซึ่งฉันคงจะต้องย้ายออกไปหาที่อยู่ใหม่แต่ก็ยังไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนเพราะเหลืออีกสามเดือนกว่าฉันจะเรียนจบ
"นี่คือหนังสือตอบรับของทางมหาลัย เขาให้ทุนเธอเรียนฟรีจนกว่าจะจบหลักสูตร" อาจารย์ยื่นซองสีน้ำตาลมาให้ฉัน ฉันยกมือไหว้อาจารย์ก่อนจะรับมาเปิดออกดูด้วยมือสั่นเทาด้วยความดีใจเพราะที่อาจารย์พูดแปลว่ามีมหาลัยที่รับฉันเป็นนักศึกษาทุน
"มหาลัยK??"
"ใช่มหาลัยK เป็นมหาลัยที่ดีที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดเพื่อนสนิทเธอก็เรียนอยู่ที่นั่นไม่ใช่เหรอนายเซเดย์น่ะ เธอโชคดีมากเลยนะที่ทางนั้นเค้าให้ทุนเธอเพราะที่มหาลัยนี้เค้าไม่ให้ทุนใครง่ายๆต้องเรียนดีความประพฤติดีจริงๆถึงจะได้ทุนมีนักเรียนหลายคนที่อาจารย์ส่งไปขอทุนพร้อมกับเธอแต่เธอได้แค่คนเดียว" ฉันต้องดีใจไหมที่ได้รับทันจากมหาลัยแห่งนี้เพราะมหาลัยKมันคือมหาลัยที่เซเดย์เรียนอยู่ถ้าฉันไปเรียนที่นั่นก็เท่ากับว่าฉันต้องเจอเขาอีกใช่ไหมทั้งที่ฉันตั้งใจแล้วว่าจะไม่ขอเจอเขาอีกตลอดชีวิต
หลายเดือนต่อมา...
ตอนนี้ฉันอยู่ที่หอพัก ฉันหาเช่าหอพักที่มันใกล้มหาลัยมากที่สุดเพื่อประหยัดค่ารถโดยสารเเวลาไปเรียนและตอนนี้ฉันกำลังจะออกไปหางานทำเพราะเงินที่เก็บไว้มันแทบจะไม่เหลือแล้วเพราะฉันใช้ในการเดินทางและจ่ายค่าเช่าห้องค่ามัดจำไปเกือบจะหมดแล้วถ้าไม่หางานทำคงไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้องเดือนหน้าและไม่มีเงินซื้อข้าวกินด้วยแต่ก็ยังโชคดีที่ทางมหาลัยออกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียนให้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นค่าเทอมที่แพงมากๆรวมถึงอุปกรณ์การเรียนค่าหนังสือค่าชุดนักศึกษาที่ทางมหาลัยให้มาหมดยกเว้นค่ากินค่าอยู่เท่านั้นที่ฉันต้องหาเอง ฉันว่าจะไปเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านอาหารไม่ก็ร้านกาแฟ แม้จะทำไม่เป็นแต่ฉันก็จะตั้งใจฝึกเอาฉันจะต้องอยู่ด้วยตัวเองให้ได้เพราะตอนนี้ฉันไม่เหลือใครแล้วฉันต้องอยู่ให้ได้ฉันจะไม่ง้อใครทั้งนั้น เธอต้องเข้มแข็งนะเอวา เธอต้องอดทนนะ ฉันบอกกับตัวเองทุกวัน
"มาสมัครงานเหรอจ๊ะ" พี่เจ้าของร้านมานั่งคุยกับฉันหลังจากที่ลูกค้าคนสุดท้ายเดินออกไปแล้วซึ่งร้านกาแฟที่ฉันเข้ามาสมัครตกแต่งได้น่ารักมากๆในสไตล์มินิมอลที่ฉันชอบตอนที่เดินเข้ามาฉันได้กลิ่นกาแฟตลบอบอวลไปทั่วทั้งร้านไหนจะกลิ่นขนมหอมๆจนทำให้รู้สึกหิวขึ้นมาจนต้องแอบกลืนน้ำลาย ใจจริงก็อยากจะลองซื้อชิมนะแต่ราคามันแพงเกินไปฉันสู้ไม่ไหว เค้กชิ้นนิดเดียวราคาร้อยกว่าไหนจะกาแฟที่ราคาแพงไม่แพ้กัน
"ค่ะพี่^^"
"ทำกาแฟหรือเครื่องดื่มเป็นไหม" พี่เจ้าของถามซึ่งฉันก็ตอบไปตามตรง
"ไม่เป็นเลยค่ะแต่หนูสัญญาว่าจะฝึกและทำมันให้ได้ค่ะ"
"บอกตามตรงนะจ๊ะพี่น่ะอยากได้คนที่ทำเครื่องดื่มเป็นเพราะตอนนี้พี่อยู่คนเดียวยุ่งมากเพราะพี่ต้องทำขนมเองด้วยพนักงานที่เคยอยู่เค้าลาออกกะทันหันถ้าพี่รับเราเข้ามาช่วยพี่ก็ต้องมาสอนเราอีก" ฉันเข้าใจพี่เจ้าของร้านนะเพราะถ้าพี่เขารับฉันพีเ่ขาก็ต้องเสียเวลาสอนฉันอีก
"หนูเข้าใจค่ะถ้าพี่ไม่รับก็ไม่เป็นไรค่ะหนูขอโทษด้วยนะคะที่มารบกวนพี่" ฉันยกมือไหว้เพื่อลาแต่ยังไม่ทันได้ออกไปพี่เค้าก็เรียกฉัน
"เดี๋ยวก่อนจ๊ะอย่าเพิ่งไป" พี่เจ้าของร้านเรียกโดยที่สายตาของเธอมองใบสมัครของฉันอีกครั้ง
"มีอะไรเหรอคะพี่"
"เรายังเรียนอยู่มหาลัยKเหรอ"
"ใช่ค่ะ"
"ปกติพี่ไม่เคยเห็นนักศึกษามหาลัยนี้มาสมัครงานเลยสักคนเราเป็นคนแรกเลยนะ"
"เหรอคะ"
"อื้มมม น้องชายพี่ก็เรียนอยู่ที่นั่นนะกำลังจะขึ้นปีสองที่นี่ค่าเทอมแพงมากๆพี่ก็เลยสงสัยว่าเราทำไมถึงมาสมัครงานคือพี่ไม่ได้ดูถูกเราหรอกนะจ๊ะ" ฉันเข้าใจที่พี่เจ้าของร้านพูดนะเธอคงจะหมายถึงว่านักศึกษามหาลัยนี้มีแต่ลูกผู้ดีมีเงินเพราะค่าเทอมที่แพงกว่ามหาลัยอื่นๆหลายเท่าไม่น่าจะมาหางานทำแบบนี้
"คือหนูมาจากเชียงใหม่ค่ะเป็นนักศึกษาทุนแต่ถึงจะได้ทุนเรียนฟรีแต่ค่ากินค่าอยู่ต้องหาเองอยู่ดี คือหนูไมไ่ด้เป็นลูกคุณหนูที่บ้านไม่ได้ร่ำรวยทุกอย่างหนูต้องดิ้นรนด้วยตัวเองค่ะถ้าไม่หาไม่ดิ้นรนก็ต้องอดไหนจะค่าหอพักอีก" ฉันพูดอย่างไม่อายเพราะมันไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยสักนิด
"โถน่าสงสารจัง เอางี้พี่รับเราทำงานกับพี่ก็ได้ แต่เราต้องหัวไวนะพี่สอนอะไรก็ต้องจำให้ได้เข้าใจมั้ย" ฉันยิ้มออกมาด้วยความดีใจเมื่อพี่เจ้าของร้านยอมรับฉันเข้าทำงาน ฉันรีบยกมือไหว้พี่เจ้าของร้านที่ตอนนี้ฉันยังไม่รู้จักชื่อของพี่เขาเลย
"พี่ชื่อพี่แป้งนะจ๊ะ^^" เหมือนพี่เขาจะรู้พี่เขาก็เลยบอกชื่อของพี่เขาให้ฉันรู้
"ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่แป้งที่รับหนูเข้าทำงานหนูจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด^^"
แกร๊งงง แกร๊งงงง เสียงกระดิ่งที่ประตูหน้าร้านดังขึ้นทำให้ฉันหันหลังไปมองคนที่เข้ามาใหม่ซึ่งดูแจากการแต่งกายน่าจะเป็นผู้ชายเขาอยู่ในชุดนักศึกษาถูกระเบียบแต่เขาสวมหมวกกันน๊อคทำให้ฉันไม่เห็นหน้าเขาแต่พอเขาเข้ามาในร้านและเหมือนตอนนี้เขากำลังจ้องหน้าฉันอยู่จู่ๆเขาก็หันหลังกลับออกไปอย่างไวแต่พี่แป้งเรียกเขาเสียก่อน
"จะไปไหนปืน!!!" ผู้ชายคนนั้นคงจะชื่อปืนเพราะพอพี่แป้งเรียกชื่อเขาก็หยุดเดินทันที
"เอ่อคือผมลืมของไว้ที่มหาลัยจะรีบไปเอา" เสียงของผู้ชายคนนี้ทำไมฉันรู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน
"ลืมอะไร"
"เอ่อออ ลืมมม ลืมมม ผมลืมหมวกกันน็อค" ฉันถึงกับงงเมื่อเขาบอกว่าลืมหมวกันน็อคแล้วที่หัวของเขาตอนนี้ล่ะมันไม่ใช่หมวกกันน็อคเหรอหรือเขามีหมวกหลายใบ
"หมวกกันน็อคเราสีอะไร"
"สีแดงไงพี่ก็ถามอะไรแปลกๆผมมีหมวกอยู่ใบเดียว" แต่ตอนนี้ฉันก็เห็นเข้าสวมหมวกกันน็อคสีแดงอยู่นะ และเมื่อกี๊ฉันได้ยินเขาเรียกพี่แป้งว่าพี่แปลว่าเขาน่าจะเป็นน้องชายของพี่แป้ง
"งั้นก็ไม่ต้องไป"
"ไม่ได้!!!หมวกผมใบละเป็นแสนเกิดหายทำไง" ฉันถึงกับอึ้งกับราคาที่ได้ยินฉันเพิ่งรู้ว่าหมวกกันน็อคเขาขายกันเป็นแสน
"มันไม่ได้หายไปไหนมันอยู่บนหัวของเรานั่นไงไม่เชื่อมองดูในกระจกสิ"
"เออนั่นดิ ผมลืมได้ไงวะ ใส่อยู่แท้ๆ ฮ่า ฮ่า" น้องชายพี่แป้งหัวเราะกลบเกลื่อนเมื่อหันไปส่องกระจกดูแล้วเห็นว่าตัวเองสวมหมวกกันน็อคอยุ่
"เรามาก็ดีละจะได้มาช่วยพี่เทรนพนักงานใหม่"
"พนักงานใหม่??"
"ใช่ พี่รับน้องเอาวาเข้ามาทำงานด้วยแต่เธอยังทำไม่เป็นเรามาก็ดีจะได้มาช่วยสอนเพราะพี่ต้องเข้าไปทำเค้กต่อข้างในลูกค้าสั่งไว้"
"เอ่อ คือว่า"
"มีปัญหาอะไรอีกช่วยพี่แค่นี้ไม่ได้หรือไง ถ้ามีปัญหามากนักพี่จะฟ้องป๊ากับม๊าว่าเราแอบไปแต่งรถเกือบล้านทั้งที่ป๊าสั่งห้าม"
"เห้ยพี่แป้งพี่อย่าบอกป๊านะไม่งั้นผมถูกยึดบัตรแน่"
"ถ้าไม่อยากให้ฟ้องป๊าก็มาช่วยพี่ เอาล่ะถอดหมวกแล้วมาช่วยสอนน้องเค้าทำกาแฟได้แล้ว"
"ไม่ถอดไม่ได้เหรอ"
"คนบ้าที่ไหนจะใส่หมวกกันน็อคชงกาแฟ ถอดออกเดี๋ยวนี้เลยนะถ้าไม่ถอดพี่โทรรายงานป๊าจริงๆนะ"
"ก็ได้ครับ แหมมขู่กันจัง"
และพอน้องชายพี่แป้งถอดหมวกกันน็อคออกฉันก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกมองหน้าเขาตาค้างอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ว่าตื่นตะลึงที่เขาหล่อหรอกนะคือเขาหล่อจริงๆนั่นแล่ะแต่นั่นไม่ได้ทำให้ฉันสนใจแต่ฉันฉันมองเขาแบบนั้นก็เพราะว่าเขาคือเพื่อนของเซเดย์คือคนที่เปิดประตูห้องให้ฉันในวันนั้น
"นี่นาย!!!"
"เอ่อ สวัสดี^^"