ตอน 4
จิมส์ยืนนิ่งสนิทรอให้อิงอรเดินจากไปด้วยความไม่เข้าใจนัก ชีวิตเขาล้อมรอบไปด้วยหญิงสาวมากมาย ยิ่งวันวาเลนไทน์แบบนี้ด้วยแล้ว เขายังไม่มีนัดกับใครเพราะไม่รู้จะเลือกใคร คิดไว้ว่าน่าจะเป็นแสนซน สาวสวยร้อนแรงที่เขายังไม่ได้คุยกับเธอต่อ ตั้งแต่มีก้างใหญ่อย่างชินเข้ามาขวาง เรื่องอะไรเขาจะยอมแพ้ เขาต้องได้ยัยแสนซนคนสวยไปนอนแนบในคืนวันแห่งความรัก แล้วยัยเฉิ่มนี่เป็นใคร บังอาจมายืนหันหลังให้เขา
“น้องครับ น้องใช่มั้ยที่อยากพบพี่” เขาร้องถามออกไปไม่ดังนัก เพราะยืนห่างกันเพียงแค่ห้าก้าวเท่านั้น
ปลายฟ้าค่อยสโลว์หันมาตามเสียงเรียกของชายหนุ่ม ผู้ที่เธอตั้งใจจะทำเรื่องบ้าบอในวันนี้ ทำตัวราวกับตัวเองเป็นนางเอกในแอ็คชั่นฉากสโลโมชั่น
“เอ่อ ค่ะปลายเองค่ะนี่ค่ะพี่จิมส์” ปลายฟ้าตอบชายหนุ่มตะกุกตะกัก ยื่นช่อกุหลาบสีชมพูพร้อมกล่องของขวัญให้กับเขา
“เธอชื่ออะไรนะ” ทันทีที่ได้เห็นหน้าหญิงสาวคนที่บังอาจรบกวนเวลาของเขาที่จะได้อยู่กับสาวๆ กลุ่มเมื่อกี้ เขาทิ้งสาวๆ พวกนั้นเพื่อมารับของขวัญจากยัยป้าแว่นหนา แต่งตัวเชยยิ่งกว่ายุคไดโนเสาร์เต่าล้านปีเนี่ยนะ โอ๊ย พระเจ้า เขาไม่คิดแม้แต่จะยื่นมือออกไปรับของขวัญจากปลายฟ้า ใบหน้าเหยเก มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาเหยียด รังเกียจ
“รับสิคะพี่จิมส์” เธอพยายามยัดกล่องของขวัญใส่มือเขา เขาชักมือกลับ ออกอาการท่าทางแขยง หญิงสาวเต็มที่เธอไม่ใช่กิ้งกือนะยะนายจิมส์ ทำท่าซะขนาดนั้น
“ไม่อ่ะฉันไม่รับของจากเธอเด็ดขาด ในกล่องนั่นมันอะไร เอากลับไปฉันไม่รับหรอกไปๆ” จิมส์ไล่ปลายฟ้าอย่างไม่มีอาลัย ไม่เกรงใจหัวใจดวงน้อยที่รอวันเวลานี้มาตั้งหลายปี
“พี่จิมส์ฟังปลายก่อนนะคะ เอ่อคือ...” หญิงสาวอ้ำอึ้ง ควานหาเสียงตัวเองและคำพูดที่เตรียมมาตั้งแต่รู้จักกับรุ่นพี่ไม่เจอ มันติดตรงริมฝีปาก ได้โปรดพระผู้มีพระภาคเจ้าช่วยส่งความกล้ามาให้ลูกด้วยเถอะค่ะ ปลายฟ้าวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปตามความเชื่อว่าจะช่วยเธอได้
“ว่ามา” เขาชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวหนีจากตรงนั้น
“โอ...ขอบคุณค่ะที่อยู่ต่อ” ปลายฟ้ารวบรวมความกล้าครั้งสุดท้าย ทั้งที่เห็นท่าทางซึ่งแสดงออกมาโจ่งแจ้ง เผยความในใจเสียหมดขนาดนั้น มันแทบไม่ต้องบรรยายสรรพคุณอะไรใต้ภาพ “คือ...ปลาย...ปลาย ชอบพี่จิมส์ค่ะและนี่ของขวัญ” ปลายฟ้าเค้นเสียงของตัวเองบอกความในใจกับชายหนุ่มที่เธอแอบชอบเขามาตลอดสามปีที่เข้ามาเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งนี้ รู้ว่าตัวเองเขินสุดๆ เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว มันต้องบอกแล้วล่ะ
“หืม ช่างกล้านะ” เขาเหยียดเสียงบอกออกไป “เรื่องของเธอมีแค่นี้ใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นฉันจะบอกกับเธอเอาบุญแล้วกัน ยัยปลายฟ้า” เขาจำชื่อเธอได้ดี ตั้งแต่เขารู้ว่ายัยนี่จะต้องมาเป็นน้องรหัสของเขานั่นแล้ว เขาวาดฝันว่าคนที่ชื่องดงามขนาดนี้ น่าจะเป็นสาวสวย เซ็กซี่ พอมาเจอกันจริงๆ ในวันรับน้อง เขาแทบจะหนีกิจกรรมรับน้องไปเลยทีเดียว มาวันนี้ยัยปลายฟ้านี่กลับมาบอกว่าชอบเขา แล้วยังมีหน้ายื่นของขวัญที่ไม่รู้ว่าข้างในนั้นมีอะไรมาให้เขาด้วย
“ฉันไม่เคยนึกพิศวาสเธอเลย จำไว้ แล้วไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก กระจกน่ะมีมั้ย ออกจากบ้านส่องดูตัวเองบ้างนะ ว่าสภาพอย่างเธอมันแย่แค่ไหน” เขาพูดได้แค่นั้น แล้วเดินจากไป โดยไม่หันมามองปลายฟ้าแม้แต่น้อย
“พี่จิมส์” ปลายฟ้าเอ่ยชื่อเขาไปได้เป็นประโยคสุดท้าย น้ำตาแห่งความรู้สึกร่วงเปราะลงข้างแก้ม เธอปวดร้าวหน้าแตกเจ็บใจ เสียหน้าอับอาย ทุกคำทุกความรู้สึกในขณะนั้นรวมกันเป็น ‘แห้ว’ มือกำดอกกุหลาบ สีชมพูแน่น กล่องของขวัญหล่นลงพื้นหญ้าเบื้องล่าง เมื่อมือบางมันหมดแรงเสียฉับพลัน
“ยัยปลาย เป็นยังไงบ้าง” ทั้งสามเพื่อนรักจอมบงการ สามัคคีกันวิ่งมายังจุดที่ปลายฟ้ายืน สิ่งที่อยากถามเลยต้องหยุดอยู่แค่นั้น “อุ๊ยคงไม่ต้องถามแล้วว่ะไอ้ซัน ยัยอร” น้ำหนึ่งมาถึงตัวปลายฟ้าก่อนคนอื่น พบว่าใบหน้าของปลายฟ้ากำลังเปื้อนคราบน้ำตา ร้องไห้จนตัวสั่นระริก
“เฮ้ย ปลายใจเย็นๆ” ซันเข้ามาปลอบปลายฟ้าอีกคน เขาไม่น่ายุให้ปลายฟ้าทำแบบนี้เลย ทั้งๆ ที่อยู่อย่างปลายฟ้าคนเดิมก็ดีอยู่แล้วเชียว
“เอ่อ แกทำใจกับมันมาแล้วไม่ใช่เหรอ คนอย่างพี่จิมส์แกก็รู้ เค้าน่ะดาว เดือน พระอาทิตย์เชียวนะเว้ย” อิงอรไม่รู้จะปลอบหรือกำลังซ้ำเติมปลายฟ้ากันแน่
“หือ นี่แกกำลังปลอบใจฉัน หรือแกกำลังกระทืบซ้ำฉันวะ คนยิ่งเสียใจอยู่” ฮือ ฮือ ปลายฟ้าเลยโยเยหนักเข้าไปอีก
“โอ๋ๆๆๆ ปลอบสิวะ ฉันก็ปากอย่างนี้แหละ อย่าถือสาเลยว่ะ” อิงอรลูบหลังปลายฟ้าเบาๆ เพื่อให้สถานการณ์แย่ๆ นี้คลายลง
“น่าไหนๆ เราก็รู้ผลแล้วว่าพี่จิมส์เขาเป็นแบบนี้ ต่อไปไม่ต้องสนใจเขาก็สิ้นเรื่อง ฉันรู้ว่ามันทำใจลำบาก คนเรามันต้องผ่านไปให้ได้สิน่า แกยังมีพวกฉันอยู่นะ หรือคืนนี้แกหาคู่ควงไม่ได้ นี่เลยนายซัน” น้ำหนึ่งดันหลังซันส่งให้ปลายฟ้า แก้ขัดไปก่อน
“เฮ้ย ยัยน้ำแก” ซันขืนตัวไว้ ไม่ให้น้ำหนึ่งดันเขาได้สะดวก ซันรู้สึกเป็นห่วงความรู้สึก จิตใจปลายฟ้า ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเพื่อนคนอื่น
“ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรมากหรอก แค่เจ็บใจที่พี่จิมส์เขาพูดรุนแรงกับฉันเกินไปก็เท่านั้น”
“เขาพูดว่าอะไรวะ” ซันถามย้ำเพราะอยากรู้คำตอบ เนื่องจากเขาอยู่ห่างเกินไป ฟังอะไรไม่ถนัด พอๆ กับสองสาวนี่แหละ
“เขาพูดว่าจะบอกให้นะฉันไม่เคยพิศวาสเธอเลย” มันแรงมาก แรงในความรู้สึก “ถ้าเขาบอกฉันว่าพี่รับความรู้สึกของน้องไม่ได้ เราไม่เหมาะกัน ฉันยังจะรู้สึกดีกว่านี้นะเว้ย” ปลายฟ้าปาดน้ำตาอีกครั้งก่อนจะก้มลงเก็บกล่องของขวัญที่หล่นอยู่เบื้องล่าง
“ตอนนี้แกก็เป็นหนึ่งในสมาชิกคนอกหักรับวาเลนไทน์ ภูมิใจเถอะเพื่อน” อิงอรปลอบใจแปลกๆ ยัยนี่ชอบพูดอะไรให้กำลังผสมซ้ำเติมอย่างไรบอกไม่ถูก
“เออ ฉันจะพยายามภูมิใจ” ปลายฟ้าเหยียดเสียงตอบกระแทกใส่หน้าคนที่พยายามปลอบใจเธอ ยัยเพื่อนบ้า
“เช็ดน้ำตาซะ เก็บไปร้องไห้ให้กับสิ่งที่มีค่ากว่านี้เถอะ เราทำใจยอมรับผลที่ตามมาไว้อยู่แล้วนี่ ไปๆ ฉลองกัน” ซันยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ปลายฟ้า
“ขอบใจ” เธอรับมันมาแต่ไม่คิดจะยกมันขึ้นมาเช็ด ถือกระชับไว้ในมือแบบนั้นบีบมันแรงๆ ราวกับจะให้เจ้าของผ้ารับรู้ว่าเธอรู้สึกเจ็บใจที่สุด ปลายฟ้าลอบสาบานในใจ เธอจะต้องตอบแทนผู้ชายคนนี้ให้สาสม แต่จะเป็นเมื่อไหร่เท่านั้นเอง คิดแล้วแค้นนัก ต่อว่าเธอแบบนี้ได้อย่างไรกัน
ตกเย็น ทุกคนต่างมีคู่เดทกันหมด ยกเว้นปลายฟ้า ที่จับจ้องนั่งเศร้าอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใต้ทางยกระดับ ผู้คนเดินไปเดินมาบริเวณใกล้ๆ ยังจัดงานรื่นเริง ดาษดื่นเต็มไปด้วยสีชมพู สีแดง ดอกกุหลาบหลากหลายมากมายเกะกะตานัก เมื่อก่อนดอกละสามบาท ห้าบาท พอวันนี้มูลค่าราคามันกลับเพิ่มยิ่งกว่าคำว่าทวีคูณ สาวโดดเดี่ยว ช้ำรัก กวาดตามองไปโดยรอบ มันเงียบเหงาเหลือเกิน ทั้งที่บรรยากาศทั่วประเทศเขาครื้นเครงอบอวลไปด้วยกลิ่นไอแห่งรัก
เพื่อนชวนเธอไปเที่ยวด้วยเธอปฏิเสธ ใครจะกล้าไปเป็นก้างขวางคอเพื่อนในวันที่เขาจะชื่นมื่นกับคนรักอย่างนี้เล่า ปลายฟ้าหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าสะพาย กดเบอร์โทรออกพอสัญญาณติด
“แม่หรือคะสวัสดีวันแห่งความรักค่ะ” ปลายฟ้ากรอกเสียงเศร้าเจือลงไปในโทรศัพท์ เมื่อปลายสายตอบกลับมา “อ้อฝากความรักความคิดถึงถึงพ่อด้วยค่ะ”
“ปลายหรือลูกเช่นกันจ้ะแม่รักลูกทุกวันนะ ทำไมเสียงมันดูเศร้าๆ อย่างนั้นล่ะ”
“ปลายคิดถึงพ่อกับแม่มั้งคะใครๆ เค้าก็อยู่กับคนรัก อยู่กับครอบครัวกันหมด ปลายต้องนั่งกินลมชมวิวอยู่คนเดียว” หญิงสาวแกล้งเฉไฉ ทั้งที่ส่วนลึกเจ็บปวดนัก เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน อิงอรโทรมาบอกว่าจะไปออกเดทอันแสนพิเศษสุดกับแฟน เสียงหล่อนดี๊ด๊าน่าดู มันแทงใจนักเชียว
น้ำหนึ่งอีกล่ะ แฟนหล่อนคงสร้างความโรแมนติกอีกคน คงพากันไปนั่งกินข้าวใต้แสงเทียน สาธุขอให้มันไฟไหม้มือ น้ำตาเทียนหยดใส่เนื้อจนแสบ ปลายฟ้าคิดพาลในใจตลกๆ นายซันล่ะ ป่านนี้คงควงสาวหมวยตามที่มันชอบไปขึ้นวิมานกลางหาวแล้วล่ะมั้ง
“ทำไมเงียบไปล่ะปลายลูกแม่”
“อ๋อ ปลายคิดถึงพ่อกับแม่นะคะ” ปลายฟ้าบอกมารดาอีกครั้ง เพราะเธอไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมานอกจากสองคำนี้ เธอรักพ่อกับแม่เธอทุกวัน ไม่จำเป็นต้องเป็นวันอะไรที่ฝรั่งกำหนดมาแบบนี้ สำหรับเธอมันเป็นวันปวดใจ วันแห้วแห่งชาติมากกว่าจะเป็นแห่งความรัก เชอะ นายจิมส์ แดเนียล บ้า บ้าที่สุด ปลายฟ้าก่นด่าชายหนุ่มในใจ รู้สึกแค้นเขาขึ้นมาจากขั้วหัวใจ
‘ฉันจะทำให้นายรู้ว่าคนที่นายจะต้องมาอ้อนวอนขอความรักคือฉัน’ มันคือคำสัญญากับตัวเองของปลายฟ้า