ตอนที่ 5 ติดเกาะ
ณรัณย์จอดรถไว้ในโรงจอดของบ้านใหญ่ที่ปิดร้าง แล้วเดินไปยังฟาร์มเลี้ยงวัวที่สกลกำลังรออยู่ เพียงแค่ชายหนุ่มเดินไปถึง ฝนห่าใหญ่ก็เทลงมา
“พวกผมยังคุยกันเลยว่าคุณรันจะเข้ามาในไร่ได้หรือเปล่า น้ำจากไหนก็ไม่รู้ไหลเข้าท่วมละแวกนี้จนหมดแล้ว” สกลร้องบอกเมื่อเห็นเจ้านายเดินมาถึง
“ห่วงว่าเราจะติดเกาะเถอะ”
ณรัณย์โต้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย หากคนสนิทของเขากลับหัวเราะเสียงดังลั่น ซึ่งเรียกรอยยิ้มจากคนงานอีกสี่คนที่กำลังซ่อมคอกวัวให้แข็งแรงเพื่อป้องกันมันเตลิดหนีในช่วงหน้าฝนได้อย่างพร้อมเพรียงกัน
“ผมเตรียมตัวพร้อมสำหรับติดเกาะแล้วครับเจ้านาย เมื่อวานผมสั่งให้คนงานตุนอาหารสดและอาหารแห้งเต็มอัตราไว้ที่ครัวคนงานโน่น งวดนี้เราติดเกาะได้ทั้งเดือน”
“รอบคอบดีนี่”
“ปีนี้น้ำท่าจะเยอะกว่าปีก่อนๆ ได้ยินข่าวมาว่าแถวอยุธยายังมีก้อนน้ำใหญ่มหึมาไหลอยู่ในแม่น้ำ ก่อนมันจะไหลลงทะเลก็คงแวะมาเทแถวบ้านเราก่อนนี่แหละ”
“ฉันอยากได้คนงานที่คุ้นเคยกับไร่สัก 2-3 คน ฉันจะไปสำรวจเขตไร่ ตรงไหนที่เป็นจุดเสี่ยงให้น้ำไหลบ่าเข้ามาก็จะได้ทำคันป้องกันไว้ก่อน”
“ผมไปด้วยครับ เดี๋ยวให้นายแดนกับนายวันไปกับเรา สองคนนี้เป็นคนงานเก่าในไร่”
สกลตอบรับด้วยท่าทางจริงจังขึ้น เพราะเขาสังเกตเห็นเช่นกันว่าตามคูคลองภายในไร่นั้นมีน้ำเอ่อสูงขึ้นเรื่อยๆ
คนงานสองคนเงยหน้าจากงานที่กำลังทำเมื่อได้ยินหัวหน้าคนใหม่พูดถึงตัวเอง และเมื่อได้รับคำสั่งให้นำเจ้านายคนใหม่ไปดูเขตไร่ ทั้งสองคนจึงรับคำอย่างแข็งขัน
อันที่จริงนายแดนและนายวันก็นึกไม่ถึงว่าคุณรันจะมาดูแลไร่ด้วยตัวเอง เพราะรู้มาว่าเขาเป็นนักเรียนนอก แถมยังเป็นถึงลูกชายของอดีตข้าราชการใหญ่ที่มีฐานะมั่นคงเป็นปึกแผ่นตั้งแต่รุ่นปู่ย่า คนงานที่เหลืออยู่ในไร่เคยปรามาสให้ได้ยินว่าไม่แคล้วคุณรันจะทำตัวเป็นนายทุน โดยซื้อไร่นี้เอาไว้แล้วจ้างให้ใครมาดูแลแทน...แต่เท่าที่พวกเขาได้สัมผัสมาหลายวัน คุณรันไม่ได้เป็นอย่างที่คนงานพูดถึงเลย
รถจี๊ปคันสีดำแล่นเลียบไปตามเขตไร่ โดยสกลรับหน้าที่เป็นคนขับรถแทนเจ้านายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ ส่วนด้านหลังเป็นที่นั่งของคนงานทั้งสองคน
เมื่อรถแล่นไปใกล้สุดทาง ซึ่งข้างหน้าเป็นไร่อ้อยที่มีความสูงเทียมหัว นายวันก็พูดขึ้น
“รถแล่นได้แค่นี้ครับนาย ข้างหน้ามีคลองธรรมชาติ เอาไว้ส่งน้ำเข้าไร่ เราต้องเดินเท้าเข้าไป เพราะทางเป็นคันดินที่ยกสูงไว้แค่ให้เป็นเขตแดน”
รถจี๊ปคันสีดำจึงชะลอตัวแล้วหยุดลง สายฝนยังเทลงมาไม่ขาดสาย แต่ไม่หนาตาอย่างตอนที่เขาขับรถเข้ามาในไร่
หากนั่นทำให้ณรัณย์นึกถึงดวงหน้าผุดผ่องที่เผยจากหมวกกันน็อกของคนที่เขาขับรถสวนตรงกลางทางเข้าไร่ ความหงุดหงิดใจโถมหาเมื่อคิดว่าแค่เห็นหน้าหล่อนลางๆ 2-3 ครั้ง แต่เขากลับพิมพ์ภาพไว้ในความจำอย่างชัดเจน...มันแจ่มชัดเกินไปแล้ว
“นายเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
เสียงของสกลแทรกเข้ามาในความคิด พร้อมกับเจ้าตัวชะโงกหน้ามามองใกล้ๆ ณรัณย์ถึงกับนิ่งงัน เพราะนึกไม่ทันว่าลูกน้องถามถึงสิ่งใด อีกทั้งไม่มั่นใจว่าเมื่อสักครู่เขาแสดงท่าทางอะไรออกไป
“ฉันไม่เป็นอะไร แล้วทำไมนายถึงถามอย่างนี้”
“ก็ผมเห็นเจ้านายสะบัดหัวอยู่หลายรอบ เลยสงสัยว่าไม่สบายหรือเปล่า”
“ฉันไม่เป็นไรน่า”
ณรัณย์รีบดึงสติกลับมา เขาเปิดประตูรถจี๊ปแล้วก้าวออกไป ตามด้วยลูกน้องทั้งสองคนที่นั่งทางด้านหลัง
เมื่อคนทั้งสามเดินล่วงหน้าไปตามเส้นทางเล็กแคบ โดยมีต้นหญ้าสูงระถึงหน้าขา สกลจึงต้องรีบจัดการจอดรถให้เข้าที่แล้วเร่งฝีเท้าตามไปเป็นคนสุดท้าย
หัวใจของขวัญชนกเต้นถี่แรงด้วยความกลัวลนลานเมื่อพาตัวเองพ้นจากสายน้ำที่ไหลตัดผ่านถนนแล้วมาหยุดบริเวณหน้าบ้านพักรับรองแขกที่สร้างอยู่ใกล้กับบ้านใหญ่ หล่อนมองหาคนงานที่พอคุ้นหน้า ทว่าไม่เห็นใครเลย รอบตัวช่างวังเวง มีแต่สายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
“ทำยังไงดี แล้วน้ำจะท่วมมาถึงในนี้หรือเปล่า”
เมื่อมองไปยังบ้านสองชั้นของลุงทิวกับป้ากิ้มที่เห็นลางๆ ผ่านม่านฝนและต้นไม้ใหญ่ก็ทำให้ขวัญชนกต้องคิดหนัก
บ้านของลุงกับป้าอยู่ข้างใน ไม่เคยมีใครเข้าไปถ้าไม่จำเป็นจริงๆ แล้วเราจะอยู่ในบ้านหลังนั้นคนเดียวทั้งสัปดาห์เลยหรือ
ขวัญชนกเบ้หน้าทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เมื่อมองเห็นตัวเองซุกตัวในบ้านตามลำพัง ความมืดครึ้มจากร่มไม้ใหญ่ที่โอบล้อม แถมอยู่ในช่วงหน้าฝน อีกทั้งถ้าน้ำไหลทะลักเข้าไปท่วมถึง มันก็ทำให้หล่อนติดอยู่ในบ้าน แล้วจะมีใครรู้เห็นหรือเปล่า
แม้จะกลัวอันตรายจากผู้คนที่ไม่คุ้นหน้า...รวมถึงเจ้าของไร่คนใหม่ แต่พอนึกว่าตนต้องอยู่คนเดียวภายในบ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ที่ในช่วงหน้าฝนบางทีก็มีสัตว์เลื้อยคลานแวะไปเยี่ยมเยียนจนลุงทิวต้องจัดการไล่อยู่เสมอนั้น ขวัญชนกก็เกิดอาการกลัวและขยะแขยงจนตัวสั่นไปหมดแล้ว
ดวงตาหวานปรายมองรอบๆ แล้วสายตาก็มาหยุดตรงบ้านพักรับรองแขกที่ไม่มีคนอาศัยซึ่งตนกำลังยืนหลบฝน หญิงสาวพารถมอเตอร์ไซค์ไปจอดแอบไว้ริมชายคาข้างตัวบ้าน โดยเลือกจุดที่พอจะพรางจากสายตาคนด้วยมีพุ่มไม้ประดับขึ้นสูงเทียมอก แล้วตัดสินใจเดินขึ้นไปยังระเบียงหน้าบ้าน ยื่นมือไปจับลูกบิดประตู พลันเรียวปากสวยก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าประตูยังเปิดออกได้
หลายวันก่อนขวัญชนกนึกอยากรู้ว่าข้างในบ้านพักหลังนี้เป็นอย่างไร เพราะไม่เคยเข้าไปเลยสักครั้ง ตั้งแต่คุณเกื้อพาครอบครัวจากไปแล้ว หล่อนก็ได้แต่ถือวิสาสะใช้พื้นที่ข้างตัวบ้านเป็นที่จอดรถของตัวเองเท่านั้น แต่คราวนั้นเมื่อเห็นว่าลับตาคน ความอยากรู้อยากเห็นจึงพาให้หญิงสาวเดินขึ้นมาถึงระเบียงหน้าบ้าน แล้วเมื่อลองขยับลูกบิดประตูก็พบว่ามันไม่ได้ล็อกไว้
คราวนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม ประตูห้องพักรับรองค่อยๆ เปิดแง้มออกมา ภายในบ้านพักยังอยู่ในสภาพเรียบร้อยพร้อมอยู่อาศัย คงต่างกับบ้านใหญ่ที่ขวัญชนกรู้มาว่าถูกเจ้าของคนใหม่สั่งคนงานให้รื้อขนของในบ้านออกไปเกือบหมดแล้ว
หญิงสาวกวาดสายตามองรอบตัวอย่างพอใจ เรียวปากสวยคลี่ยิ้มเมื่อรู้ว่าที่ตรงนี้จะเป็นที่ที่หล่อนใช้พักพิงในช่วงน้ำท่วมเพื่อรอป้ากิ้มกับลุงทิวกลับมา
เมื่อนึกถึงลุงและป้า หัวใจของหญิงสาวก็วูบโหวงเพราะนึกห่วงขึ้นมา
“น้ำทะลักเข้ามาแบบนี้ ลุงกับป้าจะขับรถออกไปได้อย่างปลอดภัยหรือเปล่า”
ไวเท่าความคิด กระเป๋าสะพายถูกเปิดออก หญิงสาวนิ่วหน้าด้วยรู้สึกใจคอไม่ดีเมื่อเห็นว่าข้าวของทุกชิ้นในกระเป๋ารวมถึงโทรศัพท์มือถือเปียกโชกไปหมดแล้ว
โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในสภาพปิดเครื่องไว้ถูกดึงออกมาเป็นอันดับแรก หญิงสาวคว้าผ้าขนหนูที่แขวนอย่างไม่เป็นที่เป็นทางซึ่งอยู่ใกล้มือมาซับน้ำออกจนมันแห้งสนิทดี แล้วกดเปิดเครื่องด้วยความรู้สึกลุ้น
ขวัญชนกพยายามอยู่หลายรอบ แต่ผลก็เป็นเหมือนเดิม...โทรศัพท์ของหล่อนไม่พร้อมใช้งานเสียแล้ว
ร่างสูงใหญ่กำยำกำลังใช้จอบขุดดินบริเวณคันดินเดิมมาถมร่องน้ำขนาดเล็กที่ถูกน้ำเซาะจนเป็นทางให้น้ำจากคลองไหลเข้ามา ณรัณย์ทำงานกับคนงานอีกสองคนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนผ่านไปเกือบชั่วโมง คันดินที่อยู่ติดกับคลองธรรมชาติสายใหญ่ก็ถูกซ่อมแซมจนมีสภาพสมบูรณ์ พร้อมสำหรับเป็นคันป้องกันน้ำจากภายนอกไหลเข้ามาในไร่ในช่วงหน้าฝนนี้
สกลที่ได้รับคำสั่งให้เข้าไปสำรวจคันดินที่อยู่ลึกด้านในก็กลับมาในจังหวะที่งานเสร็จพอดี เขาชำเลืองมองเจ้านายหนุ่มอย่างนับถือใจ ซึ่งแต่เดิมเขาทำงานให้กับท่านอดีตอธิบดีผู้เป็นพ่อ แต่พอรู้ว่าลูกชายคนเล็กของท่านกลับจากต่างประเทศและได้ซื้อไร่นี้เอาไว้ เขาจึงอาสามาทำงานเป็นผู้ช่วย
ตลอดระยะเวลากว่าสองเดือนทำให้สกลรู้ว่าเขาตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกมาเป็นคนสนิทของณรัณย์ เขาชอบนักสำหรับคนหนุ่มไฟแรงที่ทำงานจริงและไม่เคยมีมาดเหยาะแหยะให้เห็นอย่างเช่นเจ้านายหนุ่ม
“เท่าที่ผมเดินดู ยังเห็นร่องน้ำที่น้ำไหลเข้ามาได้อีกหลายจุดเชียวครับ ผมซ่อมจุดรั่วเล็กๆ ไปบ้างแล้ว แต่ถ้าสำรวจรอบเขตไร่ ผมว่าเราต้องเจองานใหญ่ให้ทำแน่ๆ”
“งั้นนายไปเกณฑ์คนงานมาช่วยทำ เอาพวกเครื่องมือขุดดินมาด้วย งานนี้ต้องใช้แรงงานทำกันนี่แหละ เพราะในไร่เราไม่มีรถตักดินหรือพวกเครื่องจักรทุ่นแรงเลย”
“ครับนาย เดี๋ยวผมจะไปกับนายวัน ส่วนนายแดนก็อยู่กับคุณรันที่นี่แล้วกัน”
สกลสั่งการต่อเสร็จสรรพ เขายังไม่คุ้นเคยกับคนงานเก่ามากนัก แต่ก็พอรู้ว่านายวันค่อนข้างเป็นที่รู้จักของเหล่าคนงาน อีกทั้งความเป็นผู้อาวุโสของเจ้าตัวคงช่วยเขาเกณฑ์คนงานมาทำงานนี้ได้ง่ายขึ้น
ส่วนนายแดนนั้นยังหนุ่มยังแน่น สกลจึงให้อยู่กับณรัณย์ ด้วยคิดอย่างรอบคอบแล้วว่าช่วงหน้าฝนและน้ำท่วมแบบนี้ ถ้ามีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น นายแดนจะได้ช่วยดูแลเจ้านายหนุ่มให้ปลอดภัย