บทที่ 2 ปมแห่งความพยาบาท 2
“โอ๊ย! ทำไมวันนี้ลูกค้าถึงแน่นอย่างนี้นะ เหนื่อยชะมัด”
กัญญาบ่นเสียงดัง เมื่อนำจานชามที่ลูกค้าทานเสร็จแล้วมาวางไว้บนโต๊ะตัวยาว พร้อมกับสะบัดแขนไล่ความเมื่อย
“ก็วันนี้วันเสาร์คนก็เยอะอย่างนี้ทุกครั้ง ไม่ชินหรือไง” สุนันทาคิดว่าเป็นเรื่องปกติ หากงานไม่หนักไม่เหนื่อยสิถึงว่าแปลก
“ฉันน่ะงานหนักเท่าไหร่ไม่ว่าหรอก แต่เหนื่อยกับคนนี่สิ เฮ้อ...” จะว่าไป เหนื่อยกับลูกค้าจอมเรื่องมากนี่หนักสุด “โต๊ะเจ็ดโคตรเรื่องมากเลย เอาช้อนส้อมชุดใหม่ที่ต้องแช่ในน้ำร้อนห้านาที ผ้ากันเปื้อนก็ต้องเอาผืนใหม่ เพราะผืนเก่าวางอยู่บนโต๊ะตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ฝุ่นวิ่งมาเกาะ จานแบ่งก็เหมือนกัน ขอชุดใหม่ที่ต้องผ่านความร้อนเหมือนกับช้อนส้อม อนามัยจัดอย่างนี้ฉันว่ากินที่บ้านดีกว่านะ”
“เอาน่าแก ทนๆ เอาหน่อย พอเขากินเสร็จก็กลับบ้านแล้ว”
สุนันทาปลอบใจเพื่อน
“ก็ทนอยู่นี่ไง ถ้าไม่ทนล่ะก็ ป่านนี้วีนแตกไปแล้ว” กัญญาเป็นคนใจร้อน แต่เธอต้องพยายามใจเย็นเพราะไม่อยากเปลี่ยนงาน
“ทำไมคะ พี่ญาจะวีนใครคะ” เกวลินที่นำแก้วน้ำใช้แล้วเข้ามาเก็บในครัวเอ่ยถาม
“ก็ลูกค้าไงหลิน ญากำลังปวดหัวกับลูกค้าจอมเรื่องมาก”
สุนันทาตอบแทน
“ลูกค้ามาจากร้อยพ่อพันแม่ค่ะพี่ญา เราเป็นคนบริการต้องทำใจค่ะ”
ไม่ใช่ว่าเกวลินไม่เคยเจอลูกค้าเรื่องมาก เธอเจอมาหลายรูปแบบ ถึงแม้ว่าไม่พอใจก็ต้องเก็บความรู้สึกไว้
“ก็ใช่ไง ถึงอดทนแล้วเข้ามาบ่นในนี้”
“นี่สาวๆ อย่ามัวแต่คุยกัน ไปทำงานเร็วเข้า วันนี้ลูกค้าเต็มร้านเลย” สมสมรที่เดินเข้ามาเห็นลูกน้องยืนจับกลุ่มคุยกัน เธอจึงกล่าวเตือนให้แยกย้ายไปทำหน้าที่ “หลิน พี่วานไปช่วยงานโซนนกทีนะ นกท้องเสียวิ่งไปถ่ายท้อง รอให้นกอาการดีขึ้นแล้วหลินค่อยกลับมาทำงานโซนเดิม”
“ได้ค่ะ” เกวลินรับคำ ก้าวเดินออกจากห้องครัวไปทำหน้าที่ของตัวเอง
บริเวณโซนบีพนักงานบริกรต่างทำงานอย่างแข็งขัน หนึ่งในนั้นคือศุภวรรณที่จะดูแลโต๊ะที่รัฐรวินทร์นั่งอยู่เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะนำอาหารมาเสิร์ฟ หรือแม้แต่เครื่องดื่ม คนที่นำมาเสิร์ฟให้คือศุภวรรณ และทุกครั้งที่มา เธอก็จะชม้ายชายตามองรัฐรวิศ ซึ่งคนถูกมองก็ยิ้มอ่อนส่งให้
อีกหน้าที่หนึ่งของบริกรคือ หมั่นเติมเครื่องดื่มให้ลูกค้า ซึ่งเวลานี้ศุภวรรณก็กำลังทำหน้าที่นั้นอยู่ เธอถือขวดไวน์รินใส่แก้วรัฐรวินทร์ ก่อนจะเดินมายืนข้างรัฐรวิศเพื่อรินไวน์ในแก้วที่เขาเพิ่มดื่มหมด ความเจ้าชู้ของรัฐรวิศที่มีมาก เขาปรายตามองบั้นท้ายศุภวรรณ เหมือนมีอะไรดลใจเขามิทราบได้ รัฐรวิศยกมือไปวางบนบั้นท้ายของศุภวรรณที่ไม่มีทีท่าโกรธเคือง มิหนำซ้ำยังยิ้มให้คนมือไว แต่คนที่มองเห็นจังหวะนั้นพอดี ทนนิ่งเฉยไม่ได้ เกวลินก้าวฉับๆ ไปเอาเรื่องรัฐรวิศทันทีที่เห็นว่า เขาแต๊ะอั๋งน้องสาว
“ทำไมคุณถึงหยาบคายอย่างนี้” เกวลินถามรัฐรวิศเสียงเขียว ดึงร่างน้องสาวให้ออกห่างคนลวนลาม และด้วยน้ำเสียงของเกวลินทำให้คนร่วมโต๊ะเดียวกับรัฐรวิศมองเธอเป็นตาเดียว รวมถึงโต๊ะข้างเคียงที่ให้ความสนใจ
“หยาบคายอะไร ยังไง” รัฐรวิศทำไขสือ
“คุณลวนลามน้องสาวฉัน ฉันเห็นกับตา” เกวลินตอบ มองคนถามอย่างไม่พอใจ ยิ่งเห็นท่าทางไม่สะทกสะท้านของเขาด้วยแล้ว ยิ่งโมโหหนัก เกวลินมีความอดทนเรื่องความเรื่องมากของลูกค้าได้ดีคนหนึ่ง เธอเก็บอารมณ์ไม่พอใจได้ดี แต่ถ้าคิดว่ากำลังจะทนไม่ไหว เกวลินจะเลือกเดินหนีไปสงบสติอารมณ์ จากนั้นค่อยกลับเข้ามาทำงาน ทว่ามีเรื่องเดียวที่เกวลินทนไม่ได้และไม่ขอทนคือ ลูกค้าชีกอ มือไว ชอบฉวยโอกาสกับผู้หญิง พอมาเห็นกับตาว่ารัฐรวิศทำอะไรกับน้องสาว อารมณ์เธอขึ้นทันที
“น้องสาวเธอยังไม่เดือดร้อน ไม่โวยวาย แล้วเธอจะมาดิ้นทำไม” คำพูดของคนกวนๆ ของชายกวนประสาทเรียกความไม่พอใจให้เกวลินมากขึ้น ส่วนศุภวรรณทำหน้าไปไม่ถูก มองเห็นสีหน้าเอาจริงของพี่สาวแล้วก็นึกกลัว จึงรีบดันตัวเกวลินให้ออกห่างโต๊ะ
“พี่หลินไม่มีอะไรหรอกพี่ ไปทำงานเถอะนะ”
“ไม่มีอะไรได้ไง พี่เห็นกับตา” เกวลินเถียง “แล้วที่เขาพูดเมื่อกี้ มันก็เหมือนกับว่า เขายอมรับว่าทำจริง อย่างนี้จะบอกว่าไม่มีอะไรได้ยังไง”
“เท่าไหร่ว่ามา” เกวลินและศุภวรรณหันไปมองต้นเสียงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับรัฐรวิศ “ค่าสึกหรอที่น้องชายฉันจับก้นน้องสาวเธอ ว่ามาว่าเท่าไหร่”
เจ้าของเสียงคือรัฐรวินทร์ ขณะที่เขาพูด นัยน์ตาสีนิลแสนเย็นชามองไปยังเกวลินที่มองกลับอย่างไม่เกรงกลัว เธอจะกลัวทำไม ในเมื่อตอนนี้ความไม่พอใจมันท่วมความรู้สึก สมสมรที่เห็นเหตุการณ์รีบเข้ามาถามความเป็นมาเป็นไป
“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรกันคะ” สมสมรถามขึ้นก่อนที่เกวลินจะวีนแตกใส่ และยังไม่มีใครได้ทันตอบ เสียงเกวลินก็ดังขึ้น
“ฉันไม่ต้องการเงินของคุณ เงินของคุณซื้ออะไรหลายอย่างได้ แต่ซื้อค่าความเป็นคนไม่ได้หรอกนะ สิ่งที่ฉันอยากได้คือคำขอโทษจากผู้ชายคนนี้มากว่า” เสียงเกวลินช่างถือดีเหลือเกิน หยิ่งจองหอง “คุณคนนี้ทำผิดกับน้องสาวฉัน แทนที่คุณจะบอกให้เขาขอโทษ แต่กลับเอาเงินฟาดหัวคนที่ถูกกระทำ พวกคุณไม่มีจิตสำนึกกันบ้างเลย”
รัฐรวินทร์หน้าตึง ตวัดสายตามองเกวลินที่กล้าต่อว่าเขาต่อหน้าคนอื่น ถึงแม้ว่าคำต่อว่าของเธอจะเป็นเรื่องจริง เขาน่าจะให้น้องชายตัวดีกล่าวคำขอโทษ แต่เขาไม่ทำ เขาเลือกที่จะเข้าข้างน้องชาย เหมือนเธอที่ปกป้องน้องสาว
“เอ่อ...ดิฉันขอโทษแทนลูกน้องด้วยนะคะ เดี๋ยวขอดิฉันเคลียร์กับลูกน้องก่อนนะคะ” สมสมรพอจะรู้เรื่องบ้างแล้ว เธอรีบกล่าวขอโทษรัฐรวินทร์
“พี่สมจะไปขอโทษเขาทำไม พี่สมต้องให้เขาบอกน้องชายให้มาขอโทษหวานมากกว่านะพี่” เกวลินรีบหันมาพูดใส่สมสมรที่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก เป็นเพราะเธอเพิ่งเคยเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้เป็นครั้งแรก แต่เธอคิดเสมอว่า ลูกค้าคือพระเจ้า ฉะนั้นเธอก็ต้องเห็นรัฐรวินทร์มีความสำคัญเหนือกว่าลูกน้อง
“เอ่อพี่ว่าหลินใจเย็นๆ ก่อนนะ...” สมสมรยังไม่ทันพูดจบประโยค เสียงอันทรงอำนาจของรัฐรวินทร์ดังขัดขึ้นเสียก่อน
“คุณช่วยอบรมกิริยามารยาทและการใช้น้ำเสียงของลูกน้องคุณด้วยก็ดีนะ ทำกิริยาต่ำๆ อย่างนี้บ่อยๆ ร้านจะเจ๊งเอาได้” รัฐรวินทร์เชือดเฉือนด้วยคำพูด และแววตาแข็งกร้าวที่มองไปยังเกวลิน
“คนอย่างฉันแสดงกิริยาต่ำๆ ก็คงไม่แปลก เพราะฉันเป็นคนต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่คุณสิคะ สูงส่งทั้งฐานะและการศึกษายังแสดงธาตุแท้จนหางโผล่ออกมา ฉันอยากจะบอกคุณว่า ก่อนที่คุณจะว่าใคร กรุณาก้มดูตัวเองก่อนนะคะว่า สูงหรือต่ำ เพราะฉันคิดว่า ตอนนี้จิตใจฉันสูงกว่าคุณ” รัฐรวิศ ภคพร สมสมรรวมถึงอีกหลายชีวิตที่ได้ยินคำพูดของเกวลิน ต่างมองคนพูดเป็นตาเดียว และอ้าปากค้างเป็นบางคน เพราะไม่คิดว่า เกวลินจะสาดคำพูดเจ็บแสบตอบกลับไป
“พี่วินคะ ใจเย็นๆ ก่อนค่ะ ค่อยๆ พูดกันนะคะ”
ภคพรรู้อารมณ์ของคู่หมั้นดีว่า ตอนนี้เหมือนมีพายุก่อตัวในความรู้สึก ดูได้จากแววตาและใบหน้าเรียบตึง รวมถึงกรามทั้งสองข้างที่นูนขึ้นมาจากแรงขบกัดกราม เธอจึงกล่าวเตือน แต่ดูเหมือนว่า คำห้ามของเธอช้าเกินไป
ปัง!...
ฝ่ามือใหญ่ของรัฐรวินทร์ตบลงบนโต๊ะเต็มแรง โต๊ะถึงกับสะเทือนส่งผลให้แก้วไวน์กระเด้งจนล้มลงหกเลอะโต๊ะ ก่อนที่เขาจะยืนเต็มความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตร
“เธอปากดีผิดคนแล้ว” เสียงเขาค่อนข้างเย็นเยียบ ดวงตาที่จับจ้องเกวลินเสมือนมีไฟกองเล็กกองน้อยสุมอยู่ และเมื่อหลายกองมารวมกัน มันก็เกิดเป็นพายุไฟได้ง่ายๆ “น้องสาวเธอยังไม่เห็นว่าอะไร สิ่งที่ฉันเห็นคือ น้องเธอยิ้มให้น้องชายของฉัน เป็นรอยยิ้มที่ฉันก็รู้ดีว่า เชิญชวนให้สัมผัสร่างกาย ในเมื่อน้องสาวเธอเต็มใจให้น้องชายฉันจับก้น เธอจะเดือดร้อนทำไม ฉันว่านะ เธอรีบออกจากตรงนี้ดีกว่า เพราะไม่งั้นเธอจะรู้ว่า ฉันทำอะไรได้มากกว่าตบโต๊ะ”
“น้องสาวฉันไม่มีวันเชิญชวนน้องชายคุณหรอก แล้วฉันก็ไม่ออกไปไหนด้วย เพราะฉันไม่ผิด คนที่ผิดคือน้องของคุณที่สมควรออกไปจากที่นี่มากที่สุด แต่ดูท่าว่า น้องชายคุณคงไม่ลุกไปไหน คนไม่สำนึกในความผิดของตัวเอง แถมยังนั่งอยู่ที่เดิมอย่างไม่สะทกสะท้านอะไร หน้าคงหนาน่าดูหรือไม่ก็ไร้จิตสำนึกของความเป็นมนุษย์ หรืออีกข้อคงไม่มีใครอบรมสั่งสอน นิสัยถึงได้เป็นอย่างนี้”
เกวลินกล่าวอย่างมั่นใจว่า ศุภวรรณไม่มีทางทำอย่างที่อีกฝ่ายพูด เธอจึงค้านออกไปและกล่าวตำหนิแบบตรงไม่อ้อมค้อม คนฟังอยู่ยิ่งของขึ้นหนักกว่าเดิม เพราะในคำพูดของเกวลินเหมือนกำลังก้าวล่วงบิดามารดาของเขา
“เธออย่าลามปามถึงพ่อถึงแม่ของฉันนะ” รัฐรวินทร์เสียงเข้มห้วน มองหน้าเกวลินด้วยประกายตาแข็งกร้าวสุดๆ “เธอไม่มีสิทธิ์พูดพาดพิงถึงท่าน”
“ฉันไม่เคยคิดก้าวล่วงพ่อแม่ของคุณ เพราะท่านทั้งสองไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วก็มีถมไปที่พ่อแม่อบรมสั่งสอนแต่ลูกไม่เอา ไม่ทำตาม ซึ่งฉันก็คงคิดว่าคุณกับน้องคุณอยู่ในข่ายนี้ ฉันไม่อยากมีเรื่องกับพวกคุณหรอกนะ ถึงมีไปฉันก็มีแต่แพ้กับแพ้ สิ่งที่ฉันต้องการคือคำขอโทษจากปากน้องชายคุณมากกว่า” เป็นคำพูดง่ายๆ ที่ออกมากจากปากของคนสำนึกในความผิด แต่คงไม่ใช่รัฐรวิศที่มองเห็นความผิดของตนเป็นความจำยอมของศุภวรรณ รัฐรวิศยักไหล่ก่อนลุกขึ้นยืน
“พี่วิน ผมไปก่อนนะ รำคาญ” รัฐรวิศเดินห่างโต๊ะไปทันทีที่พูดจบ ไม่สนใจว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อ
“คุณจะไปไหนไมได้ คุณต้องขอโทษน้องสาวฉันก่อน” เกวลินไม่ยอมแพ้ เดินมาดักหน้ารัฐรวิศ
“พี่หลิน คุณคนนี้ไม่ได้ทำอะไรหวานเลยพี่ พี่ตาฟาดไปเอง ไปเถอะพี่ เข้าไปในครัวกัน” ศุภวรรณกลัวเรื่องจะเลยเถิดมากกว่านี้ เธอจึงเข้ามาห้ามพี่สาว ออกแรงลากร่างเกวลิน ทว่าคนเป็นพี่ฝืนตัว เพราะอยากให้รัฐรวิศขอโทษ
“หลิน กลับเข้าไปในครัวเดี๋ยวนี้ เธอจะทำให้ร้านเดือดร้อนนะ ดูสิคนมองกันใหญ่แล้ว ไปเลย เข้าไปในครัว” สมสมรเห็นท่าไม่ดี เดินมาลากตัวเกวลิน
“หลินไม่ได้ทำผิดนะพี่สม คนที่ผิดคือคนนี้ต่างหาก หลินไม่เข้าใจว่าร้านจะเดือดร้อนอะไร เพราะคนที่ถูกกระทำคือพนักงานในร้าน คนที่พี่สมต้องปกป้องไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็เข้าข้างลูกค้าท่าเดียว ไม่มองดูเหตุผลบ้างเลย หลินรู้ว่า ลูกค้าคือพระเจ้า แต่หลินก็ไม่ได้เคารพพระเจ้าทุกองค์นะพี่ พี่สมต้องแยกแยะนะ” เกวลินสวดใส่สมสมรอีกคน ก่อนจะเงยหน้ามองรัฐรวิศ “ฉันไม่ขออะไรมากหรอกนะ ฉันขอแค่คำขอโทษจากคุณแค่นั้นเอง ถึงฉันกับน้องสาวฉันจะเป็นแค่เด็กเสิร์ฟ แต่ค่าความเป็นคนก็เท่ากับคุณ”
“ฉันไม่ผิด ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย มือฉันมันกระตุก...” รัฐรวิศยกมุมปากยิ้มข้างหนึ่ง “กระตุกไปโดนก้นน้องสาวเธอ”
“คุณนี่...” เกวลินโมโหหนัก กำลังจะอ้าปากต่อว่าชายหน้าตาดี แต่ใจทราม ทว่ามีเสียงหนึ่งเอ่ยทะลุกลางปล้อง
“เธอหูตึงหรือไง น้องชายฉันบอกว่ามือกระตุก คนมือกระตุกมันควบคุมไม่ได้ ฉะนั้นไม่ผิด ไม่ต้องขอโทษ”
รัฐรวินทร์เข้าข้างน้องชายสุดฤทธิ์ คนที่รักความยุติธรรมและไม่ต้องการให้ใครมาเหยียบย้ำศักดิ์ศรีถึงกับหน้าแดงก่ำ ในเมื่อเขามาไม้นี้ เธอก็จะใช้ไม้นี้ตอบกลับไปบ้าง เกวลินปล่อยให้รัฐรวิศเดินผ่านตัวเองไป เธอก้าวเท้าเดินไปหารัฐรวินทร์ จังหวะนั้นที่ไม่มีใครคาดคิดหรือเขาระวังตัว เกวลินหยิบแก้วไวน์แล้วสาดเครื่องดื่มในแก้วไปที่หน้าของรัฐรวินทร์ ตามด้วยฝ่ามือหนักๆ ฟาดลงแก้มของเขา
“ฉันก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษคุณ เพราะมือฉันลั่น คุณเคยฟังเพลงนี้ไหม มือฉันลั่นไปเอง”
กล่าวจบ เกวลินหันหลังกลับไปคว้าข้อมือน้องสาว ก่อนจะพากันเดินออกไปจากร้าน และรู้ตัวว่า ตนคงไม่ได้กลับมาทำงานที่นี่อีกแล้ว ซึ่งเธอก็ไม่แคร์ มีมือมีเท้ามีความขยัน รับรองไม่อดตาย
รัฐรวิศที่นึกอย่างไรมิทราบได้ เขาหันมามองด้านหลัง และเห็นเหตุการณ์นั้นพอดี เขาตกใจรีบเดินไปหาพี่ชายที่มองเกวลินตาเขียว ภายในแววตามีเพลิงโกรธาลุกโชน เป็นนัยน์ตาที่เขาเห็นแล้ว สะพรึงแทนเกวลิน
ไม่เพียงแค่รัฐรวิศที่ตกใจ ภคพร รวมถึงลูกน้องคนสนิท และทุกคนในร้านต่างพากันตกใจเช่นกัน คนที่ตกใจมากที่สุดจนแทบเป็นลมคือ สมสมร เพราะเธอไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์ได้ นั่นหมายความว่า ตำแหน่งหน้าที่ของเธอพลอยสั่นคลอนไปด้วย
รัฐรวินทร์มองตามร่างเกวลินที่เดินออกไปจากร้านเขม็ง ในแววตาเขามีแรงโทสะโหมรุนแรง มีความพยาบาทอาฆาตแค้น เธอถือดียังไงกล้าทำกับเขาต่อหน้าคนนับสิบ เธอกล้ามาก กล้าอย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าทำกับรัฐรวินทร์อย่างนี้มาก่อน เธอสมควรได้รับการลงโทษจากเขาอย่างสาสม
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” เขากัดฟันพูด เรื่องนี้ไม่จบแค่นี้แน่ ในเมื่อเธอกล้าทำให้เสือโกรธ เธอก็เตรียมตัวถูกเสือล่าได้เลย รัฐรวินทร์จะเอาคืนเกวลินทั้งต้นทั้งดอก ให้สาสมกับอาการมือลั่นของเธอ