บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 หึง 1

เคนจิโร่นั่งหน้าเครียดอยู่ที่เก้าอี้บุด้วยนวมเนื้อดี ด้วยเหตุที่ว่าบิดาของเขาต้องการคุยกับกัญติญาคู่หมั้นสาวที่เขายกให้รัฐศาสตร์เป็นดอกเบี้ยการพนัน และจะโทรฯ กลับมาใหม่ในอีกสิบห้านาที เขาพยายามบ่ายเบี่ยงบิดาแต่หาสำเร็จไม่เพราะไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนที่นั่นต้องมีกัญติญาเสมอ และแล้วเคนจิโร่ตัดสินใจเด็ดขาดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด

เสียงโทรศัพท์เครื่องเล็กของกัญติญาดังขึ้นหลายครั้ง เจ้าของเครื่องตื่นมารับด้วยอาการงัวเงียและอ่อนเพลียจากบทรักของรัฐศาสตร์ หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูรายชื่อของบุคคลที่โทรมาเวลาเกือบเที่ยงคืน

“พี่เคนจิ” เสียงอุทานของเธอไม่ดังนักเพราะไม่ต้องการให้รัฐศาสตร์ตื่นจากนิทรา กัญติญาหันมามองร่างที่หลับใหลอยู่ข้างกาย เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอทำให้เธอคิดว่าเขาคงหลับสนิทแล้ว เธอก้าวลงจากเตียงนอนก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่เรือนร่างเปล่าเปลือยของตน จากนั้นก็เดินออกมาคุยโทรศัพท์ที่ด้านนอกระเบียงของห้องนอน

“มีอะไรพี่เคนจิ” กัญติญาถามเสียงเบา เคนจิโร่เมื่อได้ยินเสียงที่เบาหวิวก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

“ทำไมต้องทำเสียงกระซิบกระซาบด้วย กลัวผัวเธอจะตื่นมารู้หรือไงว่าฉันโทรฯ มา” เคนจิโร่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ แต่เวลานี้กัญติญาไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วย จึงพูดตัดบทไปว่า

“ถ้าพี่เคนจิไม่มีอะไรแล้ว นอกจากจะโทรฯ มากวนมิโกะงั้นแค่นี้นะ”

“เดี๋ยวสิ..พ่อฉันโทรฯมาเมื่อกี้อยากจะคุยกับเธอ มาที่ห้องฉันได้ไหมอีกสิบห้านาทีพ่อฉันจะโทรฯ มาใหม่” กัญติญารับรู้ปัญหาของเคนจิโร่ที่ต้องโทรฯ มาหาเธอตอนดึก เพราะทุกครั้งที่เขาและเธอไม่ได้อยู่ที่ญี่ปุ่น ทางาดะจะโทรฯ มาช่วงดึกทุกครั้ง และทุกครั้งก็จะขอพูดสายกับเธอ

“งั้นเดี๋ยวมิโกะไปหาที่ห้องนะ แค่นี้นะพี่เคนจิ” กัญติญาตัดสายก่อนจะเดินเบาที่สุดเข้าไปในห้องนอน เมื่อแน่ใจว่ารัฐศาสตร์จะไม่ตื่นมากลางดึกเธอจึงเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุด มือบางค่อยๆ เปิดประตูห้องนอนอย่างเบามือ และปิดลงเมื่อเธอออกมาอยู่หน้าห้องนอน เธอผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะเดินไปที่ประตูห้องพักของเขา ร่างของลูกน้องที่คอยเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องสองคน ตอนนี้ได้หายไปแล้วคงอยู่ในช่วงเปลี่ยนเวร เป็นอันว่าทางสะดวกเธอจึงรีบวิ่งไปที่ลิฟต์ทันที

รัฐศาสตร์ลืมตาขึ้นทันทีที่เธอเดินออกไปจากห้องนอน เขารู้สึกตัวตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์แล้ว และได้ยินชื่อของบุคคลที่โทรฯ มาด้วย แต่แสร้งทำเป็นนิ่งเฉยเพราะอยากรู้ว่าเธอจะทำอย่างไร ภาพของกัญติญาที่แอบย่องออกมาคุยกับเคนจิโร่อยู่ในสายตาของเขาตลอด แม้กระทั่งเธอเดินเข้าไปหยิบเสื้อผ้า เข้าไปเปลี่ยนชุดที่ห้องน้ำ และเดินออกไปจากห้องนอน

ร่างสูงใหญ่ก้าวลงมาจากเตียงด้วยเรือนกายที่เปลือยเปล่า ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาสวมเพียงตัวเดียว ลิ้นชักหัวเตียงถูกเปิดออกด้วยมือหนาของเขา ปืนสีดำสนิทมีกระสุนเต็มแมกกาซีนถูกใส่ลงในกระเป๋าเสื้อคลุม จากนั้นชายหนุ่มจึงเดินออกไปจากห้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง พร้อมจะเผาผลาญคนที่ชื่อเคนจิโร่ที่บังอาจมาแย่งชิงผู้หญิงของเขา

“คุณเล็กจะไปไหนครับ” มานพเห็นผู้เป็นเจ้านายเดินออกมาจากห้องพัก ด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนักใบหน้าของรัฐศาสตร์ดุกร้าว ดวงตาสีเทาเข้มขวาง มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น

“ไปฆ่าคน” เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินตรงไปที่ลิฟต์ มานพจึงรับวิ่งตามไปโดยไม่ลืมที่จะโทรศัพท์หาธนาพลและลูกน้องอีกประมาณห้าคน มาช่วยเสริมทัพเพื่อมีอะไรเกิดขึ้นร้ายแรง

กัญติญามาทันเวลาที่ทางาดะโทรศัพท์มาหาเคนจิโร่พอดี ทั้งสองใช้เวลาคุยกันประมาณห้านาทีการสนทนาจึงยุติลง หญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้นวมเพื่อเตรียมกลับไปที่ห้องของรัฐศาสตร์ ในใจของเธอรู้สึกสั่นๆ ยังไงบอกไม่ถูก แต่มือหนาของเคนจิโร่ก็จับที่ข้อมือบางของเธอไว้เสียก่อน

“อยู่คุยกันก่อนสิ” เคนจิโร่พูดขึ้น

“ไม่มีอะไรจะต้องคุย” กัญติญาพูดเสียงห้วน

“โกรธฉันเรื่องที่เอาตัวเธอไปขัดดอกให้ไอ้เล็กมันเหรอ” เคนจิโร่ถามตรงจุด

“โกรธหรือไม่โกรธมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะตอนนี้อะไรๆ มันก็สายไปเสียแล้ว” ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างมันพังทลายเพราะเคนจิโร่ ความรักที่เธอมีต่อเขา ความศรัทธาในตัวเขาได้มลายหายไปตั้งแต่เขายกเธอเหมือนกับสิ่งของชิ้นหนึ่งที่ไม่มีค่า ให้กับคนที่ชื่อรัฐศาสตร์แล้ว

“ฉันไม่มีทางเลือก” เคนจิโร่พูดพร้อมกระตุกมือของเธอให้ทรุดตัวลงนั่งข้างกายเขา กัญติญาที่ไม่ได้ทันตั้งตัว ร่างของเธอจึงล้มลงที่ตักของเคนจิโร่พอดี ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องที่ริมฝีปากอวบอิ่มของกัญติญานิ่งนาน ก่อนจะโน้มใบหน้าของเขาเข้าหาเรียวปากของเธอ หากแต่หญิงสาวรีบเบี่ยงหน้าหนี แม้ว่าเธอจะรักผู้ชายคนนี้ก็ตามแต่เธอจะไม่ยอมให้ใครมาสัมผัสเรียวปากของเธอทับรอยรัฐศาสตร์เด็ดขาด

“พี่เคนจิอย่านะ ปล่อย” กัญติญาเบี่ยงหน้าหนีจึงทำให้เรียวปากหนาสัมผัสกับแก้ม นวลของเธอแทน

บานประตูถูกเปิดออกอย่างแรงจากการใช้เท้ากระแทกเข้าไปที่ประตู รัฐศาสตร์มองภาพของกัญติญาที่นั่งอยู่บนตักของเคนจิโร่ และทันพอที่จะเห็นเคนจิโร่หอมที่ใบหน้าของเธอ ทั้งสองต่างหันมามองผู้มาเยือนด้วยสีหน้าที่ตกใจ แต่คนที่ตกใจมากที่สุดคือกัญติญา เพราะเธอรับรู้ถึงรังสีอำมหิตที่อยู่รายล้อมรอบตัวของรัฐศาสตร์ได้ทันที เคนจิโร่ซึ่งเป็นยากูซ่าญี่ปุ่นมีทีท่าตกใจเพียงเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

“มาหาชู้ถึงที่เลยนะ ฉันให้เธอไม่อิ่มหรือไงถึงต้องแล่นมาให้มันสนองถึงห้อง” รัฐศาสตร์พูดตะโกนออกไปด้วยความโกรธ กัญติญาได้สติจึงรีบลงจากตักของเคนจิโร่ทันที

“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ ไม่ใช่” กัญติญาพยายามอธิบายแต่เวลานี้รัฐศาสตร์ไม่สามารถทนยืนฟังเหตุผลใดๆเพราะเขามีแต่ความโกรธเกรี้ยวจนแทบจะฆ่าคนได้

“อะไรที่ว่าไม่ใช่ของเธอ หรือว่าต้องให้ฉันเห็นเวลาที่มันขย่มเธอบนเก้าอี้เสียก่อน” กัญติญาคิดว่าตอนนี้หากเธอพูดออกไปเขาคงไม่รับฟังแน่ เธอจึงเงียบแต่คนที่ไม่เงียบกลับเป็นเคนจิโร่

“แหม!!.. คู่หมั้นคู่หมายเค้าจะจู๋จี๋กันก็ไม่เห็นแปลกนี่ เป็นของธรรมดา” เคนจิโร่แทรกขึ้นมาแบบกวนๆ

“พี่เคนจิทำไมถึงพูดแบบนี้” กัญติญาหันมาตวาดใส่เคนจิที่นั่งไขว้ห้างไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับเหตุการณ์ที่แสนจะอึมครึมภายในห้องเลย

“ไม่ใช่อย่างที่พี่เคนจิพูดนะคะคุณเล็ก”

“หมดเวลาแก้ตัวแล้ว..ฉันเคยบอกเธอแล้วใช่ไหม ว่าอย่ายุ่งกับมันอีก” เขาพูดเสียงลอดไรฟัน พร้อมกับหยิบบางสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุมออกมา กัญติญามองปืนที่อยู่ในมือของรัฐศาสตร์ด้วยความตกใจ และยิ่มองงสีหน้าที่ดุดันและเกรี้ยวกราดของเขาด้วยแล้ว รู้ว่าเขาต้องทำอย่างที่ใจคิดแน่นอน รัฐศาสตร์เล็งปืนไปที่ร่างของเคนจิโร่ที่นั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่คิดจะหลบหนีไปไหน

“เล็กใจเย็นก่อน..ค่อยๆ พูดกันก็ได้” ธนาพลเข้ามาห้ามปรามก่อนที่จะเกิดการนองเลือดขึ้นมา

“ไม่จำเป็นต้องพูด วันนี้ฉันจะฆ่านางกากีกับชู้ของมันให้ตายไปพร้อมกันแล้วจับมันทั้งสองคนโยนลงทะเลไปเป็นอาหารของฉลาม” เคนจิโร่ค่อยๆ เลื่อนมือหยิบบางสิ่งที่เขาซุกไว้ที่หมอนอิงบนเก้าอี้นวม และใช้สิ่งนั้นเล็งไปที่ร่างของรัฐศาสตร์เช่นกัน กัญติญามองทั้งสองคนสลับกันไปมาเพราะอีกคนหนึ่งก็แรง อีกคนหนึ่งก็เอาจริง เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีจึงเดินเข้าไปหารัฐศาสตร์

“คุณเล็ก..มิโกะขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณเล็กว่ามิโกะจะมาที่นี่ มิโกะมีเหตุผล มิโกะไม่ได้ทำอย่างที่คุณเล็กคิดเลย” กัญติญาพยายามพูดดีกับเขา เพื่อให้ใจเย็นแต่ภาพที่เขาเห็นไม่สามารถทำให้อารมณ์เขาเย็นลงได้เลย

“ไม่ต้องมาแก้ตัว นางกากี ผู้หญิงโสโครกอย่างเธอไปลงนรกพร้อมมันนะดีแล้ว”

ปืนที่อยู่ในมือของเคนจิโร่ถูกปล่อยกระสุนออกมาก่อนหนึ่งนัด เมื่อกัญติญาได้ยินเสียงปืนจึงผลักร่างของรัฐศาสตร์ให้พ้นวิถีของกระสุน ธนาพล มานพและลูกน้องของรัฐศาสตร์ต่างช่วยกันระดมยิงร่างของเคนจิโร่ที่เอาเก้าอี้นวมเป็นที่กำบัง

กัญติญานอนหมอบอยู่ที่พื้นในใจของเธอพยายามคิดหาทางออก มิเช่นนั้นก็ต้องมีใครตายที่นี่แน่นอน เมื่อกระสุนทั้งสองฝ่ายถูกปล่อยออกมาจากกระบอกปืนจนหมดแมกกาซีน เสียงปืนจึงสงบลงแต่มีเสียงอย่างอื่นเกิดขึ้นแทน

เสียงที่ว่านี้คือเสียงหมัดและกำปั้น รวมทั้งเท้าของรัฐศาสตร์และเคนจิโร่ ที่ต่อสู้กันด้วยมือเปล่า ทั้งสองสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใครผลัดกันรุกผลัดกันรับ กัญติญายืนมองดูทั้งสองชกต่อยกันนานพอสมควรจึงเข้ามาห้าม

“คุณเล็กพอ..พี่เคนจิหยุด” เสียงของเธอคงเบาเกินไป ทำให้ทั้งสองที่กำลังปะทะกันด้วยความโกรธและความแค้นไม่หยุดการกระทำนั้น เธอจึงใช้เท้ากระแทกไปที่ร่างของรัฐศาสตร์ตรงบริเวณสะโพกอย่างแรง เพื่อให้ทั้งสองแยกออกจากกัน รัฐศาสตร์เซไปตามแรงถีบของเธอ ก่อนจะหันมามองกัญติญาด้วยใบหน้าที่แข็งกร้าว ดุดัน

“เธอกล้าถีบฉันเพื่อช่วยชู้ของเธอเหรอ” เขาถามตะโกนก้อง กัญติญาหันมาพยุงร่างของเคนจิโร่ ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด การกระทำที่กัญติญาปฏิบัติต่อเคนจิโร่ทำให้เขาเลือดขึ้นหน้า ความโกรธของเขาเพิ่มเป็นทวีคูณ

“ฉันแค่ไม่อยากให้มีใครตายเท่านั้น ถ้าคุณคิดว่าฉันเป็นนางกากีนั้นก็หมายความว่าเรื่องทุกอย่างฉันเป็นคนผิดคนเดียว ฉันเป็นผู้หญิงร่านวิ่งแจ้นมาหาชายชู้เอง โดยที่พี่เคนจิไม่ได้ร้องขอฉันผิดเอง ฉันผิดคนเดียวฆ่าฉันสิ ฆ่าฉันเรื่องทุกอย่างมันจะได้จบ” กัญติญาระเบิดเสียงออกมาดังลั่นห้อง พร้อมกับคำพูดที่อัดอั้นอยู่ในใจ ทุกคนในที่นั้นต่างอึ้งไม่คิดว่าเธอจะพูดประโยคนี้ขึ้นมา แต่เธอไม่สามารถทำให้ความโกรธในใจของรัฐศาสตร์เบาบางลงได้เลย กลับเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ

“นพ..จับตัวไอ้เคนจิไปโยนลงทะเลเดี๋ยวนี้” มานพและพรรคพวกต่างกรูเข้าไปจับร่างของเคนจิโร่ เขาไม่สามารถสู้แรงของมานพและพรรคพวกได้ เพราะร่างกายของเขาบอบช้ำเป็นอย่างมาก จังหวะนั้นเองโคกิก็ได้พาพรรคพวกของเขามาที่ห้องนายน้อยเช่นกัน การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายจึงเริ่มขึ้นอีกครั้งพักใหญ่ฝ่ายของเคนจิโร่ก็เสียท่าให้กับคนของรัฐศาสตร์

“จับพวกมันไปโยนลงทะเลให้หมด” คำสั่งดังราวกับสายฟ้าฟาดของรัฐศาสตร์ที่สั่งมานพและลูกน้องของเขา

“อย่านะคะคุณเล็กฉันขอ..คุณอย่าทำอะไรพวกเขาเลย” กัญติญาอ้อนวอนทั้งน้ำตา

“ฉันบอกให้เอาพวกมันไปโยนลงทะเลเดี๋ยวนี้” รัฐศาสตร์สั่งย้ำ

“คุณปล่อยพวกเขาเถอะนะฉันขอร้อง จะให้ฉันไหว้ก็ได้นะ คุณปล่อยพวกเขานะ” กัญติญาร้องไห้สะอึกสะอื้นพร้อมกับพนมมือไหว้ที่อกของรัฐศาสตร์

“เธอรักมันมากหรือไง” รัฐศาสตร์เอ่ยถาม

“...........”

“ฉันถามว่าเธอรักมันมากใช่ไหม” เขาถามย้ำเสียงดังลั่นห้องเมื่อเห็นเธอเงียบ กัญติญามองใบหน้าของรัฐศาสตร์สลับกับใบหน้าที่บวมช้ำของเคนจิโร่

“ใช่ ปล่อยเค้า..แล้วฉันจะตายแทนพี่เคนจิเอง”

“งั้นเธอก็เตรียมตัวตายแทนไอ้เคนจิมันได้เลย แต่ก่อนที่เธอจะตาย เธอดูมันทรมานก่อนก็แล้วกัน” รัฐศาสตร์เดินเข้าไปหาร่างของเคนจิโร่ที่ถูกมานพจับกุมไว้อยู่ ก่อนจะกระแทกไปที่ใบหน้าของเคนจิโร่หลายครั้งติดต่อกัน รัฐศาสตร์หยิบมีดที่อยู่ที่เอวของมานพออกมา เหล็กเนื้อดีสีเงินวาบวับอยู่ตรงหน้าเขา

“คุณเล็ก..คุณจะทำอะไรไม่นะ..ไม่” กัญติญาพยายามถลาไปหาร่างของเคนจิโร่ แต่ถูกธนาพลจับตัวไว้เสียก่อน

“อ๊ากกกกกก” เสียงร้องของเคนจิโร่ดังลั่นเมื่อปลายมีดกรีดไปที่ทรวงอกจนถึงท้องน้อย เสื้อนอนสีขาวขาดออกจากกัน เลือดสีแดงสดไหลรินออกมา แผลที่ถูกมีดกรีดค่อนข้างลึกแต่นั่นไม่สาแก่ใจเขา รัฐศาสตร์เดินไปที่โต๊ะอาหารที่อยู่ในห้อง หยิบขวดพริกไทยและขวดเกลือติดมือมา เทลงไปที่บาดแผลของเคนจิโร่ ร่างของเคนจิโร่ดิ้นพล่านด้วยความปวดแสบปวดร้อน

“ไอ้เล็กมึง..โอ๊ยยย” เคนจิโร่ตะโกนด้วยน้ำเสียงอาฆาตแค้น บาดแผลของเขาแสบลึกลงไปถึงจิตใจ ไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขาแบบนี้มาก่อนเลยตั้งแต่เกิดมา

“เป็นไง แสบไปถึงทรวงไหม นี่แค่เบาะๆ แกต้องเจอหนักกว่านี้อีก นพ จัดการ”

รัฐศาสตร์สั่งมานพให้จัดการกับเคนจิโร่ตามวิธีของเขา โดยนำร่างที่โชกไปด้วยเลือดของเคนจิโร่ไปขึงไว้ที่นอกระเบียง ก่อนจะใช้แส้ฟาดไปที่แผ่นหลังของเคนจิโร่หลายครั้ง แล้วจึงราดน้ำเกลือใส่บาดแผลด้านหลัง จนร่างของเคนจิโร่ทั้งเจ็บทั้งปวดแสบปวดร้อนไปหมด ทางด้านลูกน้องของเคนจิโร่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะพวกเขาถูกคนของรัฐศาสตร์มัดมือมัดเท้าไว้ ได้แต่มองดูเจ้านายน้อยถูกทำร้ายอย่างทารุณ

“พอแล้วคุณเล็กพอแล้ว” กัญติญาอ้อนวอน รัฐศาสตร์หันมามองใบหน้าของเธอ ด้วยสายตาที่ไร้ความปรานี มือหนากระชากร่างของเธอเข้ามาหาตัวเขา พลางพูดเสียงเข้มว่า

“ทีนี้ก็ถึงตาเธอแล้ว มานพเฝ้าทางนี้ไว้ให้ดีถ้าใครขัดขืนหรือพยายามหนี ยิงทิ้งได้เลย” กัญติญาถูกลากออกไปจากห้องของเคนจิโร่ อย่างไม่สนใจว่าเธอจะล้มไปนั่งอยู่ที่พื้น ขาของเธอเจ็บจากการเสียดสีไปบนพื้น จากนั้นกัญติญาถูกโยนเข้าไปในลิฟต์จนร่างบางของเธอกระแทกเข้ากับฝาผนังลิฟต์อย่างแรง

เมื่อลิฟต์มาหยุดนิ่งและถูกเปิดออกที่ชั้น12 กัญติญาก็ถูกลากเข้าไปในห้องพักของเขาทันที เธอถูกเขาเหวี่ยงไปกระแทกกับมุมโต๊ะจนทำให้ทั้งเจ็บและจุก

“เป็นบ้าอะไรของคุณ ทำไมคุณถึงทำกับพี่เคนจิแบบนั้น” กัญติญาถามเมื่อความจุกทุเลาลง

“ฉันจะทำแล้วใครจะทำไม”

“บ้า คุณมันบ้า” กัญติญาไม่รู้ว่าจะสรรหาคำไหนที่เหมาะสมมาด่าชายตรงหน้าดี เธอนึกได้เพียงคำนี้เท่านั้น รัฐศาสตร์เดินเข้ามากัญติญาอย่างราชสีห์กำลังจะกินเหยื่อ แต่เหยื่ออย่างกัญติญาไม่เคยกลัวราชสีห์อย่างเขาอยู่แล้ว เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้เธอจึงฟาดฝ่ามือเข้าที่ใบหน้าของรัฐศาสตร์สองครั้งซ้อน

เพี๊ยะ เพี๊ยะ..

ใบหน้าของชายหนุ่มแดงเป็นรอยฝ่ามือ กัญติญาเป็นผู้หญิงคนแรกที่กล้าตบหน้าเขา ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้เขาเจ็บที่กาย มีเพียงผู้หญิงที่ทำให้เขาเจ็บปวดที่หัวใจเพียงคนเดียว คือณิชา ผู้หญิงที่เขาเคยหลงรัก

“เธอกล้ามากนะที่ตบหน้าฉัน ในโลกนี้ฉันยอมผู้หญิงเพียงสองคนเท่านั้น คนหนึ่งคือแม่ของฉัน อีกคนหนึ่งคือผู้หญิงที่ฉันรักสุดหัวใจ แต่เธอไม่ใช่สองคนนั้นเธอก็ต้องได้รับโทษที่บังอาจตบหน้าฉัน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel