บทที่ 3 ปมแห่งความพยาบาท 3
“พี่หลินไม่น่าทำอย่างนี้เลย ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้” ศุภวรรณสะบัดแขนเต็มแรงเพื่อให้หลุดพ้นมือของพี่สาว และเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“เรื่องเล็กที่ไหนถึงขั้นลวนลามเลยนะ แล้วถ้าเราไม่ลุกขึ้นมาปกป้องตัวเอง ครั้งหน้าเขาไม่จับอย่างอื่นเหรอ พวกเขาถือว่าตัวเองรวยจะทำยังไงกับเราก็ได้ ถ้าเรานิ่ง เขาก็ได้ใจทำอย่างนี้อีก”
“แต่เขาก็บอกว่า มือกระตุก ไม่ได้ตั้งใจ พี่หลินก็น่าจะปล่อยเลยไป ไม่น่าไปตบพี่ชายเขาเลย พอด่วนใจร้อนทำแบบนั้นก็ต้องมาตกงาน พี่สมคงให้ทำงานต่อหรอกเล่นไปสาดน้ำกับตบหน้าลูกค้าแบบนั้น ที่สำคัญพรุ่งนี้เงินเดือนออก เท่ากับว่าซวยสองเด้ง ทั้งตกงานทั้งอดได้เงินเดือน”
คนพูดไม่พอในการกระทำของเกวลินมาก เพราะเกรงว่ารัฐรวิศจะไม่พอใจตน แล้วถ้าหากเธอโทรศัพท์ไปหาเขาตามที่นัดกันไว้ เผื่ออีกฝ่ายไม่รับเนื่องจากเคืองเหตุการณ์วันนี้ ก็เท่ากับว่า เธอเสียลูกค้ากระเป๋าหนักไป ทว่าเธอก็ไม่สามารถเปิดเผยความไม่พอใจหรือพูดให้เจ็บแสบกว่านี้ เกรงว่าเกวลินจะระแคะระคายเรื่องอาชีพพิศษของตน
“เรื่องตกงานพี่ยอมรับได้ แล้วพี่ก็ไม่เสียใจด้วยที่ไม่ได้ทำงานที่นี่ ส่วนเรื่องเงินเดือนพี่มั่นใจว่าพี่ต้องได้ เพราะมันเป็นสิทธิ์ที่พี่จะต้องได้ มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้”
“กว่าจะได้งานใหม่ กว่าจะได้เงินเดือนแบบเต็มเดือนมันก็ต้องใช้เวลา ระหว่างนี้พี่จะหาเงินที่ไหนมาเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน พี่อย่าลืมสิว่าเดือนหน้าพี่จะต้องจ่ายเงินค่าดอกเบี้ยสองหมื่นที่พ่อไปกู้มา พี่จะมีให้เขาเหรอ ค่าเทอมหวานอีกล่ะ ของต้อมด้วย พี่จะไหวเหรอ”
พอน้องสาวพูดถึงข้อนี้ ความกลัดกลุ้มก็เกิดขึ้นในใจเกวลินทันที การที่เธออาจไม่ได้ทำงานที่ห้องอาหารบ้านชบา อาจส่งผลกระทบถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ในความรับผิดชอบของเกวลิน ซึ่งเธอก็ยอมรับผลที่ตามมา และพร้อมแก้ปัญหาอย่างมีสติ
“เรื่องนั้นพี่จัดการเอง” เกวลินคิดเสมอว่า ทุกปัญหามีทางออกเสมอ
“ถ้าพี่ไหวก็ตามใจพี่หลินล่ะกัน หวานไปล่ะ”
“หวานจะไปไหน ไม่กลับบ้านพร้อมพี่เหรอ”
“ไม่ล่ะ วันนี้หวานจะค้างที่คอนโดตา พรุ่งนี้มีสอบตอนบ่าย คืนนี้เลยนัดเพื่อนไปติวกัน”
“ดูแลตัวเองด้วยนะ พี่เป็นห่วง”
ระยะหลังมานี้ศุภวรรณไปนอนค้างบ้านเพื่อนบ่อยๆ ให้เหตุผลเกี่ยวกับเรื่องเรียนทั้งสิ้น ติวหนังสือบ้าง ทำรายงานบ้าง โปรเจคส่งอาจารย์บ้าง ซึ่งเหตุผลของศุภวรรณเป็นเรื่องที่ทางบ้านค้านไม่ได้
“อืม พี่ดูแลตัวเองด้วยก็แล้วกัน พี่หลินยืนรอตรงนี้นะ เดี๋ยวหวานเข้าไปเอากระเป๋าให้เอง”
ศุภวรรณเดินกลับเข้าไปในร้านทางด้านหลังร้าน เพื่อหยิบกระเป๋าสะพายในล็อกเกอร์ที่ทางร้านจัดไว้ให้พนักงานที่มีเสื้อผ้าชุดหนึ่งใส่อยู่ในนั้น แน่นอนว่าเธอต้องตกเป็นเป้าสายตาของพนักงานในร้าน และคงหนีไม่พ้นคำติฉินนินทาที่มีหรือคนอย่างศุภวรรณจะแคร์
สองพี่น้องแยกทางกันตรงป้ายรถประจำทาง เกวลินขึ้นรถเมล์สายประจำที่ผ่านหน้าปากซอยบ้าน ส่วนศุภวรรณรอให้พี่สาวนั่งรถและรถเคลื่อนออกไปสักหนึ่งนาทีเพราะไม่ต้องการให้เกวลินรู้ว่า เธอไปบ้านเพื่อนด้วยรถแท็กซี่ ศุภวรรณจะทำตัวหรูหรา ใช้เงินเก่งต่อหน้าครอบครัวไม่ได้ เพราะเกรงว่าจะถูกถามถึงที่มาของเงิน เธอกลัวว่าความลับแตก และกลัวว่าจะต้องนำเงินจากรายได้พิเศษที่ตนหามาจุนเจือครอบครัว เนื่องจากหน้าที่นั้นเป็นหน้าที่ของเกวลิน แล้วเธอจะใส่ใจไปทำไม สู้หาความสุขใส่ตัวดีกว่า
ระหว่างที่ศุภวรรณกำลังนั่งรถแท็กซี่ไปบ้านวิมล เธอได้โทรศัพท์หารัฐรวิศตามที่ได้นัดหมายไว้ การสนทนาของทั้งคู่สิ้นสุดลงในอีกหนึ่งนาทีต่อมา ศุภวรรณยิ้มกับโทรศัพท์ จ้องมองดูข้อความที่เด้งขึ้นมา เธอรีบกดอ่าน แล้วนำไอดีไลน์ที่รัฐรวิศส่งมาให้ แอดเขาเป็นเพื่อน และเริ่มคุยกันทางแอพพลิเคชั่นนั้น
ศุภวรรณก้าวลงจากรถแท็กซี่ เมื่อคนขับรถพาเธอมาส่งถึงจุดหมาย คอนโดเอสสิเด้นท์ สีลม คอนโดหรูของเหล่าคนมีเงิน ที่พูดเช่นนี้เป็นเพราะ คอนโดแห่งนี้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่สิบล้านบาท สูงสุดอยู่ที่ยี่สิบสองล้านบาท เกือบครึ่งถูกซื้อเพื่อธุรกิจ ปล่อยให้คนต่างชาติหลากเชื้อชาติเช่าแบบรายเดือน แต่ก็มีบางกลุ่มเป็นเสี่ยกระเป๋าหนัก เช่าให้เด็กในสังกัดอยู่อาศัย ยามว่างก็จะมาหาความสุข พอเบื่อก็ให้ย้ายออกแล้วพาหญิงสาวคนใหม่เข้ามาแทน คอนโดแห่งนี้คือสถานที่นัดหมายระหว่างเธอกับรัฐรวิศ ซึ่งบังเอิญเหลือเกินว่า จริยาหรือเนม เพื่อนสนิทในกลุ่มพักอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย ศุภวรรณจึงไปหาจริยาที่ห้องก่อน เพราะยังไม่ถึงเวลานัดหมาย
“เสี่ยอยู่เปล่า” ศุภวรรณถามเพื่อน เมื่อก้าวเข้ามาในห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราสมราคา
“ไม่อยู่หรอก วันนี้เสี่ยไม่มา ไปเมืองจีนกับเมีย” จริยาตอบ “ลูกค้าแกพักอยู่คอนโดนี้เหรอ”
“อืม คุณวิศบอกว่าอยู่ชั้นยี่สิบห้า ห้อง 2501 เขานัดฉันตอนห้าทุ่ม นี่เพิ่งสี่ทุ่ม ฉันเลยแวะมาหาแกก่อน ใกล้เวลาค่อยไป”
“วันนี้แกได้ลูกค้าดีนี่ ท่าทางจะรวยน่าดู”
“เท่าที่เห็นที่ร้านอาหาร เขาก็ไม่เลวนะ ดูมีเงินมากด้วย”
“แล้วแกคิดยังไงไปทำงานที่ร้านอาหาร ฉันว่าถามหลายครั้งแล้ว ทั้งที่แกทำงานแบบนี้ได้เงินเยอะกว่าตั้งหลายเท่า ไม่เหนื่อยด้วย” จริยาถามอย่างสงสัย
“ก็เพราะที่นั่นคนรวยๆ ไปกินอาหารเยอะไง ฉันก็กะว่าจะหาลูกค้าได้จากที่นั่น ซึ่งก็หาได้จริงๆ ไม่แน่นะว่า ถ้าเผื่อเขาติดใจฉันขึ้นมา ฉันอาจได้อยู่ที่นี่เลยก็ได้ แล้วฉันก็อยากให้เป็นอย่างนั้น ฉันเบื่อบ้านเก่าๆ ในสลัมเต็มทน”
ฐานะครอบครัวศุภวรรณไม่ดีนัก มีเพียงรายได้ของเกวลินที่เป็นกำลังหลักและเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในบ้านแทบทั้งหมด โดยมีชรัณที่เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยคอยช่วยเหลือจ่ายค่าน้ำค่าไฟ และออกค่าเล่าเรียนเอง
ส่วนตัวศุภวรรณทางบ้านไม่รู้ว่า ชายบริการทางเพศเป็นอาชีพเสริม ส่วนเงินที่ได้มาจากการขายร่างกาย ศุภวรรณไม่เคยนำมาให้ครอบครัวหรือคิดจะช่วยเหลือพี่สาว เธอเก็บไว้ใช้และซื้อข้าวของที่อยากได้ จะพูดได้ว่า เห็นแก่ตัวก็ว่าได้ อีกสองคนที่อยู่ร่วมบ้านด้วยคือ ธงชัยกับชะลอ บิดามารดา ธงชัยเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในโรงงานแห่งหนึ่ง ที่ไม่รู้ว่าจะทำได้อีกนานแค่ไหน เนื่องจากอายุมากแล้วและยังมีโรคประจำตัวอีกด้วย
บ้านที่อยู่แม้ว่าจะเป็นบ้านที่มาจากน้ำพักน้ำแรงบิดามารดา แต่มันก็ค่อนข้างเก่า อยู่ในชุมชนแห่งหนึ่งที่เวลาเดินเข้าไปในซอยบ้านก็จะได้กินน้ำคลำเหม็นเน่า ศุภวรรณจำยอมอยู่ที่นั่นอย่างไม่มีทางเลือก แต่ก็หาเหตุผลเรื่องเรียนไปนอนค้างคอนโดวิมลบ่อยๆ เธอคิดไว้นานแล้วว่า จะต้องออกไปจากสถานที่ไม่น่าอยู่นั้นให้ได้
“แกก็ต้องทำให้เต็มที่ อย่างฉันไง” จริยาไม่ใช่คนสวยแบบเหลียวหลังมอง ที่เธอสามารถมัดใจผู้ชายที่เลี้ยงดูเธอได้นั้นเป็นเพราะลีลาสวาทล้วนๆ
“อืม ฉันจะพยายามให้เต็มที่เลย ฉันอยากมีคนเลี้ยงแบบแกบ้าง”
“แกเลือกมากเองนี่นา มีผู้ชายหลายคนจะเลี้ยงแก แกก็ไม่เอา”
“โอ๊ย...ก็แต่ละคนที่จะเลี้ยงฉัน สนองความต้องการฉันไม่ได้น่ะสิ แกไม่เห็นเหรอว่า มันรวยกันจริงซะที่ไหน ฉันอยากได้แบบแกไง รวยจริงอะไรจริง ฉันจะได้สบายจริงๆ” พูดง่ายๆ คือศุภวรรณอยากได้เสี่ยเลี้ยงหรือคนเลี้ยงที่มีฐานะมากพอจะนำเงินมาปรนเปรอเธอ เพราะผู้ชายหลายคนที่อยากเลี้ยงดูเธอ ล้วนแล้วแต่ฐานะไม่น่าจะเลี้ยงดูเธอได้ เธอจึงปฏิเสธ “ฉันขอยืมชุดแกหน่อยสิ ชุดที่ฉันใส่อยู่ ฉันว่าไม่ยังดูไม่ดี”
“ได้สิ อยู่ในตู้เสื้อผ้า แกอยากได้ชุดไหนก็หยิบไป”
“ขอบใจนะ” ศุภวรรณรีบลุกเดินไปเลือกเสื้อผ้าของจริยา ดีที่ว่าหุ่นเธอกับหุ่นจริยาใกล้เคียงกัน จึงยืมเสื้อผ้าใส่กันได้ และที่สำคัญเสื้อผ้าของจริยาส่วนใหญ่เป็นยี่ห้อแบรนด์ดัง เนื่องจากคนที่เลี้ยงดูจริยาปรนเปรอทุกเรื่องที่จริยาอยากได้ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าจึงติดแบรนด์ทั้งสิ้น
เมื่อได้ชุดถูกใจ ศุภวรรณก็รีบเปลี่ยนชุด จากนั้นได้เดินออกมานั่งคุยกับเพื่อนอีกครู่หนึ่งให้ใกล้เวลานัดหมาย แล้วจึงออกจากห้องเพื่อนไปยังอีกห้องหนึ่งที่อยู่ขึ้นไปอีกสิบชั้น
.....................
ณ ห้อง 2501
ศุภวรรณกดกริ่งข้างประตูเมื่อมาหยุดยืนหน้าห้องพักของรัฐรวิศ เธอยืนรอไม่กี่อึดใจบานประตูก็เปิดออก ศุภวรรณยิ้มให้ลูกค้าสุดหล่อที่วาดหวังไว้ว่า จะเลี้ยงดูตน
“สวัสดีค่ะคุณวิศ”
“เข้ามาสิ” ศุภวรรณยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพักที่มีความใหญ่และหรูกว่าห้องพักจริยาเสียอีก อาจเป็นเพราะห้องชุดห้องนี้ใหญ่กว่า เท่าที่เธอดูมีห้องนอนสองห้อง มีสระว่ายน้ำส่วนตัวตรงระเบียงห้องด้วย บอกให้รู้ว่า เจ้าของห้องมีฐานะระดับไหน
“ห้องคุณสวยจังนะคะ หรูด้วย”
“ยี่สิบสองล้านไม่หรูได้ไง” ศุภวรรณตาโตเมื่อได้ยินราคาห้อง ตามมาด้วยความสงสัยว่า จำนวนยี่สิบสองล้าน เธอสามารถซื้อบ้านเดี่ยวราคาสิบล้านที่อยากได้ๆ สบายๆ แถมยังมีเงินซื้อรถและซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่อยากได้แบบสบายมืออีกด้วย แต่อย่างว่า คนรวยมีเงินเยอะ ซื้อคอนโดหรูเอาไว้เสพสุขก็ไม่ระคายเคืองกระเป๋า “วันนี้พี่สาวเธอฤทธิ์เยอะมากเลยนะ กล้าตบพี่ชายฉัน”
ศุภวรรณยิ้มบาง เดินเข้าไปหารัฐรวิศ ยกมือไหว้ตรงอกเขา
“หวานขอโทษแทนพี่หลินค่ะ พี่หลินเป็นคนอารมณ์ร้อน ไม่มีเหตุผล นึกอยากทำอะไรก็ทำ ไม่เคยคิดก่อนว่า สิ่งที่ตัวเองทำมันจะผิดหรือถูก หวานเตือนพี่หลินบ่อยๆ แต่พี่หลินไม่ฟังเลยค่ะ” ศุภวรรณใส่ไคล้พี่สาว
“พี่วินโกรธมากเลยนะ เชื่อสิว่าเรื่องมันไม่จบง่ายๆ พี่สาวเธอเตรียมตัวเน่าได้เลย”
รัฐรวิศกล่าวอย่างรู้นิสัยพี่ชาย ศุภวรรณไม่ได้นึกห่วงเกวลินสักนิด เพราะคนที่กำลังโดนรัฐรวินทร์เอาคืนไม่ใช่เธอ แล้วจะเดือดร้อนไปเพื่ออะไร และไม่คิดจะเตือนเกวลินด้วย
“เรามาคุยเรื่องของเราดีกว่าค่ะ เรื่องพี่ชายคุณก็ให้เขาจัดการกันไป” ศุภวรรณตัดบท
“เท่าไหร่” รัฐรวิศเหมือนรู้ว่า เธออยากคุยเรื่องอะไร
“สามพันห้าค่ะ”
“ราคานี้ทำอะไรบ้าง”
“ยกเว้นออรัลเซ็กซ์ค่ะ ถ้าคุณอยากให้ฉันทำต้องจ่ายเพิ่มอีกพันห้า” ศุภวรรณบอกราคา
“ฉันเพิ่มให้เป็นหนึ่งหมื่น ถ้าทำให้ฉันพอใจ” รัฐรวิศบอก “ฉันชอบนอนกับผู้หญิงตัวสะอาด ตัวหอมๆ เธอต้องอาบน้ำก่อน”
“ค่ะ ไม่มีปัญหาค่ะ ว่าแต่จะให้หวานอาบน้ำห้องไหนคะ”
“ห้องนี้” เขาชี้ไปยังห้องที่อยู่ใกล้ที่สุด “เราจะนอนกันที่ห้องนี้”
“แล้วห้องนี้ใครอยู่คะ”
“ห้องนั้นเป็นห้องส่วนตัวของฉัน ฉันเอาไว้นอนพักผ่อน ไม่ได้มีไว้หาความสุข” รัฐรวิศแยกห้องนอนกับห้องหาความสุขเป็นสัดส่วน ไม่ปะปนกัน ศุภวรรณยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนั้น อาบน้ำล้างตัวให้สะอาดสะอ้านตามความต้องการของผู้ซื้อ แล้วออกมาทำหน้าที่ของตัวเองทันทีที่ออกจากห้องน้ำ
ตอนที่อยู่ในร้านอาหารบ้านชบา เพียงแค่มองตาศุภวรรณเพียงแวบเดียว เขาก็รู้แล้วว่า เธอเป็นผู้หญิงที่ซื้อได้ด้วยเงิน เขาจึงหาข้ออ้างให้เธอพาไปห้องน้ำทั้งที่ก็รู้ว่าห้องน้ำไปทางไหน เพื่อให้นามบัตรและนัดหมายให้ศุภวรรณโทรหา แล้วเมื่อเธอโทรมา เขาจึงบอกให้เธอมาที่นี่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร้านอาหารบ้านชบา กำลังเป็นจุดเริ่มต้นของเพลิงพยาบาท ความพยาบาทที่รัฐรวิศเองก็คาดไม่ถึงว่า การที่เขาไม่เอ่ยขอโทษและรู้จักคำว่าสำนึกผิด จะทำร้ายคนหลายคนเป็นห่วงลูกโซ่ หากเขารู้อนาคตล่วงหน้า รัฐรวิศอาจแสดงความรับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง เพราะแค่พูดคำว่า ขอโทษ คำง่ายๆ ที่จะทำให้สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไป เรื่องแย่ๆ คงไม่เกิดขึ้น