3. คนแปลกหน้า 18++
แต่วันนี้เขากลับพบนางกำลังเดินอยู่ในงานโคมไฟ ริมฝีปากหนายกยิ้มมองภาพสตรีตัวน้อยด้านล่าง เพราะเขานั่งอยู่กับสหายบนหอสุรา กั่วหลิงมองตามสายตากวนซี คิ้วเรียวผูกกันเป็นปมเพราะเห็นเพียงด้านหลัง แต่ดูแล้วคงงามมากเพราะผิวพรรณผุดผ่องส่องสว่างต่างจากคนอื่น โดดเด่นกว่าใครในเมืองจนเขาอยากเห็นหน้าตาชัดๆ แล้ว
“ข้าจะลงไปข้างล่าง” กวนซีเอ่ยกับสหายทั้งสอง เขาลุกขึ้นโดยไม่รั้งรอให้ผู้ใดทักท้วง ร่างสูงเดินตามสตรีตัวน้อยไปจนถึงสะพาน ซึ่งนางกำลังปล่อยโคมกับผู้ที่มาด้วยกัน “ข้าตามหาเจ้ามาหลายวันแล้วรู้หรือไม่”
ใบหน้าหวานหันกลับมาหาผู้ที่กล่าวถ้อยคำกับตน ดวงตาสวยเปิดกว้างทันทีเมื่อเห็นคนคุ้นหน้า
“ใต้เท้าจงมาเที่ยวงานด้วยหรือเจ้าคะ” เสียงหวานดังขึ้น แต่มิได้มาจากสตรีที่เขาเดินมาหา แต่เป็นคุณหนูจางบุตรสาวขุนนางระดับสิบที่แอบชื่นชมเขาอยู่
“ว่าอย่างไร เหตุใดเจ้าหายไปวันนั้น” กวนซียังคงเอ่ยถามประโยคเดิม ไม่ใส่ใจผู้ที่พูดด้วยแม้แต่น้อย ทำเอาสตรีที่ถูกเมินถึงกับหน้าถอดสี
“เอ่อ ใต้เท้าข้าน้อยไม่รู้จักท่าน” ตอบกลับเสียงเบา ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาอีกฝ่าย แต่มีหรือที่กวนซีจะเชื่อ เขาจดจำนางได้ดีแม้กระทั่งเสียงนี้
มือใหญ่เอื้อมมาดึงเอาแขนเล็ก เขาพานางเดินออกมาจากฝูงชนโดยไม่สนใจผู้ใด มีคนสนิทคอยขวางไม่ให้ตาม ทำเอาสตรีตัวน้อยขืนไม่ยอมเดิน เป็นเหตุให้ใต้เท้าหนุ่มหงุดหงิดจนต้องหันกลับมาแบกเอาร่างเล็กขึ้น แล้วเดินมุ่งหน้าไปยังรถม้าของเขาท่ามกลางสายตาผู้คน
“นี่กวนซียอมทำถึงเพียงนี้เชียวหรือ” โจสุ่ยเอ่ยขึ้น เพราะไม่อาจเชื่อสายตาของตน
“หึ! อีกไม่นานก็คงเบื่อนั่นแหละ” กั่วหลิงเอ่ยขึ้น เพราะยังไม่ทันเห็นใบหน้าของสตรีตัวน้อยที่สหายแบกไป เขากลับมานั่งดื่มสุราอย่างใจเย็น และคอยมองหาสตรีสำหรับค่ำคืนนี้เช่นเคย ไม่ต่างจากโจสุ่ยที่พบเจอคนถูกใจแล้ว
“ข้าขอตัวก่อนนะ” ว่าแล้วก็ลุกเดินออกไป ทิ้งให้สหายของตนนั่งอยู่กับคนสนิท และเขาก็อยู่ตรงนี้นานนับชั่วยาม จนกระทั่งได้สตรีตามความต้องการจึงพานางกลับไปที่เรือนเชือด สถานที่สำหรับพวกเขาและสหาย
ซึ่งยามนี้สหายทั้งสองก็อยู่ในเรือนก่อนแล้ว และต่างก็มีเสียงครางเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน โดยเฉพาะห้องของกวนซี เสียงหวานของสตรีตัวน้อยมันช่างยั่วยวนกำหนัดได้ดียิ่งนัก “มิน่า กวนซีถึงได้ชอบใจนางนัก” กั่วหลิงเอ่ยอย่างเสียดาย เขาน่าจะจับนางกินเสียเอง ไม่เช่นนั้นยามนี้นางคงร้องครางอยู่ใต้ร่างเขา
“หึ! ไม่เป็นไร เมื่อไหร่สหายข้าเบื่อเราค่อยมาสนุกกันก็ได้” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ก่อนจะหันมาซอยเอวใส่ร่องรักของสตรีตัวน้อย ซึ่งถือว่านางยังดีกว่าคนที่ผ่านๆ มา อย่างน้อยเขาก็เสร็จสมไปสองรอบนางถึงได้สลบไป
สายของวัน ใต้เท้าหนุ่มตื่นมาก็ไม่เห็นสตรีตัวน้อยเช่นเดิม ทั้งที่เขาจับนางกินจนเกือบรุ่งสาง ไม่รู้ว่านางมีแรงลุกหนีไปได้เช่นไร ชื่อแซ่ก็ไม่ได้ถามไถ่เอาไว้
“ข้าควรต้องล่ามเจ้าไว้หรือไม่เด็กน้อย” น้ำเสียงนี้ไม่ได้หงุดหงิดอย่างเคย ซ้ำยังปะปนความเอ็นดูกับการกระทำของผู้ที่หายไปด้วยซ้ำ นางคงเป็นสตรีคนเดียวที่ไม่คิดจะจับเขา จึงไม่ยอมทิ้งร่องรอยใดๆ เหลือไว้ให้เลย
“ตื่นแล้วหรือขอรับนายท่าน จะเดินทางเลยหรือไม่” คนสนิทเอ่ยถาม พร้อมกับถ้วยน้ำแกงส่งให้
“อืม เตรียมม้าได้เลย อย่าลืมส่งคนตามหานางด้วย”
คิ้วเรียวของคนสนิทผูกกันเป็นปมอีกครั้ง ไม่คิดว่าผู้เป็นนายยังคงมีคำสั่งเช่นเดิม คิดว่าเขาจะพอกับสตรีผู้นี้แล้วเสียอีก เพราะผู้เป็นนายไม่เคยกินสตรีติดต่อเกินสองหน
ด้านสตรีตัวน้อย กลับมาถึงเรือนในช่วงรุ่งสาง นางก็รีบหายากินทันที เพื่อไม่ให้ตนนั้นเกิดตั้งครรภ์กับคนแปลกหน้า แม้จะพอใจในรสสวาทที่ได้รับ
“คุณหนูต่อไปไม่ออกไปข้างนอกแล้วนะเจ้าคะ” เสียงสั่นดังขึ้น เมื่อเห็นผู้เป็นนายมีสภาพไม่ต่างจากสี่คืนก่อน
“ข้าไม่เป็นไร นอนพักประเดี๋ยวก็หาย” เอ่ยบอกเสียงแหบพร่า ก่อนจะดื่มยาที่สาวใช้เตรียมให้
“นอนนะเจ้าคะ” เอ่ยพร้อมกับดึงผ้าขึ้นมาห่มให้ เสี่ยวจูอดสงสารคุณหนูของตนมิได้ ตลอดเจ็ดปีมานี้จิวซูถูกทอดทิ้งจากครอบครัวไม่มีผู้ใดใส่ใจ นางต้องทำงานรับภาระดูแลมารดาที่เจ็บป่วย ทำงานทุกอย่างที่สามารถหาเงินได้ แม้แต่รับดีดผีผาแทนสหายจนเกิดเรื่อง
ผ่านมาสามวัน จิวซูหายเป็นปกติแล้ว ก็กลับมาสดใสร่าเริงเหมือนเดิม นางมิได้คิดหนักกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุมใครจะไปสู้แรงบุรุษได้
“คุณหนูจะออกไปเก็บสมุนไพรหรือเจ้าคะ”
“อืม..ฝากพี่ดูแลท่านแม่ด้วยนะ” ว่าแล้วมือเล็กก็หันไปเอื้อมเอาตะกร้าหวายสะพายหลัง เดินออกจากเขตเรือนหลังน้อยที่พึ่งย้ายมาอยู่ได้เพียงปีเดียว
หลังจากที่มารดานางล้มป่วยจนต้องมีคนคอยดูแลอยู่ตลอด เรือนที่เคยอาศัยก่อนนั้นก็ไม่ยินดีต้อนรับคนป่วย เพราะเกรงจะเป็นโรคติดต่อจึงทำทุกวิธีขับไล่นาง จนในที่สุดจิวซูก็พามารดาออกมาเช่าเรือนหลังเล็กริมน้ำแห่งนี้
ร่างเล็กเดินขึ้นเขาเช่นปกติ จนกระทั่งมาถึงน้ำตกที่อยู่ด้านบน นางนั่งพักเหนื่อยยกมือขาวขึ้นปาดเหงื่อบนหน้า นัยน์ตาสวยก็ชื่นชมความงามของทิวทัศน์ที่ปรากฏให้เห็น โดยไม่รู้เลยว่ามีใครที่กำลังยืนมองนางอยู่
“สตรีบ้านใด ไยถึงมาอยู่กลางป่าเขาเช่นนี้” กั่วหลิงเอ่ยขึ้น เขาเข้าป่ามาล่าสัตว์กับโจสุ่ยและคนสนิท ไม่คิดว่าจะมาเจอหญิงงามนั่งอยู่คนเดียวเช่นนี้ได้
เขายกมือไล่คนของตนให้หนีห่าง ร่างสูงเดินเข้ามายืนอยู่ด้านหลังผู้ที่นั่งหย่อนขาตีน้ำเล่นเหมือนเด็กน้อย
“กลางป่ากลางเขาเหตุใดมานั่งคนเดียวมิกลัวหรือ” เสียงทุ้มเปล่งออกมา ทำให้สตรีตัวน้อยรีบหันมาหา นางตกใจเพราะเขาคือบุรุษที่จ้างให้ไปดีดผีผา จึงรีบลุกเพื่อจะหนีเขา แต่ดันเหยียบพลาดจนเกือบลื่นไถล ดีที่มือแกร่งรั้งเอวคอดเอาไว้ จนนางถลาหาอกแกร่ง
“อ๊ะ! ปะ..ปล่อยข้านะ” ร้องท้วงโดยไม่เงยขึ้นมองเขา แต่มีหรือเสือร้ายจะใส่ใจ เขาเป็นถึงท่านโหวอยากได้สิ่งใดก็ต้องได้ มือใหญ่ยกขึ้นมาตรึงท้ายทอยนางจับให้เงยหน้าขึ้นทันที เพียงเท่านั้นก็ได้เห็นใบหน้างามชัดเจน
เขานิ่งไปชั่วขณะเพราะคนตรงหน้านั้นงดงามเป็นอย่างมาก ใบหน้าหวานดูละมุน ขนตางอน จมูกสวยได้รูป ยิ่งริมฝีปากอิ่มด้วยแล้ว มันช่างดึงดูดได้ดีเหลือเกิน เขากลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับหายใจหอบถี่
เพราะไม่เคยต้องเป็นเช่นนี้มาก่อน แม้จะพบเจอสตรีมามากมายแล้วก็เถอะ แต่มันไม่เหมือนคนตรงหน้า ที่ดึงดูดสายตาเขาจนไม่อยากละออกจากใบหน้านาง และยิ่งไปกว่านั้นมันดึงดูดเขาจนทนไม่ไหว
ริมฝีปากหนาแนบลงอย่างเอาแต่ใจทันที เขาดันนางติดกับก้อนหินใหญ่ ทำให้จิวซูไม่มีทางหนีออกจากตรงนี้ เพราะอีกฝ่ายโถมตัวเบียดเข้าหาจนแนบชิด ริมฝีปากอิ่มถูกดูดรั้งจนนางต้องเปิดมันออก ทำให้ลิ้นอุ่นได้โอกาสสอดเข้าไปด้านใน ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับอ่อนละทวยหมดแรง