ตอนที่ 4 จนทาง
ความเครียดกังวลฉาบบนเรียวหน้าสวยทันที หญิงสาวกำลังนึกถึงความปลอดภัยของหญิงชายชราทั้งคู่มากกว่าตัวเอง
“ถ้าเขาปล่อยน้ำจนน้ำท่วมถนนขึ้นมาเสียก่อน ลุงจะขับรถผ่านไปได้หรือคะ”
“ลุงขับรถได้ ไม่เป็นไรหรอกคุณขวัญ ถนนละแวกนี้ยังใช้งานได้ดี ถ้าฝนยังไม่ตก น้ำยังไม่เพิ่ม เขาก็ไม่ปล่อยน้ำมาง่ายๆ หรอก ถึงปล่อยก็อีกพักใหญ่กว่าจะท่วมถึงถนน”
ลุงทิวบอกเพื่อให้มั่นใจ แต่ขวัญชนกไม่อยากเสี่ยงกับฝนฟ้าช่วงนี้เสียแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นลุงกับป้ารีบออกเดินทางเถอะค่ะ ดูท่าฝนตั้งเค้ามาแล้วด้วย”
“จริงด้วยสิลุง งั้นรีบไปกันเถอะ ถ้าขับรถไปถึงตัวเมืองได้ก็สบายแล้ว เพราะถนนสายหลักที่จะไปต่อชุมพรมันยกสูง ยังไงน้ำก็ท่วมไม่ถึง ถนนไม่ขาดง่ายๆ ถ้าจะน่ากลัวก็เห็นมีแต่ถนนละแวกไร่เรานี่แหละ”
ป้ากิ้มสนับสนุนตาม จากนั้นขวัญชนกจึงล่ำลาหญิงชายชราทั้งคู่ ดวงหน้าสวยเบิกแย้มขณะยกมือขึ้นโบกลา จนรถกระบะแล่นออกห่างจากบ้านพักสองชั้นแล้วเคลื่อนลับหายไปจากสายตา
รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าค่อยๆ จางลงเมื่อเห็นว่าตนอยู่ตามลำพังแล้ว หญิงสาวหันไปมองบ้านสองชั้นทางด้านหลัง ค่ำคืนนี้หล่อนต้องอยู่ตามลำพัง และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ขวัญชนกต้องใช้ชีวิตอยู่ในไร่อย่างเดียวดาย
หญิงสาวเดินเข้าไปในบ้านเพื่อหยิบกระเป๋าสะพายออกไปทำงาน แม้ป้ากิ้มจะย้ำตั้งแต่เมื่อคืนว่าอยากให้หล่อนอยู่บ้านมากกว่า แต่ด้วยบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนแบบนี้ ความหวาดหวั่นที่ต้องอยู่คนเดียวก็เกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
ไปอยู่โรงงานดีกว่า อย่างน้อยที่นั่นก็มีคนทำงานอีกตั้งหลายคน ไม่น่ากลัวเหมือนอยู่ในบ้านกลางไร่คนเดียว
รถจี๊ปคันสีดำแล่นบนถนนที่พาดผ่านกลางไร่กว้าง คนขับรถหรี่ตามองเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้าไกลๆ จนกระทั่งเขาบังคับรถให้เคลื่อนเข้าไปใกล้จนเห็นภาพนั้นชัดเจน เรียวปากหยักก็กระตุกยิ้มอย่างหาเหตุผลไม่ได้
รถมอเตอร์ไซค์คันสีฟ้ากำลังติดหล่มอยู่ข้างทาง หญิงสาวในชุดฟอร์มของบริษัทโทนสีเหลืองที่พรางเรือนร่างจนไร้ทรวดทรงกำลังเข็นมันขึ้นมา และดูเหมือนว่าหล่อนคงพยายามอยู่สักพักแล้ว เพราะล้อของรถจมหายลงในหล่มเกือบครึ่งล้อ
ชายหนุ่มกำลังตัดสินใจว่าจะจอดรถช่วยหล่อนดีไหม แต่พอเห็นสายฝนที่เริ่มเทลงมาประปราย ความคิดหนึ่งก็สะกิดให้เขาบังคับรถเคลื่อนผ่านหล่อนไปอย่างหน้าตาเฉย
กระนั้นดวงตาคมก็ยังอดที่จะปรายมองผ่านกระจกส่องหลังไม่ได้ เจ้าหล่อนมองตามเขามา แม้ไม่เห็นสีหน้า แต่ณรัณย์ก็รู้ว่าหล่อนกำลังคิดอย่างไร โดยดูจากท่าทางยืนเท้าสะเอวนั้น
“ไม่ใช่ธุระของฉัน ฝนตกน้ำท่วมขนาดนี้เธอยังกล้าออกจากไร่ ถ้าเก่งนักก็ช่วยเหลือตัวเองเอาแล้วกัน”
ไหล่กว้างกำยำไหวขึ้นเมื่อจบคำพูดอย่างไม่แยแส
ณรัณย์รู้ว่าถึงขวัญชนกจะเข็นรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นมาจากหล่มได้ แต่หล่อนก็ไปต่อไม่ได้อยู่ดี เพราะเส้นทางเข้าไร่ที่เขาเพิ่งขับรถผ่านมานั้น เกิดน้ำท่วมจนรถของเขาก็แทบจะผ่านไม่ได้อยู่แล้ว
“คนบ้าอะไรเนี่ย เห็นอยู่ตำตาว่าเราต้องการความช่วยเหลือ แทนที่จะจอดรถมาช่วยเราเข็น แต่กลับขับผ่านไปเลย ไม่มีน้ำใจจริงๆ”
ขวัญชนกบ่นอย่างเข่นเขี้ยวขณะยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่ต้องหยาดฝนจนสายตาพร่าเลือน อีกทั้งเสียงเม็ดฝนที่ตกกระทบหมวกกันน็อกดังเปาะแปะก็ทำให้หล่อนเริ่มประสาทเสีย
“รถก็ติดหลุมโคลน แถมฝนก็ตกอีก วันนี้เป็นวันซวยของฉันหรือยังไงนะ”
อารมณ์กรุ่นโกรธทั้งคนทั้งฟ้าฝนเรียกแรงฮึดให้กลับคืนร่างได้อย่างชะงัด หญิงสาวตั้งท่าออกแรงเข็นรถอีกครั้ง เมื่อล้อรถยังหมุนไม่พ้นปากหลุม หล่อนก็ไม่ยอมวางมือ
ขวัญชนกก้มหน้าก้มตาเข็นรถต่อไป แววตาไร้ความรู้สึกของเจ้าของรถจี๊ปคันเมื่อครู่ยังลอยวนอยู่ในหัว และมันก็สร้างพลังเฮือกสุดท้ายให้หล่อนทำภารกิจในมือได้สำเร็จ!
“เย้! เธอทำได้แล้วขวัญชนก เก่งที่สุด! ไม่เห็นต้องให้ใครช่วยเลย”
รอยยิ้มกว้างประดับบนดวงหน้านวลผ่อง หากเมื่อหญิงสาวก้าวขาขึ้นมานั่งคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ แล้วตั้งท่าจะสตาร์ตรถเพื่อเดินทางไปยังที่ทำงาน สายฝนก็โปรยหนาตายิ่งกว่าเดิมจนหล่อนต้องลังเล ครั้นเมื่อก้มมองสภาพเปียกโชกของตัวเอง หญิงสาวก็แทบร้องไห้ อารมณ์ฮึกเหิมเมื่อครู่หายไปจนหมดสิ้น
“เราไม่ได้เอาเสื้อกันฝนมาด้วยสิ คราวนี้จะไปทำงานในสภาพแบบนี้ได้ยังไง”
หญิงสาวเบือนหน้ากลับไปมองด้านหลังสู่ทิศทางที่เพิ่งจากมา แล้วเม้มริมฝีปากไว้แน่น
กลับบ้านดีไหมนะ แล้วตาคนนั้นจะอยู่ในไร่ทั้งวันหรือเปล่า
บางอย่างในตัวของณรัณย์ทำให้ขวัญชนกไม่อยากพาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆ ถึงป้ากิ้มจะไม่พูดเตือนเอาไว้ แต่ด้วยสัญชาตญาณของวัยสาว รวมถึงชาติกำเนิดที่เป็นจุดด่างพร้อยก็ยังติดอยู่ในใจ มันทำให้ลูกที่พ่อไม่ต้องการอย่างหล่อนต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอที่จะไม่ทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
ความระแวดระวังภัยที่โถมเข้ามาในจังหวะนี้ทำให้ขวัญชนกตัดสินใจขับรถไปข้างหน้าแทนที่จะกลับไปยังบ้านที่พักอาศัย
รถมอเตอร์ไซค์คันสีฟ้าเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ด้วยคนขับรถต้องระมัดระวังกับสภาพถนนที่กลายเป็นแอ่งโคลน สายฝนที่โปรยอย่างไม่ลืมหูลืมตาทำให้หล่อนมองเห็นข้างหน้าแค่ในระยะใกล้ จนเมื่อรถเคลื่อนบนถนนที่พาดผ่านกลางไร่มาได้ไม่ถึงครึ่งทาง หล่อนก็ต้องเบรกรถทันที
ดวงตาหวานกะพริบถี่ มองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
น้ำท่วมจนไม่เห็นทางแล้ว! น้ำมาจากไหน แล้วเราจะไปต่อยังไง
หัวใจของหญิงสาวเต้นถี่แรงด้วยความกลัว หล่อนหันมองซ้ายและมองขวาก็เห็นแต่ม่านฝนสีขาวโพลนไปจนทั่ว
ไม่ได้...เราขี่รถผ่านไปไม่ได้แน่ๆ
สายน้ำที่ไหลเชี่ยวตัดผ่านถนนทำให้ขวัญชนกสิ้นหวัง พลันนึกถึงสิ่งที่ลุงทิวบอกไว้เมื่อช่วงเช้าก่อนออกเดินทาง
“หรือว่าเขาเปิดประตูน้ำ ปล่อยให้น้ำจากแม่น้ำระบายเข้ามาแล้ว ทำไมเปิดเร็วจัง ฝนเพิ่งจะตกเอง”
ไม่มีเวลาคิดหาคำตอบมากกว่านี้ เพราะสายน้ำเริ่มรุกเข้ามาเรื่อยๆ ความรักตัวกลัวตายทำให้ขวัญชนกไม่รีรอที่จะบังคับรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจให้แล่นกลับในทิศทางเดิม