บทที่ 4 เสือโมโห 1
กระแสในโซเชียลไวเหมือนไฟลามทุ่ง คลิปที่รัฐรวินทร์ถูกเกวลินสาดไวน์และตบหน้าถูกลูกค้าคนหนึ่งบันทึกภาพไว้ และนำคลิปลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวแถมยังตั้งเป็นสาธารณะ ส่งผลให้คลิปนี้มีคนกดดูนับหมื่นคน และถูกแชร์ต่อๆ กันไปร่วมหนึ่งพันครั้ง มีหรือที่เรื่องนี้จะไม่รู้ถึงหูรัฐรวินทร์ พอเขารู้เรื่อง พายุอารมณ์ก็โหมใส่ทันที มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดราคาเหยียบสามหมื่นห้าพันบาทถูกปาลงบนพื้น
“โธ่โว้ย!...ปัง” คำสบถตามมาด้วยเสียทุบโต๊ะดังปัง คนที่อยู่ในห้องถึงกับสะดุ้ง รู้อารมณ์เจ้านายหนุ่มเลือดร้อนดีว่า ตอนนี้อยู่ในระดับใด...ระดับปรอทแตก
“ผมจัดการเรื่องเจ้าของคลิปเรียบร้อยแล้วครับ เขาลบคลิปนั้นออกไปแล้วครับ”
มนูรายงานเจ้านาย หวังว่าอีกฝ่ายจะอารมณ์เบาลง ก่อนหน้าที่เขาจะนำคลิปที่บันทึกไว้มาให้รัฐรวินทร์ดู มนูได้ทำหน้าที่ลูกน้องที่ดี ติดต่อไปยังเจ้าของภาพให้ลบคลิปดังกล่าวออก โดยขอร้องแต่โดยดี ซึ่งก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี อีกฝ่ายยอมลบคลิปหลังจากสนทนาเสร็จ
“คนที่ฉันอยากจัดการไม่ใช่คนที่เอาคลิปไปลง แต่เป็นคนที่ทำให้ฉันต้องอายขายขี้หน้ามากกว่า” เสียงเขาเหี้ยม ดวงตาลุกโชนด้วยแรงโทสะ บอกกให้รู้ถึงความโกรธ “มนู นายไปสืบประวัติของผู้หญิงคนนั้นมาให้ฉัน ฉันให้เวลานายถึงห้าโมงเย็น”
เวลานี้เก้าโมงครึ่ง มนูมีเวลาไม่ถึงสิบชั่วโมงในการหาข้อมูลที่เจ้านายจอมเอาแต่ใจต้องการ มนูจึงไม่รีรอ เขาตอบรับคำสั่ง แล้วรีบออกจากห้องทำงานของรัฐรวินทร์ทันที ช่วงที่เดินออกจากห้องสวนทางกับภคพรที่เดินเข้ามาหาคู่หมั้น
“พี่วินได้เห็นคลิปหรือยังคะ” ภคพรถามคู่หมั้นด้วยความร้อนใจและเป็นห่วง
“พี่เห็นแล้ว คลิปถูกลบแล้วด้วย แต่พี่เจ็บใจผู้หญิงคนนั้นมากกว่า มันน่านัก”
แววตาและกระแสเสียงของรัฐรวินทร์ เหมือนกับคนที่อยู่ในน้ำวนแห่งแรงโทสะ เธอกลัวแทนผู้หญิงคนนั้นเหลือเกิน กลัวว่าเขาจะเอาคืน
“พี่วินใจเย็นๆ นะคะ อย่าจองเวรกันเลยค่ะ มันจะเป็นกรรมต่อกันเปล่าๆ เรื่องมันแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะคะ ผูกใจเจ็บไปพี่วินก็มีแต่เป็นทุกข์ อีกอย่างคลิปก็ถูกลบไปแล้วด้วย เลิกรากันเถอะค่ะ ปล่อยวางนะคะพี่วิน” ภคพรไม่อยากให้รัฐรวินทร์คิดแค้น เพราะเธอรู้ดีว่า ไม่ส่งผลดีกับหญิงสาวคนนั้นแน่นอน อีกทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นจะโทษฝ่ายนั้นคนเดียวก็ไม่ถูก “จะว่าไป เรื่องนี้โทษผู้หญิงคนนั้นฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก พี่วินก็รู้ดีนี่คะว่า อะไรเป็นอะไร” รัฐรวินทร์ตวัดสายตามองภคพรที่กล้าพูดความจริงอันแสนระคายหูต่อหน้าตน เขารู้เต็มอกว่า นิสัยของรัฐรวิศเป็นอย่างไร และเหตุการณ์เมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้น แต่ด้วยความรักน้อง ไม่อยากให้น้องเสียหน้า ถูกใครต่อใครมองว่าเป็นคนฉวยโอกาส เขาถึงออกโรงปกป้องรัฐรวิศ แล้วเป็นตัวเขาเองที่ถูกอีกฝ่ายลงโทษ
“พี่เข้าใจ พี่ไม่คิดทำอะไรหรอก” รัฐรวินทร์โกหกคำโต เขาน่ะหรือจะหยุดแค้นคนที่ทำร้ายเขาต่อหน้าคนอื่นหลายสิบคน แถมคลิปเหตุการณ์นั้นว่อนอินเตอร์เน็ต พร้อมกับเปลี่ยนเรื่อง “ขอบใจนะที่เตือนพี่ ว่าแต่วันนี้ไม่มีถ่ายละครเหรอถึงได้มาหาพี่แต่เช้า”
“ตาลมีถ่ายละครตอนบ่ายค่ะ มีหลายคิวด้วยกว่าจะเสร็จคงดึก”
“ให้พี่ไปรับไหมครับ กลับบ้านดึกๆ อันตราย เหนื่อยกับการถ่ายละครด้วย ขับรถเดี๋ยวหลับใน”
“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้คุณพ่อให้พี่กฤตย์ขับรถให้ตาลค่ะ”
กฤตย์คือลูกชายบังอร คนรับใช้ของบ้านภคพร ที่ทำงานกับครอบครัวเธอมามากกว่าสี่สิบปี ระยะหลังมานี้ภคพรมีงานชุกและบางวันก็กลับดึกดื่น ๆ ด้วยความเป็นห่วงบุตรสาวอันเป็นทีรัก ทัดเทพผู้เป็นบิดาจึงให้กฤตย์คอยดูแลภคพร คนในกองถ่ายหรือตามงานต่างๆ ก็เห็นกฤตย์ไปนั่งคอยยืนคอยภคพรจนชินตา
“คนที่สมควรไปรับไปส่งตาลน่าจะเป็นพี่มากกว่า พี่ขอโทษนะที่ไม่ค่อยดูแลตาลเรื่องนี้”
รัฐรวินทร์รู้สึกผิดเรื่องนี้ไม่น้อย เขาไม่ค่อยได้ทำหน้าที่คู่หมั้นเต็มที่เท่าไหร่นัก กิจการที่เขาดูแลอยู่กำลังขยายไปสู่ตลาดยุโรป จึงต้องเตรียมงานและวางแผนการตลาดอย่างหนัก เขาจึงไม่ได้ไปรับหรือส่งเธอไปถ่ายละครหรือทำงานตามสถานที่ต่างๆ ที่นัดหมายไว้กับเจ้าของงาน รัฐรวินทร์ใช้การโทรศัพท์คุยกับเธอมากกว่า
“ตาลไม่ยึดติดเรื่องนี้ค่ะ ตาลรู้ค่ะว่าตอนนี้พี่วินงานยุ่งมาก อีกอย่างงานของตาลก็เลิกไม่เป็นเวลาด้วย เวลาตาลเลิกดึกตีสองตีสามก็เป็นเวลาที่พี่วินนอน ตาลคงไม่รบกวนพี่วินมารับตาลหรอกค่ะ ตาลเข้าใจเรื่องของเราดีค่ะ พี่วินไม่ต้องคิดมากนะคะ”
ภคพรเป็นผู้หญิงสวย นิสัยดี จิตใจอ่อนโยน ไม่ถือตัวและไม่เรื่องมาก กินอยู่ง่าย เธอจึงเป็นที่รักของคนในกองถ่ายและงานอีเว้นท์ต่างๆ รวมถึงแฟนคลับอีกจำนวนมาก งานทางด้านการบันเทิงจึงมีต่อเนื่อง
“ครับ ขอบคุณมากครับที่เข้าใจพี่” รัฐรวินทร์ยิ้มให้คู่หมั้น
“ตาลขอตัวก่อนนะคะพี่วิน ตาลต้องรีบไปกองค่ะ กลัวรถติด”
“ครับ พี่เดินไปส่งที่ประตูนะครับ”
รัฐรวินทร์ทำหน้าที่คู่หมั้นที่ดี เดินไปส่งภคพรหน้าประตูห้องทำงาน ก่อนจะกลับมานั่งบนเก้าอี้ทำงาน นั่งคิดวิธีจัดการกับเกวลิน หญิงสาวที่ฝากความแค้นไว้ให้กับตน
ภคพรทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากเรื่องระเบียบวินัยที่มาเป็นอันดับหนึ่ง เธอจะมาก่อนเวลานัดหมายเพื่อเตรียมตัวถ่ายละคร และซ้อมคิวก่อนถ่ายจริง เรื่องการแสดงก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน เข้าถึงบทบาทในบนนั้นๆ สมกับเป็นมืออาชีพ รวมถึงนิสัยใจคอที่ดีมากคนหนึ่ง เธอจึงเป็นที่รักของคนในกองถ่าย รวมถึงผู้จัดละครหลายคนที่จองคิวเธอไว้ล่วงหน้าเป็นปี ภคพรจึงมีงานต่อเนื่องถึงปีหน้า ยังไม่รวมงานอีเว้นท์ต่างๆ งานโฆษณาที่มีต่อเนื่องอีกหลายหลานสินค้า
เมื่อมีนางเอกนิสัยดีก็ต้องมีนางร้ายจอมเหวี่ยงนิสัยแย่ ขึ้นชื่อเรื่องความเรื่องมากชนิดสุดโต่ง เอาแต่ใจสุดๆ ตัวแม่ นั่นนี่ก็ไม่เอา ไอ้โน่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่ได้ เป็นที่ระอาของคนในกองถ่ายและผู้จัด ทว่าก็ต้องยอมเนื่องจากเธอเป็นนางร้ายอันดับหนึ่ง ที่เล่นเรื่องไหนสร้างสีสันให้กับละครเรื่องนั้น จนดังพลุแตก แต่ไม่น่าเชื่อว่า นางเอกและนางร้ายมือหนึ่งของประเทศไทยจะเป็นเพื่อนซี้กัน ทั้งที่นิสัยต่างกันคนละขั้ว
“ทำไมแต่งหน้าอย่างกับงิ้วอย่างนี้เนี่ย” หมิวหรือสิณีนารถโวยช่างแต่งหน้า
“ก็แต่งปกตินี่คะ งิ้วตรงไหนคะน้องหมิว” ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองพยายามทำใจให้เย็น ไม่ตอบโต้กลับ เพราะเกรงว่าจะตกงาน
“ก็คิ้วนี่ไง ไม่เห็นเหรอ โก่งอย่างกับงิ้ว” สิณีนารถชี้ไปที่คิ้วขณะมองกระจก “ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่า ไม่ต้องแตะต้องคิ้วของฉัน แต่เธอก็ยังแตะมัน”
“พี่เติมนิดเดียวเองนะคะ ไม่ได้ทำให้มันเป็นงิ้วสักหน่อย” ช่างแต่งหน้าเอ่ยเสียงเบา
“อ๋อ พูดอย่างนี้หาว่าฉันวาดคิ้วตัวเองให้เหมือนงิ้วใช่ไหม”
เมื่อได้ยินคำพูดไม่เข้าหู สิณีนารถก็เหวี่ยงอีกรอบ แล้วด้วยน้ำเสียงแว๊ดๆ เหมือนตลาดแตกก็ทำให้คนอื่นที่อยู่ในห้องได้ยิน หนึ่งในนั้นคือภคพรที่ลุกเดินมาหาเพื่อนสนิท
“ใจเย็นๆ นะหมิว ไหนให้ฉันดูสิว่า มันเหมือนงิ้วยังไง” ภคพรส่งสัญญาณมือให้ช่างแต่งหน้าลุกเดินออกไปจากห้อง ก่อนที่เธอจะมานั่งแทนที่คนที่เพิ่งลุกไป นางเอกสาวมองดูคิ้วของนางร้ายที่บอกว่าโก่งเหมือนงิ้ว ซึ่งดูแล้วก็ไม่เห็นมีความผิดปกติใดๆ “ก็ไม่เห็นจะเหมือนงิ้วเลยนี่ สวยจะตายไป”
“สวยตรงไหน เห็นอยู่ว่ามันโก่งเหมือนงิ้ว”
“จ้าๆ โก่งก็โก่ง เดี๋ยวฉันดูให้นะ” ภคพรใช้ความใจเย็นเข้าลูบ หยิบอุปกรณ์แต่งคิ้วขึ้นมาทำทีเป็นวาดไปตามคิ้วของสิณีนารถ “อ่ะ สวยแล้ว ดูสิพอใจไหม”
สิณีนารถมองดูใบหน้าของตัวเองในกระจกแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ
“อืม ดีขึ้นเยอะเลย” ภคพรยิ้มกับความเอาแต่ใจของเพื่อนที่นับวันจะทวีขึ้นเรื่อยๆ
“หงุดหงิดอะไรถึงต้องไปเหวี่ยงช่างแต่งหน้า” ภคพรรู้ว่า เพื่อนรักกำลังอารมณ์ไม่ดี ต้องหาที่ระบาย แล้วหวยก็มาออกที่ช่างแต่งหน้า
“รู้ดี” พูดพร้อมกับเชิดหน้าใส่
“แล้วมันจริงไหมล่ะ”
“อืม จริง”
“ตกลงหงุดหงิดเรื่องอะไร”
“ก็พี่ต่ายน่ะสิ ดันไปรับงานโฆษณาตัวนึงไว้ ต้องบินไปถ่ายที่มิลาน” สิณีนารถบอกเรื่องที่ทำให้อารมณ์เสีย
“แล้วไม่ดีหรือไง ได้ไปเที่ยวเมืองนอกด้วย ไปทำงานด้วย แถมเงินก็ได้อีก”
“มันก็ดีอยู่หรอก ถ้าเผื่อฉันไม่รับอีกงานนึงไว้ มันก็เลยชนกัน พอรู้ว่าชนกันฉันก็ไม่ยอมไปทำงานที่อิตาลี พี่ต่ายเลยวีนใส่ฉัน มีเหรอที่ฉันจะไม่วีนกลับ พอฉันวีนเข้าหน่อยมานอยด์ใส่ บอกว่าฉันต้องเป็นคนจ่ายค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะเจ้าของโฆษณาตัวนั้นเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว เขาเลยจะให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหนึ่งล้านบาท ฉันคงยอมหรอก ฉันไม่ผิดนะ เพราะทุกทีก่อนที่พี่ต่ายจะรับงาน นางต้องมาถามฉันก่อน แต่นี่ไม่ถามเลย ตอบตกลงไปทันที ใครตกลงก็จ่ายเองสิ”
สิณีนารถบอกเรื่องที่ทำให้เธอหงุดหงิด จะไม่ให้เธออารมณ์เสียได้อย่างไร เพราะอยู่ๆ ต้องจ่ายเงินเป็นล้าน ทั้งที่เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของตนสักนิดเดียว
“พี่ต่ายหวังดี อยากให้หมิวมีงานเยอะๆ ไง คิดดูสิว่าตอนนี้มีดาราใหม่ๆ มาเยอะ แย่งงานกันจะตายไป พี่ตาลเห็นว่า งานลอยมาตรงหน้าเลยรีบรับไว้” ภคพรพยายามปลอบใจเพื่อน
“หวังดีกับตัวเองด้วยล่ะสิไม่ว่า สามสิบเปอร์เซ็นต์เลยนะที่พี่ต่ายจะได้” สิณีนารถหมายถึงส่วนแบ่งของรายได้ในแต่ละงานของตนจะถูกแบ่งให้นงเยาว์ ผู้จัดการส่วนตัว “ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะกับส่วนแบ่งที่ให้พี่ต่าย เพราะถือว่าช่วยๆ กัน อีกอย่างพี่ต่ายก็เป็นคนดึงฉันมายืนถึงจุดนี้ ฉันก็ไม่ได้คิดเนรคุณ แค่เคืองๆ พี่ต่ายหน่อยๆ ที่รับงานโดยไม่ได้ถามฉันก่อนก็แค่นั้น”
“ถ้าเผื่อมันต้องจ่ายค่าเสียหายจริงๆ ก็พบกันคนละครึ่งทางสิ แกครึ่งหนึ่ง พี่ต่ายครึ่งหนึ่ง ร่วมกันรับผิดชอบจะได้ไม่ต้องผิดใจกัน ฉันเชื่อว่าพี่ต่ายคงระวังเรื่องรับงานมากขึ้น ไม่รับโดยไม่ถามแกก่อน แต่ก่อนจะถึงขั้นนั้น แกกับพี่ต่ายก็เข้าไปหาเจ้าของโฆษณา ไปขอโทษเขา บอกว่าการสื่อสารของแกกับพี่ต่ายคลาดเคลื่อน รับงานซ้อน เข้าไปคุยกับเขาก่อนนะ” ภคพรหาทางออกให้เพื่อน “แล้วเวลาแกไปพูดคุยกับเขาก็อย่างวีนใส่ ทำใจนิ่งๆ เข้าไว้เพื่อประโยชน์ของแกเอง”
“อืมๆ ฉันจะทำตามที่แกแนะนำ” ทุกครั้งที่สิณีนารถมีปัญหา เธอจะมาปรึกษาภคพร ที่หาทางออกให้ตัวเองได้เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน “ว่าแต่วันนี้พี่กฤตย์มากับแกหรือเปล่า รถฉันมันเป็นไรไม่รู้ ขับแล้วกระตุก ฉันว่าจะให้พี่กฤตย์ดูรถให้หน่อย”
“มาจ้ะ เดี๋ยวฉันบอกพี่กฤตย์ให้นะ”
“พี่กฤตย์น่ารักดีเนอะ แกนี่โชคดีจัง มีสารถีรูปงาม แถมนิสัยดีคอยไปรับไปส่งตลอดเลย ไม่เหมือนฉันที่ต้องขับรถเอง ดูแลตัวเอง ฉันอยากมีผู้ชายอบอุ่นอย่างพี่กฤตย์อยู่ข้างๆ จัง” ภคพรยิ้มกับคำพูดของนางร้ายเบอร์หนึ่ง
“อยากได้ไหมล่ะ ฉันยกให้”
“ไม่เอาหรอก ฉันกลัวแกร้องไห้เป็นเผ่าเต่า ฉันหาเองดีกว่า”
สิณีนารถปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม ขณะที่สองสาวกำลังพูดคุยกันอยู่ใน นกคนในกองถ่ายได้เดินเข้ามาในห้องแต่งตัว เดินมาหานางเอกและนางร้าย
“น้องตาล น้องหมิวคะ จวนถึงคิวแล้วค่ะ”
“ค่ะ เดี๋ยวตาลกับหมิวออกไปค่ะ” ภคพรบอกนก “พี่นกคะ ตาลวานพี่นกเอากุญแจรถของหมิวไปให้พี่กฤตย์ทีนะคะ”
ภคพรแบมือตรงหน้าสิณีนารถที่รู้ว่า ตัวเองต้องล้วงหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋าสะพาย ก่อนจะวางลงบนกลางฝ่ามือของเพื่อนรัก
“ได้ค่ะน้องตาล” นกรับคำขณะรับกุญแจจากภคพร “จะให้พี่บอกพี่กฤตย์ยังไงคะ”
“ไม่ต้องบอกค่ะ เดี๋ยวหมิวโทรบอกพี่กฤตย์เอง”
นกพยักหน้ารับรู้ เดินออกจากห้องแต่งตัว ภคพรลุกเดินไปยังกระเป๋าถือของตน หยิบมือถือออกมากดส่งข้อความถึงกฤตย์ และเมื่อได้คำตอบรับกลับมา เธอจึงวางมันลงที่เดิม และออกไปทำหน้าที่นักแสดงพร้อมกับเพื่อนรักที่นิสัยต่างกันประหนึ่งฟ้ากับเหว