ตอนที่ 2
ทันทีที่เนยเดินออกมา แพรที่รออยู่หน้าออฟฟิศรีบถามขึ้นทันที
“เป็นไงบ้างเนย?”
“ก็...ไม่มีอะไรนี่” เนยตอบอย่างไม่ใส่ใจ ยักไหล่เล็กน้อยพร้อมยิ้มกวนๆ ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง
“ไม่มีอะไร? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่เหมยจะปล่อยเธอมาแบบไม่มีอะไร” แพรเดินตามเพื่อนสาวอย่างสงสัย
“ทุกคนรู้ว่าพี่เหมยดุเหมือนสิงโต แกปล่อยเธอมาได้ยังไงเนี่ย?” แพรพูดด้วยสีหน้างุนงง เพราะพี่เหมยเป็นที่รู้จักในเรื่องความดุและการลงโทษพนักงานอย่างเคร่งครัด
“คงเพราะ...ฉันดวงดีมั้ง” เนยตอบอย่างไม่ใส่ใจ พลางวางเอกสารบนโต๊ะและจัดของให้เข้าที่
“เธอเนี่ยนะ ดวงดี?” แพรย้อนถามเสียงสูง พร้อมจ้องหน้าเนยเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“เอาเป็นว่าฉันทำงานสำเร็จ ลูกค้าสมัครบัตรเครดิตกับฉัน นั่นก็คงเป็นเหตุผลที่พี่เหมยไม่ลงโทษฉันล่ะมั้ง” เนยพูดสั้นๆ ตัดบทอย่างรวดเร็ว เพราะรู้ดีว่าแพรคงไม่หยุดถามหากเธอไม่ตอบให้ชัดเจน
“พูดถึงเรื่องงาน ฉันได้ยินมาว่าผู้จัดการแบงก์สาขาเยาวราชยอมสมัครบัตรกับเธอแล้วจริงไหม?” แพรถามอย่างสงสัย
“ใช่ ทำไมเหรอ?” เนยหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางออกมาเตรียมแต่งหน้า
“ไม่อยากเชื่อเลย! เขาบอกเองว่าไม่เคยสนใจสมัครบัตรเครดิตกับบริษัทไหน แล้วทำไมถึงยอมทำกับเธอ?” แพรเอียงคอมองเนยด้วยความสงสัย
“ก็เพราะ...นางสาวอมลวัทน์คนนี้น่ะสิ ที่ทำให้เขาตัดสินใจได้” เนยตอบพร้อมลากเสียงยาว ยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะหยิบตลับแป้งขึ้นมาตบตรงสันจมูกที่มันเล็กน้อย
“อ้อ...เข้าใจล่ะ เธอก็สมกับชื่ออมลวัทน์จริงๆ เลยนะ ยัยเนย” แพรยิ้มขำพลางพิจารณาใบหน้าหวานของเนย ผมยาวตรงสีไฮไลท์แดงโค้ก ยิ่งทำให้ใบหน้าเนยดูเปล่งประกาย ชุดเกาะอกสีแดงที่ซ่อนอยู่ใต้สูทสีดำรัดรูปเข้าคู่กับกางเกงขาม้าทำให้เธอดูสง่าและทันสมัยอย่างมาก
แพรยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่า เนยดูอ่อนเยาว์เกินกว่าอายุ 25 ปี หากเนยแต่งตัวแบบลำลอง ก็คงเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยปี 2 หรือปี 3 เลยทีเดียว
“มองอะไรยะ ยัยแพร?” เนยตวัดสายตาคมมองเพื่อนสาวที่จ้องเธอนานเกินไป
“เปล่า ก็แค่คิดว่าเธอสวยดีเหมือนกันนะ” แพรตอบด้วยสีหน้าจริงจัง ทำให้เนยตาเหลือก เมื่อได้ยินจากเพื่อนสาวที่ดูห้าวอย่างแพร ผู้ซึ่งมักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นทอมด้วยผมซอยสั้นสีทอง
“เฮ้ย! พูดแบบนี้คนอื่นก็คิดว่าฉันกับเธอมีอะไรกันสิ!” เนยกระซิบเสียงเข้มพลางตีแขนแพรเบาๆ พร้อมส่งยิ้มกลบเกลื่อนให้เพื่อนร่วมงานรอบข้าง
“อ้าว นี่เธอไม่รู้เหรอว่ามีคนลือเรื่องเธอกับฉันไปไกลแล้ว ฮ่าๆๆ” แพรหัวเราะเสียงดัง ราวกับเรื่องที่พูดเป็นเรื่องขบขัน ทำให้เนยหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ
“ช่างเถอะ ปล่อยให้คนพูดไปเถอะ ฉันไม่สนใจหรอก” เนยยักไหล่ไม่แยแส เพราะเธอไม่ค่อยสนใจเรื่องซุบซิบในบริษัทอยู่แล้ว
“แล้วเธอไม่มีนัดลูกค้าเหรอ?” เนยเปลี่ยนเรื่อง ถามเพื่อนด้วยความสงสัย
“มีสิ แต่ของฉันนัดช่วงบ่าย ตอนนี้ก็เลยฟรี” แพรตอบพลางนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
“งั้นเหรอ แต่ฉันต้องทำรายงานสรุปยอดบัตรเครดิตส่งพี่เหมยก่อน” เนยบ่นเล็กน้อย เพราะเป็นงานที่เธอไม่ค่อยชอบทำเท่าไหร่
“งั้นก็ตามสบายย่ะ” แพรเอ่ยพลางหันไปเปิดคอมพิวเตอร์ สายตาของพี่เหมยที่มองมาจากอีกฝั่งทำให้แพรทำหน้าเหลอหลา ก่อนจะหันมากระซิบกับเนย
“ดูหน้าพี่เหมยสิ ยังกับกินรังแตนมาเลย ฮ่าๆ” แพรหัวเราะเบาๆ ขณะที่เนยหัวเราะตาม พร้อมหยิบเอกสารขึ้นมาเตรียมจัดการรายงานยอดบัตรเครดิต
“อ้อ จริงสิ! ฉันลืมบอกเธอไปเลยเนย!” แพรพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น พลางหันไปบอกเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนมีเรื่องน่าสนใจ
“อะไรล่ะ?” เนยถามโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่เธอกำลังจัดเรียงอยู่
“แผนก IT น่ะ มีคนเข้าใหม่!” แพรพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ยิ่งฟังดูกระตือรือร้นมากขึ้น
“คนใหม่? แล้วยังไงล่ะ?” เนยขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางจับได้ถึงความตื่นเต้นที่ปนความดีใจในน้ำเสียงของเพื่อน
“ก็...เขาเป็นผู้ชาย แถมหล่อมากกกก!” แพรลากเสียงยาวเน้นย้ำความหล่อออกมาอย่างชัดเจน
เนยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางตอบกลับเสียงสูง
“หืม? บริษัทเรามีคนหล่อด้วยเหรอ?”
“โธ่! ยัยเนย” แพรทำหน้ามุ่ย ย่นจมูกใส่เนยด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
“ในบริษัทก็มีคนหล่อนะ แต่สเปคเธอมันคงจะสูงเกินไปน่ะสิ”
เนยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยักไหล่
“ฉันไม่เคยคิดจะสนใจใครในบริษัทเดียวกันหรอก คบกันไปก็มีแต่จะเป็นขี้ปากให้พวกชอบนินทา” เธอพูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจนัก
แพรพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ก็จริงของเธอ ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
การที่เนยหลีกเลี่ยงการมีความสัมพันธ์ในที่ทำงานไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะบริษัทที่พวกเธอทำงานนั้นมีพนักงานประมาณร้อยกว่าคน และเมื่อมีคนเริ่มสนใจหรือคบหากัน ข่าวก็จะแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว บางครั้งเรื่องเล็กๆ ก็ถูกขยายใหญ่โตเกินจริงจากพวกที่ชอบใส่ไข่ และแน่นอนว่าเนยไม่อยากตกเป็นเป้าของพวกขี้นินทา
เนยจำได้ว่า เลขาของผู้ช่วยสายธุรกิจที่ชื่อดังเป็นผู้หญิงอวบขาวน่ารัก ใครเห็นก็ต้องชอบ แต่เธอกลับมีพฤติกรรมชอบสนิทสนมกับผู้ชายแทบทุกคน โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง เนยเคยเตือนด้วยความหวังดีหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีผลอะไร หญิงสาวเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบเดิมของเธอ จนในที่สุดเนยก็เลิกเตือน เพราะรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ได้ส่งผลโดยตรงกับเธอ
ถึงแม้จะไม่อยากรับรู้ แต่เรื่องของเลขาคนนั้นกลับถูกนำมาเล่าให้เนยฟังอยู่เรื่อยๆ จากคนรอบข้าง ซึ่งมักจะเล่ากันอย่างสนุกสนาน เหมือนเป็นเรื่องบันเทิงในชีวิตประจำวัน นั่นทำให้เนยเบื่อหน่ายและระวังตัวเองมากขึ้น เธอไม่ต้องการให้ใครเข้ามายุ่งกับชีวิตส่วนตัวของเธอเกินกว่าที่เธอตั้งขอบเขตไว้